เห็นต่าง ต่างวัย…แค่เราคุยกัน

คณณ วัฒนพงษ์ | ผู้เข้าร่วมโครงการ Thailand Talks 2021

อยุธยาวันเสาร์อาทิตย์คลาคล่ำไปด้วยนักเรียนนักศึกษาที่มาทัศนะศึกษา ชาวต่างชาติเริ่มเดินทางเข้ามาเมื่อเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยว หลังการท่องเที่ยวซบเซาไปหลายปี อุทยานประวัติศาสตร์คึกคักราวกับได้ชีวิตกลับมาอีกครั้ง หลังการรับมือวิกฤตโรคระบาดอย่างอดทน เสียงตะโกนหยอกล้อของนักเรียน นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และไกด์ท้องถิ่นเดินทางมาถึงพร้อมรถตุ๊ก ๆ ชาวเอเชียยกมือไหว้เจดีย์ ชาวไทยสวดมนต์อธิษฐาน พ่อจูงมือลูกน้อยสอนให้เดินขึ้นบันไดชันขององค์พระเจดีย์อย่างระมัดระวัง พลางนับจำนวนขั้น 

แสงแดดยามสายสะท้อนเจดีย์สีขาวแสบตาจนต้องเบือนหน้าหนี กิ่งก้านต้นพุทราโยกไหว ลมโชยอ่อนพอให้คลายร้อน หากไม่คิดอะไร ชีวิตดูเหมือนว่าดำเนินไปเกือบจะปกติ อย่างน้อยก็ที่อุทยานประวัติศาสตร์แห่งนี้ 

เห็นต่าง

คณณ พนักงานธนาคารแห่งหนึ่งในอยุธยานั่งอยู่บนกำแพงอิฐโบราณที่เคยเป็นกำแพงวัดเก่า แล้วเล่าความคิดของเขา 

ที่บ้านเมื่อสักครู่เห็นภรรยากำลังตั้งครรภ์ คนหนุ่มอย่างคุณวางแผนชีวิตไว้ยังไง

คณณ : ผมวางแผนไว้ว่าอยากมีลูกสองคน เพราะผมเป็นลูกคนเดียว แฟนผมก็เป็นลูกคนเดียว 

เวลามีปัญหาผมปรึกษาแม่ทุกเรื่องก็จริง แต่การที่วัยต่างกันบางทีมันก็มีบางเรื่องที่ไม่เข้าใจกัน 

ผมอยากให้ลูกมีพี่มีน้องในวัยเดียวกันที่คุยกันไดั รับฟัง ปรึกษากัน มันน่าจะทำให้เขาไม่โดดเดี่ยวเกินไป 

เดี๋ยวนี้คน Gen Y Z คือคนรุ่นเดียวกับคุณไม่อยากมีลูกกันแล้ว บางเหตุผลคือ สังคมไม่ดี โลกไม่น่าอยู่ ปัญหาสิ่งแวดล้อมนับวันจะอยู่ยากขึ้น คุณคิดเรื่องนี้ยังไง

คณณ : ผมคิดว่าการที่ตัดสินใจจะไม่มีลูกเพราะโลกไม่น่าอยู่ สังคมไม่ดี มันคือการหนีปัญหา ไม่ใช่การแก้ปัญหา อย่างย้อนกลับมาดูปัญหาการเมืองบ้านเรา ถ้าเราเห็นอะไรที่มันเป็นปัญหา แล้วคิดว่ามันจะเป็นปัญหาในอนาคตแล้วไม่ทำอะไร อยู่เงียบ ๆ ปล่อยมัน นั่นก็คือการหนีปัญหา แต่การที่เราลงแก้ปัญหามันอาจจะไม่สำเร็จในรุ่นของเรา บางเรื่องมันต้องใช้เวลา สิ่งที่ดีขึ้นอาจจะไม่ตกอยู่ในช่วงชีวิตของเรา คนที่ได้รับประโยชน์มีชีวิตที่ดีขึ้นอาจจะเป็นลูก เป็นหลานของเพื่อน ของญาติพี่น้อง หรือลูกหลานของเรา แต่มันเกิดจากความตั้งใจของเรา มันไม่สูญเปล่าหรอกครับ จะช้าจะเร็ว สิ่งที่เราเริ่มลงมือทำต้องสำเร็จแน่นอน 

