ส่วนที่สำนักงานเขตบางรัก คู่รักเพศเดียวกัน ถูกปฏิเสธจด “ทะเบียนสมรส” นักวิชาการ สะท้อนความ “อิหลักอิเหลื่อ” ของกฎหมาย เสนอใช้เวลา 60 วัน พิจารณา “สมรสเท่าเทียม” บูรณาการข้อมูล ผู้มีส่วนได้เสีย
![บันทึกจดแจ้งความรัก](https://theactive.net/wp-content/uploads/2022/02/S__12247049.jpg)
จากกรณีที่สำนักงานเขตบางขุนเทียน จัดกิจกรรม “THE CANDEL OF LOVE” บางขุนเทียน แสงเทียนแห่งรัก ชวนคู่รักเพศเดียวกันร่วมจด “บันทึกจดแจ้งความรัก” เนื่องในวันแห่งความรัก 14 ก.พ. 2565 มีคู่รักที่เป็นผู้มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTIQN+) จำนวน 269 คู่ หรือ 538 คน เข้าร่วมกิจกรรม แม้ทราบดีว่าไม่มีผลในทางกฏหมาย ซึ่งผู้อำนวยการเขตบางขุนเทียน ระบุว่า จะนำข้อมูลที่ได้ส่งต่อไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบการพิจารณาออกกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็น พ.ร.บ.คู่ชีวิต หรือ สมรสเท่าเทียม
ขณะที่ในวันเดียวกัน มีคู่รักเพศเดียวกัน อีกจำนวนหนึ่ง เลือกไปจดทะเบียนสมรสที่สำนักเขตบางรัก แต่ถูกปฏิเสธ เนื่องจากขัดประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่กำหนดให้ชายและหญิงเท่านั้น จดทะเบียนสมรสกันได้ ด้าน กลุ่มภาคีสีรุ้งเพื่อการสมรสเท่าเทียมกล่าวว่า ต้องการร่วมกิจกรรมจดทะเบียนสมรส เหมือนกับคู่ชาย-หญิง เนื่องจากต้องการได้รับสิทธิและสวัสดิการ เช่นเดียวกับคู่สมรสคนอื่น ๆ โดยเฉพาะสิทธิ์การรักษาพยาบาล
ผศ.รณภูมิ สามัคคีคารมย์ อาจารย์ประจำคณะสาธารณสุขศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ และทำงานด้านสิทธิของกลุ่ม LGBTIQN+ กล่าวกับ The Active ว่า การที่เจ้าหน้าที่สำนักงานเขตบางรัก ปฏิเสธจดทะเบียนสมรสให้กับคู่รักเพศเดียวกัน เป็นสิ่งที่ชอบธรรมตามกฎหมาย หากอ้างอิงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่เราใช้ในปัจจุบัน แต่ก็ย้อนแย้งกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับสำนักเขตบางขุนเทียน ที่เปิดให้คู่รักเพศเดียวกันจด “บันทึกจดแจ้งความรัก” ได้ แต่ไม่มีผลในทางกฎหมาย เพื่อที่จะสะท้อนว่าทางเขตเห็นความสำคัญในเรื่องนี้ ทั้ง 2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันเดียวกัน เป็นที่มาที่ทำให้สังคมตั้งคำถาม สิ่งนี้สะท้อนไปที่ปัญหาเชิงโครงสร้างว่า เมื่อไม่มีกฎหมายรองรับและไม่มีความชัดเจน จึงทำให้เจ้าหน้าระดับปฏิบัติการต้องทำงานแบบ “อิหลักอิเหลื่อ”
![สมรสเท่าเทียม จดแจ้งความรัก](https://theactive.net/wp-content/uploads/2022/02/Untitled1-1024x545.jpg)
ผศ.รณภูมิ ยังเสนอว่า จำนวนคนที่เข้าไปร่วมบันทึกจดแจ้งความรัก หรือถูกปฎิเสธจดทะเบียนสมรส สะท้อนว่ามีคนที่ไม่ได้นิยามว่าตัวเองว่าเป็นเพศชายหรือหญิง อย่างน้อยในกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีความต้องการ จำเป็น ที่จะได้สิทธิและสวัสดิการในฐานะคู่สมรส อาจะสะท้อนว่า กทม. ต้องการบันทึกข้อมูลซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ ในการสื่อสารต่อสาธารณะ หรือตราออกมาเป็นกฎหมาย
“เราจะเห็นว่าการอภิปรายล่าสุดเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่เสนอโดยพรรคก้าวไกล ก็มีข้อถกเถียงในรัฐสภาอยู่ประเด็นหนึ่ง คือ จำนวนหรือประชากรที่ต้องการกฏหมายนี้มีเท่าไหร่ แต่หัวใจสำคัญของการได้มาซึ่งสมรสเท่าเทียมแม้คนมีจำนวนน้อย แต่ทำให้คุณภาพชีวิตของคนไม่กี่แสนคู่สามารถเข้าสู่สิทธิ-สวัสดิการ ก็เป็นสิ่งรัฐสภา รัฐบาล จะต้องลงทุน”
ผศ.รณภูมิ สามัคคีคารมย์
ส่วนการที่ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือสมรสเท่าเทียม ที่เสนอโดยพรรคก้าวไกล สภาฯ อนุมัติให้ ครม. นำไปศึกษาก่อนรับหลักการ 60 วัน ผศ.รณภูมิ กล่าวว่า นี่เป็นหมุดหมายสำคัญที่ที่ปรึกษาของรัฐบาลด้านกฎหมาย คือ สำนักงานกฤษฎีกา ควรเป็นเหมือนเจ้าภาพในการรวบรวมข้อมูลที่ ส.ส. หรือประชาชนสงสัย ว่าคนที่จะได้ประโยชน์จาก “สมรสเท่าเทียม” มีกี่คน รวมถึงเชิญผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
เช่น สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่มีตัวเลขบางส่วนเกี่ยวกับกลุ่ม LGBTIQN+ หรือสิทธิสวัสดิการ ที่จะได้มาจากการสมรส, สำนักงานสถิติแห่งชาติ ที่เป็นองค์กรภาครัฐ ที่สามารถสะท้อนตัวเลขที่เทียบเคียงได้, กลุ่มนักวิชาการ มหาวิทยาลัย จำนวนมากที่ทำงานวิจัยเกี่ยวกับ LGBTIQN+ ที่จะสามารถพยากรณ์กลุ่มประชากรได้ หรือ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ที่เป็นองค์กรกลาง รวมถึงดึงผู้ที่มีส่วนได้เสียเกี่ยวกับกฎหมายฉบับนี้เข้ามาพูดคุย เพื่อจะทำให้ข้อมูลมีความสมเหตุ สมผล ในการอภิปรายครั้งถัดไป
![สมรสเท่าเทียม](https://theactive.net/wp-content/uploads/2022/02/Untitled-1024x435.jpg)
ขณะที่ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือ สมรสเท่าเทียม ฉบับประชาชน ผ่าน www.support1448.org มีผู้ร่วมลงชื่อสนับสนุนแล้วกว่า 2.9 แสนชื่อ ใกล้ถึงเป้าหมาย 3 แสนรายชื่อ เพื่อเข้าชื่อเสนอร่าง พ.ร.บ. ต่อรัฐสภา