นักวิชาการ แนะ รัฐมองคุณค่าของพื้นที่ใช้สอย เหนือมูลค่าในการแลกเปลี่ยน ขอการรถไฟฯ อย่างเดียว คือ แบ่งพื้นที่เช่า
ถนนของการเรียกร้องที่อยู่อาศัยริมทางรถไฟ ยังพลุกพล่านไปด้วยคนจนเมืองที่เรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐ จัดสรรทรัพยาการที่ดินอย่างเป็นธรรม ไม่ละเลยคนจนเมือง แรงงานคนสำคัญของกรุงเทพฯ ด้วยการแลกที่ให้นายทุน
นักวิชาการ ตัวแทนชุมชนริมทางรถไฟ และนักเคลื่อนไหวทางสังคม ร่วมเสวนา “วิถีทางชีวิตชุมชนริมทางรถไฟ ฤๅโครงการมา ถึงคราเราต้องไป?” ภายใต้ชุดโครงการเสวนาวิชาการ สิทธิที่จะมีส่วนร่วมในเมือง โดย ศูนย์ศึกษาสังคมและวัฒนธรรมร่วมสมัย คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ม.ธรรมศาสตร์
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2020/09/163329-1-1024x768.jpg)
เชาวน์ เกิดอารีย์ ประธานชุมชนบุญร่มไทร เขตราชเทวี กทม. บอกว่า ชุมชนราชเทวี เป็นน้องใหม่ที่กำลังถูกไล่รื้อ จากการพัฒนาพื้นที่การรถไฟฯ ในเชิงพาณิชย์ ซึ่งประสบปัญหาเดียวกับชุมชนริมทางรถไฟในเขตจตุจักร บางซื่อ และห้วยขวาง จึงรวมตัวกันเป็น เครือข่ายชุมชนคนเมืองผู้ได้รับผลกระทบรถไฟ (ชมฟ.) หวังสร้างพลังขับเคลื่อนการแก้ปัญหาที่ดินริมทางรถไฟ เช่นเดียวกับการต่อสู้ของเครือข่ายสลัม 4 ภาคในอดีต
“โครงการพัฒนาพื้นที่ริมทางรถไฟตามที่การรถไฟฯ กำหนดไว้กำลังเดินหน้า ระยะเวลาในการต่อรองก็สั้นลง ก่อนหน้านี้เรามีการเตรียมความพร้อม และแก้ไขปัญหาผ่าน สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน หรือ พอช. แต่เราได้วางแผนเจรจาเชิงรุกมากขึ้น โดยผลักดันในการรถไฟฯ กระทรวงคมนาคม และ พอช. เซ็น MOU อยู่ร่วมกัน เพื่อให้เกิดการเยียวยาที่ดินที่อยู่อาศัยของชาวบ้านด้วยมาตรการเดียวกับมติ คณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย ปี 2543 ที่ระบุให้ ชาวบ้านสามารถอยู่ในพื้นที่การรถไฟฯ ได้ผ่านการเช่าที่ในราคาถูก”
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2020/09/163332-1-1024x768.jpg)
อัภยุทธ์ จันทรผา กลุ่มปฏิบัติการคนจนเมือง เล่าว่า ช่วงปี 2540 เกิดการไล่รื้อที่ดินริมทางรถไฟครั้งใหญ่ และเกิดเครือข่ายสลัม 4 ภาค เพื่อเรียกร้องสิทธิที่จะอยู่ในเมือง เรื่องจากมองว่าการไล่คนจนออกนอกเมือง ไม่เป็นธรรม เพราะคนจนคือแรงงานขับเคลื่อนเมือง แม้ว่าจะมีนโยบายสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ในรูปแบบของอาคารสูง หรือย้ายไปอยู่แถบชานเมือง ไกลจากแหล่งงานส่งผลกระทบต่อการทำมาหากิน จึงเสนอแนวทางแก้ปัญหาใหม่ คือการมีส่วนร่วมในเชิงนโยบาย และให้การรถไฟฯ แบ่งปันที่ดิน หรือ land sharing เพื่อให้คนจนได้เช่าที่ดินอยู่อาศัยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ ด้วยการปรับปรุงที่ดินเดิม หรือย้ายไปอยู่ที่ใหม่ แต่ไกลจากเดิมไม่เกิน 5 กิโลเมตร เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อวิถีชีวิตเดิม