คณณ หรือ เจี๊ยบ เป็นลูกคนเดียวที่พ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่เด็ก แต่เขาคิดว่ามันไม่ใช่ปัญหาหรือปมด้อยในชีวิต แม้ว่าเขาจะใช้ชีวิตเกเรไปบ้างในวัยรุ่น แต่สาเหตุไม่ใช่การขาดความอบอุ่น เพราะเขายังเจอพ่อแม่อยู่เสมอ แต่เป็นฮอร์โมนของวัยรุ่นมากกว่าอย่างอื่น เขาเกิดและเติบโตที่อยุธยา สำเนียงของเขาก็บอกอย่างนั้น และเขามักรับคำว่า “จ้ะ” มากกว่า “ครับ” เมื่อเรียนจบมัธยมปลาย เขาเข้ากรุงเทพฯ ไปเรียนต่อมหาวิทยาลัย แต่อาการติดเที่ยว ติดเพื่อน ไม่ค่อยไปเรียน กลางคืนเที่ยว กลางวันนอน ทำให้ผลการเรียน 7 วิชา เป็น D 2 ตัว นอกนั้นเป็น F ผลก็คือคณณตัดสินใจเดินทางกลับอยุธยาเพื่อที่จะอยู่ใกล้ครอบครัว เริ่มต้นชีวิตใหม่ กับการเริ่มต้นเรียนครั้งใหม่ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏอยุธยา

ชีวิตที่ใกล้ชิดครอบครัว มีเพื่อนใหม่ที่อายุน้อยกว่า และตัวเขามีประสบการณ์มากกว่า เคยผ่านช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของวัยรุ่นมาแล้ว อารมณ์ที่เคยร้อนรุ่ม ใจที่อยากเที่ยวเตร่มีความนิ่งมากขึ้น ทำให้คณณเห็นมุมมองชีวิตอีกแบบ ชีวิตเขาจึงนิ่งขึ้น ส่วนความสนใจเรื่องความขัดแย้งทางการเมืองนั้นเข้ามาหาเขาเอง ซึ่งก่อนหน้านี้เขาไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้นัก แต่กลุ่มเพื่อนที่เด็กกว่าสนใจการเมืองและชอบคุยกันเรื่องนี้ “แบบไม่ซีเรียส” ทำให้เขาเริ่มก็ข้อสังเกตและสนใจข่าวคราวและการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง

คุณเคยไปชุมนุมทางการเมืองไหม 

คณณ : ผมอยากไปนะแต่ทางบ้านไม่อยากให้ไป เขากลัวเราเกิดอันตราย เเต่ผมไม่คิดว่าการชุมนุมจะทำให้เกิดความรุนแรงนะ ผมคิดว่ามันไม่อันตราย พวกเขาแค่อยากออกไปแสดงออกว่าพวกเขาคิดยังไง พวกเขาชุมนุมเพราะอยากให้มันเกิดความเปลี่ยนแปลง เพื่อทุกคนมันจะมีชีวิตที่ดีขึ้น และสื่อสารความต้องการให้กระจายออกไป เมื่อเกิดการชุมนุมเรียกร้อง สำนักข่าวก็จะมาทำข่าว ยูทูบเบอร์ก็จะมา

ถ้าพูดอยู่บ้านก็เหมือนพูดให้ตัวเองฟังอยู่คนเดียว ใครจะไปเห็น ความเปลี่ยนแปลงมันก็ไม่เกิด การเมืองอาจจะเปลี่ยนไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เราก็ต้องพยายามแต่จะดีขึ้นไหมเราก็ไม่รู้ แต่มักก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย

คุณกับครอบครัวคิดเห็นเรื่องการเมืองเหมือนกันไหม

คณณ : ความคิดเห็นของผมมันจะต่างจากคนอื่น ๆ ในครอบครัว มีอยู่วันหนึ่ง แม่เรียกลุงป้าน้าอา มาถล่มผม ใส่ผมกระจุยเลย อาจจะคิดว่าผมยังเด็ก ตอนนั้นผมอายุ 20 กว่า ๆ ผมก็รับฟังนะ พอเขาพูดจบ ผมก็อธิบายความคิดของผม อาจจะเพราะผมเป็นคนรั้น แต่พอเวลาผ่านไปหลายอย่างเปลี่ยนแปลง หลายอยากที่ผมบอกเขา เช่นนโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาลทหาร การคอร์รัปชัน การแจกเงิน สินค้าราคาแพง เงินเฟ้อ เศรษฐกิจตกต่ำ ทุกอย่างมันก็เริ่มเป็นเหมือนกับที่ผมบอกครอบครัวผมไว้ อาจจะเป็นเพราะเราเสพสื่อ ฟังการวิเคราะห์ทางการเมืองหลากหลายก็ได้ ทำให้ผมคิดแบบนั้น 

พอมันเป็นอย่างที่เราบอกไว้เราก็ถามเขาเห็นไหมเหมือนอย่างที่บอกไหม 

เขาก็รู้สึกว่าเขาเข้าใจผิด เลือกผิด เหมือนหมดศรัทธากับคนที่เขาเชื่อ แต่เขาก็ไม่ได้ไปด่าไปว่านะ เขาเลือกที่จะไม่สนใจการเมืองอีก จากนั้นเขาก็รับฟังผมมากขึ้น 

