ชี้ ประชาชนต้องมีสิทธิเสรีภาพในการรวมกลุ่ม ร่วมกำหนดอนาคตในการพัฒนาประเทศ มองรัฐบาลส่อเจตนาไม่บริสุทธิ์ ใช้ระบบราชการอำนาจนิยมแบบเผด็จการควบคุม เป็นภัยคุกคามการรวมกลุ่มของประชาชน
วันนี้ (7 ม.ค. 2564) กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “เครือข่ายคัดค้านร่างกฎหมายควบคุมภาคประชาชน” ออกแถลงการณ์คัดค้านร่างพระราชบัญญัติการดำเนินกิจกรรมขององค์กรไม่แสวงหากำไร พ.ศ. …. ซึ่งที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพิ่งมีมติเห็นชอบแนวทางการยก ร่างพระราชบัญญัติฯ ดังกล่าวของคณะกรรมการกฤษฎีกา เมื่อวันที่ 4 มกราคม ที่ผ่านมา และมอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) รับร่างพระราชบัญญัติฯ ดังกล่าว ไปดำเนินการรับฟังความคิดเห็นและวิเคราะห์ผลกระทบ ก่อนเสนอ ครม. อีกครั้ง
เครือข่ายคัดค้านร่างกฎหมายควบคุมภาคประชาชน มองว่าเป็นกฎหมายที่ไม่สอดคล้องต่อเสรีภาพในการรวมกลุ่มขององค์กรภาคประชาชน ไม่เป็นไปตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ระบุ ที่ผ่านมามีกฎหมายหลายฉบับทำหน้าที่กำกับดูแลและตรวจสอบตามภารกิจและรูปแบบการจัดตั้งองค์กรอยู่แล้ว ย้ำชัด คัดค้านถึงที่สุด พร้อมเชิญชวนองค์กร ภาคีเครือข่ายภาคประชาชนทั่วประเทศ ออกมาร่วมปกป้องสิทธิเสรีภาพของตนเอง
สำหรับรายละเอียดของแถลงการณ์ ระบุว่า “การเสนอร่างพระราชบัญญัติการดำเนินกิจกรรมขององค์กรไม่แสวงหากำไร พ.ศ. …. ของรัฐบาล ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา โดยอ้างว่าองค์กรไม่แสวงหากำไรและองค์กรภาคประชาชนทั่วประเทศที่ทำงานเพื่อประโยชน์สาธารณะ ขาดธรรมาภิบาล ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย มีเถยจิตแอบแฝง มีความเกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน จึงต้องควบคุมเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย ท่ามกลางเสียงคัดค้านของภาคประชาชนทั่วประเทศ ได้แสดงให้เห็นถึงความไม่สนใจใยดีต่อเหตุผลที่เครือข่ายภาคประชาชนพยายามนำเสนอเพื่อให้รัฐบาลได้พิจารณาทบทวนความคิดในการตรากฎหมายฉบับดังกล่าว”
เครือข่ายคัดค้านร่างกฎหมายควบคุมภาคประชาชนมองว่ากฎหมายฉบับดังกล่าว “ไม่สอดคล้องกับเสรีภาพในการรวมกลุ่มการชุมนุมสาธารณะ การแสดงออกและสิทธิการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร มีการใช้อำนาจรัฐเกินขอบเขต โดยเฉพาะอำนาจข้าราชการในการใช้ดุลพินิจว่ากิจการใดขัดต่อความสงบเรียบร้อย ขัดต่อความมั่นคงของรัฐได้ตามอำเภอใจ มีอำนาจสั่งห้ามไม่ให้มีการกระทำนั้น ๆ ได้โดยไม่สามารถฟ้องร้องศาลปกครองได้”
