การแข่งขันทางเศรษฐกิจที่เข้มข้น ทำให้หลายประเทศจำต้องรีบเร่งพัฒนาเมืองและอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพื่อให้ตอบโทย์ความต้องการ แต่อีกมุมหนึ่งการพัฒนาอย่างรวดเร็วโดยไม่ได้เตรียมตัว และประชาชนไม่ได้เป็นศูนย์กลาง ทำให้ “หลายคน” ต้องตกขบวนการพัฒนา ในขณะที่อีกหลายเมืองที่ให้ความสำคัญกับ โรงงานอุตสาหกรรม ตึกรามบ้านช่อง หรือ รถยนต์ มากกว่า “คน” ทั้งหมดล้วนแต่เป็นข้อจำกัดในการพัฒนา
ปรากฏการณ์นี้ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “เมืองถูกล็อก” ข้อจำกัดของเมืองไม่ได้เกิดขึ้นกับแค่ประเทศไทย แต่หลายประเทศในโลกกำลังตกอยู่ในสภาวะเดียวกัน การปลดล็อกศักยภาพเมือง จึงเป็นสิ่งที่ทุกเมืองในโลกให้ความสำคัญ
เมื่อวันที่ 9 เม.ย. 66 ที่ผ่านมา เครือข่ายพัฒนาเมืองร่วมพูดคุยหาแนวทาง UNLOCK CITY POTENTIAL โอกาสของพื้นที่ในการพัฒนาเมือง และการสร้างอนาคตของเมือง เพิ่มศักยภาพเมืองด้วยพื้นที่สีเขียว ปลดล็อก 4 ปัจจัยพัฒนาเมือง คือ เงิน, พื้นที่, กลไกลภาครัฐ และการสื่อสารสื่อสาธารณะ หวังผลักดันข้อเสนอสู่ข้อเสนอเชิงนโยบาย หวังเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจยกระดับคุณภาพชีวิตในทุกระดับ โดยการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐเอกชน และภาคประชาสังคม
โดยข้อเสนอเกิดขึ้นจากการระดมความคิด แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ตามองค์ประกอบพื้นฐานสำคัญที่เป็นเงื่อนไข หลักในการพัฒนาเมือง
เชิงเงิน สะท้อนปัญหา รัฐสร้างพื้นที่สาธารณะไม่ตรงตามความต้องการ ไม่มีการทำ Carbon Credit, นโยบายกับงบประมาณไม่สอดคล้องกับตัวชี้วัดที่เป็นตัวเลขและมีการรวมศูนย์อำนาจมากเกินไปภาษีไม่เอื้อให้เกิด Mix use, ขาดส่วนที่ส่งเสริม Economy จึงมีการเสนอแนวทางการทำงานเพื่อปลดล็อกเชิงเงิน การเชื่อมนโยบายของพรรคเยอะย่อยเป็นนโยบายของคณะรัฐบาล, กระบวนการมีส่วนร่วมของท้องถิ่น, การกระจายอำนาจจากกรุงเทพสู่ระดับท้องถิ่นวัดดัชนีการกระจายทางการเงินของภาครัฐ, พ.ร.บ. การกำหนดการใช้งบประมาณ สร้างกลไกทางภาษี incentive (แรงจูงใจ) ภาษีที่หลากหลาย scale (มาตราส่วน) และขั้นบันได
เชิงพื้นที่ สะท้อนปัญหาในเรื่องของแนวคิดการให้ความหมายการเป็นสาธารณะ คนยังมีความคิดเดิมว่า คำว่าสาธารณะคือของหลวง จะถูกมองว่าไม่ใช่ความรับผิดชอบของตนแต่เป็นความรับผิดชอบของหลวงหลวงซึ่งตอนนี้คำว่าหลวงเปลี่ยนรูปไปเป็นรัฐ อีกหนึ่งปัญหาที่พบคือช่องว่างระหว่างวัยมีบางกลุ่มคนที่ยังเข้าใจว่าพื้นที่สาธารณะคือภารกิจของคนอื่น แต่บางช่วงวัยกลับมองตรงกันข้ามว่าไม่ใช่เรื่องของคนบางกลุ่มแต่เป็นเรื่องของเขาที่เขาต้องจัดการ