วันที่โดนถล่มรับมือยังไง 

คณณ : ผมรู้ว่าคุยกับผู้ใหญ่เรายิ่งปะทะเขาแรง เขายิ่งไม่ยอม เขาร้อนมาเราต้องเย็นใส่ เพราะเขาเห็นเราเป็นลูกเป็นหลานเป็นเด็ก พูดยังไงเขาก็ไม่ฟังเราหรอก ต่อให้มีเหตุผลแบบไอสไตน์เขาก็ไม่ฟัง ผมก็เลยนิ่งรับฟัง เขาพูดอะไรมาผมก็ฟัง ไม่เถียง ฟังอย่างเดียว พอเขาเย็นลงผมก็ค่อยอธิบาย 

ข้อดีของการคุยกับครอบครัวคือ ต่อให้ทะเลาะกันยังไง รุนแรงแค่ไหน เขาก็ไม่ทิ้งเราหรอกครับ ผมถึงคุยกับคนในครอบครัวทุกเรื่อง เรากลับมาดีกันได้เสมอ ผมสนิทกับแม่มาก คุยปรึกษากันทุกเรื่องตั้งแต่เด็ก กับแฟน เขาไม่ค่อยสนใจเรื่องการเมือง แต่ผมก็เล่าให้เขาฟังเรื่อย ๆ เพราะเรื่องการเมืองมันมีผลย้อนกลับมาที่การใช้ชีวิตของเราเสมอ ตอนนี้เขาก็เริ่มสนใจบ้างแล้ว

ตอนดีกัน ดีแบบลืม แบบเข้าใจ หรือแบบมีแผล ? 

คณณ : ดีแบบไม่มีแผลครับ แต่อย่าสะกิดนะ สะกิดเดี๋ยวทะเลาะกันอีก (หัวเราะ) 

แล้วกับเพื่อนหรือเพื่อนที่ทำงาน ได้คุยเรื่องความขัดแย้งทางการเมืองไหม

คณณ : กับเพื่อนกันคุยทุกเรื่อง ทะเลาะกัน ด่ากัน แต่ก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม

สำหรับเพื่อนร่วมงานเลือกที่จะไม่คุยกันเรื่องนี้เลย ผมรู้สึกว่าเราต้องอยู่ที่ทำงานนี้ไปอีกนาน ถ้าเราผิดใจกันเราก็ต้องอยู่ร่วมกับความรู้สึกแบบนี้กับคนเหล่านี้ไปตลอดชีวิต อีกอย่างมีคนหลายวัยในที่ทำงาน และเราก็ไม่รู้ความคิดเขาดี ก็เลยเลือกที่จะไม่คุยเรื่องที่มันอ่อนไหว 

ในโครงการ Thailand Talks ปี 2564 คุณเตรียมตัวคุยกับคนแปลกหน้ายังไง 

คณณ : ไม่ได้เตรียมตัวอะไรเป็นพิเศษ เรามีเอ๊ะ…ในใจ พร้อมที่จะสื่อสาร เลยไม่ได้เตรียมตัวหาข้อมูลอะไร เพราะไม่ได้จะมาคุยเพื่อเอาชนะ ผมชอบแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอยู่แล้ว ในช่วงปี 63, 64 รู้สึกว่าการเมือง สังคม มันแตกแยก การใช้ชีวิตมันอาจจะสันติ แต่ในใจมันไม่สันติ เวลาเราเดินตลาด ดูยูทูบ ดูข่าวทีวี บ้านเมืองแตกแยกเป็นสองฝ่าย ไม่เคยลงรอยกันแม้แต่เรื่องเดียว ไม่ว่าจะเรื่องไหน ก็ต้องหาเรื่องมาทะเลาะกันจนได้ ด่าทอสาดเสียเทเสีย เราไม่ชอบแบบนั้น เราอยากให้มาคุยกันให้เข้าใจว่าทำไมคุณคิดแบบนั้น แล้วเราคิดแบบนี้ บางทีเราเห็นไม่เหมือนกัน แต่คุยกันไปมาแล้วจริง ๆ เราอาจจะไม่ต่างกันขนาดนั้น บางเรื่องเราคุยกันเห็นเหมือนกันแต่รายละเอียดปลีกย่อยอาจจะเห็นต่างกัน คือในเหมือนมันมีต่าง ในต่างมันมีเหมือน

เห็นต่าง

Thailand Talks พื้นที่ทดลองพูดคุยกับ “คนแปลกหน้า”
สมัครร่วมโครงการ ผ่านการตอบคำถาม 7 ข้อ
14 ส.ค. – 14 ก.ย. 2565

Author

Alternative Text
AUTHOR

ศุภชัย เกศการุณกุล

เป็นช่างภาพพอร์ทเทรต เขียนความเรียงและสัมภาษณ์เพื่อเล่าเรื่องที่ภาพถ่ายทําไม่ได้ และต่อมาทําสารคดีภาพเคลื่อนไหว เพราะอยากได้ยินน้ําเสียงของผู้คน