‘ธรรมนัส’ ต่อสายตรง​ ‘วราวุธ’​ ถอนกำลังออกจากใจแผ่นดิน วันนี้​

ภาคีเครือข่าย​ #save​บางกลอย​ ยังปักหลักหน้าทำเนียบรัฐบาล รอดูสถานการณ์​ใจแผ่นดิน​ คณะทำงานแก้ปัญหาบางกลอยเร่งถกหาทางออก​ ถอยคนละก้าว

วันนี้ (15​ ก.พ.​ 2564) ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล​ กลุ่มประชาชนผู้รักความเป็นธรรมและภาคี #SAVEบางกลอย ซึ่งมีทั้งตัวแทนชาวบ้านบางกลอย​ และนักกิจกรรม​กลุ่มต่าง ๆ​ นำกะลามะพร้าวและไม้ไผ่ มาตีกระทบกันเพื่อเกิดเสียงดัง ตามความเชื่อของชาติพันธุ์กะเหรี่ยงในการเรียกรวมพลเมื่อเกิดเหตุร้าย​ในหมู่บ้าน เป็นส่วนหนึ่งของการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์​ ที่มีเป้าหมายทวงคืนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ให้กับกลุ่มชาติพันธ์ุ

ตั้งแต่ช่วงเช้า​ เจ้าหน้าที่ตำรวจเริ่มตรึงกำลังเพื่อไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมเดินเข้าไปประชิดกับแนวประตูของทำเนียบรัฐบาลในรัศมีไม่เกิน 50 เมตร​ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจประกาศเสียงตามสาย​ ระบุว่า ตอนนี้มีการประกาศพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 หากมีการเดินเข้าไปประชิดทำเนียบรัฐบาล​จะเป็นการชุมนุมผิดกฎหมายทันที

จากนั้น​ ร้อยเอก ธรรมนัส​ พรหมเผ่า​ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งได้รับมอบหมายจาก พลเอก​ ประวิตร วงษ์สุวรรณ​ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย สุภรณ์​ อัตถาวงศ์​ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนรัฐบาลออกมาพบกับกลุ่มผู้ชุมนุมรับฟังปัญหาและข้อเสนอ เร่งด่วน 3 ข้อ คือ 1. ถอนกำลังเจ้าหน้าที่ออกจากหมู่บ้านใจแผ่นดิน 2. ยุติการตั้งด่านสกัดขนเสบียงขึ้นหมู่บ้าน​ และ 3. ถอนคดีการชุมนุม ที่หน้ากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เมื่อวันที่ 5 ก.พ. ที่ผ่านมา ที่มีผู้ที่มีผู้ถูกออกหมายจับ 10 คน

จากนั้น ร้อยเอก​ ธรรมนัส​ โทรศัพท์ต่อสายตรงถึง วราวุธ​ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรและธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ทันที​ หลังจากนั้นประกาศยืนยันว่าจะมีการถอนกำลังเจ้าหน้าที่ออกจากหมู่บ้านใจแผ่นดินวันนี้​ และพร้อมทำตามทุกข้อเสนอ

“นอกจากข้อเสนอเร่งด่วนทั้ง 3 ข้อแล้ว ยังมีการเร่งรัดการประชุมของคณะทำงานเพื่อแก้ไขปัญหากะเหรี่ยงบางกลอย ที่เดิมจะลงพื้นที่ในวันที่ 19​ กุมภาพันธ์​ เลื่อนมาเป็นวันพรุ่งนี้เพื่อหาข้อสรุป ในแนวทาง​ ถอยคนละก้าว”

ด้าน พชร คำชำนาญ ผู้ประสานงานกลุ่ม #SAVEบางกลอย บอกว่าเป้าหมายสูงสุดของการเคลื่อนไหว คือ การที่ชาวกะเหรี่ยง​บางกลอย​ ได้กลับคืนสู่หมู่บ้านใจแผ่นดินอย่างถาวร​ เพราะตลอด 20 ปีที่ผ่านมา​ เผชิญปัญหาความไม่เป็นธรรมในที่ดินทำกิน​ หลังถูกอพยพลงมา​ แต่ก็ยอมรับว่าเป็นเป้าหมายที่ท้าทาย เพราะท่าทีของภาครัฐยังคงยืนยันในการบังคับใช้กฎหมายอุทยานแห่งชาติ​ ผลักดันกลุ่มชาติพันธุ์ออกจากผืนป่า​ ข้อเสนอเฉพาะหน้า คือ การขอให้ถอนกำลังเจ้าหน้าที่อุทยานที่ติดอาวุธ​ ซึ่งได้สร้างความไม่ไว้ใจให้กับชาวบ้าน เพราะกังวลเรื่องความไม่ปลอดภัย และกลัวจะซ้ำรอยเหตุ​การณ์​ เผาบ้านกะเหรี่ยงเมื่อปี 2554 เป็นที่มาของการออกมาเคลื่อนไหวของภาคีเครือข่าย #SAVEบางกลอย หน้าทำเนียบรัฐบาลวันนี้​ หลังจากเคยยื่นข้อเสนอถึงรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม​ เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์​ แต่ไม่ได้รับการตอบรับ

“ชาวบ้านบางกลอยยังคงปักหลักรอดูสถานการณ์จากในพื้นที่อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี​ ว่าหลังจากที่ร้อยเอก ธรรมนัส​ ได้มีการต่อสายตรงไปถึงนายวราวุธ​ ให้ถอนกำลังออกจากพื้นที่นั้น​ จะทำได้จริงหรือไม่ ซึ่งหากคำตอบในพื้นที่ที่รอฟังอยู่ไม่เป็นผล ก็พร้อมที่จะปักหลักยาว”

พชร กล่าวอีกว่า​ เตรียมสร้างแบบจำลองบ้านของชาติพันธุ์กะเหรี่ยงเท่าขนาดจริง อยู่ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเป็นบ้าน​แบบเดียวกับที่เคยถูกเจ้าหน้าที่อุทยานเผาเมื่อปี 2554 ซึ่งนับเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่ง​ เพื่อตอกย้ำความไม่เป็นธรรมของรัฐในการกดขี่ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของกลุ่มชาติพันธุ์​กะเหรี่ยง​ ในช่วงเวลาที่ผ่าน

ขณะเดียวกัน​ เมื่อช่วงเช้า คณะอนุกรรมการสมานฉันท์เชิงประเด็น​ บางส่วน ได้ประชุมรับฟังปัญหาความเดือดร้อนจากตัวแทนชาวบ้านบางกลอย

เตือนใจ ดีเทศน์ หนึ่งในอนุกรรมการบอกว่า เป็นประเด็นที่มีความเห็นต่าง ความขัดแย้งกัน ระหว่างชาวบ้านและเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หากไม่แสวงหาทางออก อาจนำมาสู่ความขัดแย้งรุนแรง จึงต้องหารือเพื่อจัดทำข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างสันติ โดยภายหลังการหารือจะนำข้อสรุปเสนอและหารือในคณะกรรมการสมานฉันท์ชุดใหญ่ที่จะประชุมในช่วงบ่ายวันนี้ ก่อนเสนอต่อรัฐบาล

Author

Alternative Text
AUTHOR

วชิร​วิทย์​ เลิศบำรุงชัย

ผู้สื่อข่าวสาธารณสุข ThaiPBS