“ถ้าอาคารสูงอย่างการเคหะสงเคราะห์ หรือการย้ายไปอยู่ที่อื่น คือทางออก วันนี้คงไม่มีสลัมในเมืองไทยแล้ว เพราะการเคหะฯ เกิดขึ้นมาตั้งนานแล้ว แต่เพราะวิถีชีวิตของเขาไม่เหมาะกับการอยู่บนอาคารสูง เช่น จะทำกับข้าวกับปลาก็ไม่มีที่ทางเพียงพอ หรือหากจะไปอยู่นอนเมือง ก็ไกลจากแหล่งงานเดิม… ที่ดินทางรถไฟฯ แบ่งปันให้เอกชนเช่าได้ 20-30 ปี ทำไมจะให้เช่ากับคนจนริมทางรถไฟไม่ได้”
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2020/09/163331-1-1024x768.jpg)
สอดคล้องกับ ผศ.บุญเลิศ วิเศษปรีชา คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ม.ธรรมศาสตร์ ที่เปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นของผู้อาศัยริมทางรถไฟ ในพื้นที่เขตราชเทวี จำนวน 106 คน พบว่า ส่วนใหญ่มีพื้นที่ทำงานอยู่ในพื้นที่ใกล้ที่พักอาศัย ซึ่งผู้ที่ทำงานไกลบ้านเกิน 5 กิโลเมตร เพียงแค่ 2 คนเท่านั้น และเห็นได้ชัดว่า วิถีชีวิตของคนริมทางรถไฟถือเป็นแรงงานที่สนับสนุนความเป็นอยู่ของคนชนชั้นกลาง โดยยกตัวอย่าง การค้าขายในพื้นที่ริมทางเท้า ซ.เพชรบุรี 5 และในระแวกตึกใบหยก ที่มีหาบเร่แผงลอย แหล่งอาหารราคาถูก ร้านรวงเหล่านั้นมาจากผู้อาศัยในชุมชนริมทางรถไฟ ชีวิตการประกอบอาชีพของคนกลุ่มนี้ จึงสัมพันธ์กับเมืองอย่างแยกกันไม่ขาดเรียกได้ว่า “เมืองจะเจริญไม่ได้ถ้าปราศจากคนจน”
“การแก้ปัญหาการแย่งชิงพื้นที่ริมทางรถไฟ จึงควรจะท้าทายตรรกะของทุนนิยม การหารือต้องไม่ใช่แค่การมีส่วนร่วมแบบกลวง ๆ ไม่ควรใช้หลักคิดว่าที่ดินในเมืองมีราคาแพง ให้คนรวยเช่าดีกว่าเพราะสมประโยชน์กว่า หรือเพราะคนรวยพร้อมจ่ายแพงกว่าพี่น้องอยู่แล้ว ถ้าคิดแบบนี้คือเงินเป็นใหญ่ แต่ควรจะมองว่าที่ดินควรให้ใครใช้ประโยชน์เพื่อสร้างประโยชน์ให้แก่ส่วนร่วมได้มากกว่า ถ้าเราไม่คิดเกมใหม่ ถ้ายังคิดหาเหตุผลในแบบทุนนิยม ใครมีเงินมากก็เอาไป ยังไงก็ไม่มีทางชนะ กล่าวคือ ควรให้คุณค่ากับพื้นที่ใช้สอย (use value) เหนือมูลค่าในการแลกเปลี่ยน (exchange value) เพราะ พี่น้องก็อยู่ในเมือง ให้ประโยชน์แก่เมืองทำไมต้องถูกขับออก”
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2020/09/163330-1-1024x768.jpg)
ในวันที่ 5 ต.ค. ที่จะถึงนี้ ในโอกาสที่เป็นวันที่อยู่อาศัยโลก เครือข่ายชุมชนคนเมืองผู้ได้รับผลกระทบรถไฟ (ชมฟ.) จะเดินทางไปที่กระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อเรียกร้องให้มีมติช่วยเหลือเยียวยาผู้อยู่อาศัยริมทางรถไฟ ตามข้อเสนอที่ได้กล่าวข้างต้น
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2020/09/163327-1-1024x768.jpg)
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2020/09/163328-1-1024x768.jpg)