ขณะที่ สิทธิเสรีภาพดังกล่าวนี้ได้ถูกรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญหลายฉบับ รวมทั้งฉบับปัจจุบัน ทั้งยังระบุในกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้สิทธิการมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ ที่สามารถกำหนดทิศทางและนโยบายสาธารณะอย่างมีเป้าหมายและมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งต้องมีหลักประกันสิทธิเสรีภาพที่ปลอดจากความกลัวปลอดจากความหิวโหย และสามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ อันถือเป็นการสร้างสมดุลทางอำนาจระหว่างภาครัฐภาคธุรกิจและภาคประชาสังคมในการจัดสรรทรัพยากรของสังคมอย่างสมดุลเท่าเทียมและเป็นธรรม
เป็นที่ประจักษ์ว่าร่างพระราชบัญญัติการดำเนินกิจกรรมขององค์กรไม่แสวงหากำไร พ.ศ. …. มีเจตนาและเนื้อหาต้องการควบคุมกำกับและเข้าข่ายคุกคามการรวมกลุ่มของประชาชนในทุกรูปแบบ โดยอ้างเหตุผลว่าต้องการจัดระบบกลุ่มองค์กรทางสังคมในประเทศให้มีความสงบเรียบร้อยมากขึ้น ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว ปัจจุบันประเทศไทยมีกฎหมายหลายฉบับได้ทำหน้าที่กำกับดูแลและตรวจสอบการรวมกลุ่มทางสังคมเพื่อสาธารณประโยชน์อยู่แล้ว ทั้งองค์กรในรูปแบบจัดตั้งเป็นมูลนิธิ สมาคม และองค์กรที่ตั้งขึ้นมาโดยไม่ได้จดทะเบียนต่าง ๆ เช่น การรวมตัวรวมกลุ่มของชุมชน ประชาชนที่ทำงานเพื่อให้เกิดการคุ้มครองสิทธิ ตลอดจนการจัดตั้งองค์กรภายใต้กฎหมายเฉพาะต่าง ๆ องค์กรเหล่านี้ก็ได้ปฏิบัติตามกฎหมายฉบับต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดเสมอมา
ดังนั้น ความพยายามของรัฐบาลที่ต้องการผลักดันกฎหมายฉบับนี้กำลังสอนเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ และกำลังใช้ระบบราชการอำนาจนิยมแบบเผด็จการทหารในการกำกับควบคุมภาคประชาชน ให้ดำเนินกิจกรรมอยู่ภายใต้การรวมศูนย์อำนาจของตนเองเท่านั้น อันเป็นภัยคุกคามการรวมกลุ่มของประชาชน มากกว่ามองเห็นเป็นหุ้นส่วนซึ่งเป็นปฏิปักษ์และบ่อนทำลายระบอบประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมอย่างสิ้นเชิง และขัดต่อหลักการสำคัญของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 และกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ
เครือข่ายคัดค้านร่างกฎหมายควบคุมภาคประชาชน ขอยืนยันว่าพวกเราไม่ได้ปฏิเสธการถูกตรวจสอบเพื่อความโปร่งใสแต่เราไม่ยอมรับและขอคัดค้านร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้อย่างถึงที่สุดจนกว่าจะมีการถอนร่างกฎหมายฉบับนี้ ด้วยเหตุผลที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นทั้งนี้ จะมีการนัดหมายองค์กรเครือข่ายภาคประชาชนทั่วประเทศที่ได้มีการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันแล้วกว่า 1,800 องค์กร ให้ออกมาคัดค้านรัฐบาลในเรื่องนี้ก่อนที่จะมีการนำร่างกฎหมายฉบับนี้เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีครั้งต่อไป โอกาสนี้จึงขอเรียกร้องไปยังกลุ่มองค์กรภาคีเครือข่ายภาคประชาชนทั่วทุกภูมิภาค ได้ออกมาปกป้องสิทธิเสรีภาพของตนเองในการรวมกลุ่มทำกิจกรรมเพื่อสาธารณประโยชน์ร่วมกับพวกเราโดยพร้อมเพรียงกัน
…