ข้อเสนอแนวทางปลดล็อกเชิงพื้นที่ การสร้างองค์ความรู้และความเข้าใจการจัดการพื้นที่จากพื้นที่เล็ก ๆ เริ่มต้นจากชุมชนสามารถจัดการเองได้ ใช้แผนแม่บทในการกำกับการทำงานให้ความสำคัญกับคนเพราะที่ผ่านมาส่วนใหญ่แผนแม่บทมักให้ความสำคัญเชิงกายภาพเป็นส่วนใหญ่ การเชื่อมความร่วมมือและการสร้างกลไกในระดับสภาเมือง และอาจจะต้องอาศัยรัฐในการนำร่อง
เชิงกลไกลภาครัฐ โดยมองปัญหาแบบรัฐได้เป็นสองส่วนคือ “รัฐส่วนกลาง” และ “รัฐท้องถิ่น” ฉะนั้นจึงมองว่าปัญหาพื้นที่สาธารณะมีความทับซ้อนในบทบาทหน้าที่ของหน่วยงาน 2 ระดับ ปัญหาส่วนใหญ่พูดถึงงาน, เงิน, คน และข้อมูล อย่างกรณีของงบประมาณที่มาจากส่วนกลาง และมีงบประมาณจากท้องถิ่นที่ต้องใช้ มีการทับซ้อนของวัตถุประสงค์การใช้ หรือบทบาทการพัฒนาของแต่ละพื้นที่ ในส่วนของกฎหมาย จะมีทั้งกฎหมายของรัฐส่วนกลางและข้อกำหนดหรือเทศบัญัติในระดับท้องถิ่น ซึ่งอาจไม่สอดคล้องกัน ปัญหาสำคัญของการพัฒนาพื้นที่สาธารณะ คือการสร้างความเข้าใจ ระหว่างหน่วยงานต่อหน่วยงาน ระหว่างรัฐกับท้องถิ่น ท้องถิ่นไปประชาชน หรือแม้แต่ประชาชนด้วยกันเอง โดยการทำความเข้าใจอาจจะต้องพึ่งรัฐในการประสาน
อีกทั้งการพัฒนาพื้นที่สาธารณะไม่เคยถูกทำเป็นแผนในระดับพื้นที่ อันนี้เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องทำในระดับท้องถิ่นในเรื่องของแผนการทำพื้นที่สาธารณะเพราะแผนการพัฒนาพื้นที่สาธารณะตรงนี้ไปขับเคลื่อนเศรษฐกิจเรื่องผู้คนในลำดับต่อไป
ข้อเสนอการปลดล็อก เชิงกลไกลภาครัฐ คือ การให้ท้องถิ่นมีอำนาจในการตัดสินใจการใช้อำนาจตัวเองในการพัฒนาพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงบประมาณหรือองค์ความรู้ รวมทั้งการสร้างการมีส่วนร่วม, ท้องถิ่นสามารถผลักดันแผนพัฒนาพื้นที่สาธารณะในพื้นที่ตนเอง สิ่งนี้สามารถขยับต่อไปสู่การสร้างการมีส่วนร่วมเพื่อให้คนร่วมกันทำ ฉะนั้นแผนในการทำพื้นที่สาธารณะจะไม่ได้เกิดขึ้นเพียงท้องถิ่นอย่างเดียวแต่เกิดจากความร่วมมือของการบูรณาการของคนทั้งหมดที่อยู่ในพื้นที่นั้น
ขณะเดียวกันรัฐเองต้องรับรองแผนนี้ด้วย เพื่อที่การของบประมาณและขอความร่วมมือจะได้สำเร็จและมีความเป็นไปได้ และสุดท้ายมองว่าเมื่อมีแผนข้างต้นแล้วก็สามารถที่จะทำพื้นที่ทดลอง (sand box ) ในพื้นที่ทดลองนี้อาจจะลองทำในหลายเรื่อง อาทิ ทดลองการยกเว้นภาษี ทดลองการทำ universal disign (การออกแบบเพื่อทุกคน) ทดลองการลงทุนระหว่างเอกชนภาครัฐเอกชนหรือท้องถิ่น ซึ่งจะทำให้เห็นภาพว่า ถ้าท้องถิ่นขยับรัฐส่วนกลางอาจจะเป็นเพียงแค่การสนับสนุน
เชิงสื่อสารสาธารณะ ในการสื่อสารมีประเด็นมากมายในการนำเสนอ และกลุ่มคนรับสื่อมีหลายระดับ ฉะนั้นประเด็นในเรื่องของพื้นที่สาธารณะย่อมมีการรับข้อมูลที่ไม่เหมือนกัน จึงจำเป็นจะต้องมีถังข้อมูลกลางระดับใหญ่ที่รวบรวมไว้ นำข้อมูลที่หลากหลายเหล่านี้มาจัดเรียงให้เป็นระบบ พยายามสื่อสารให้เป็นประเด็นส่วนรวมโดยมองเมืองเป็นสมบัติของส่วนรวม พยามสื่อสารเรื่องราวและทำให้เห็นว่าสื่อสาธารณะเป็นเรื่องของส่วนรวมและเป็นของทุกคน
ในมิติของสื่อควรมีการสื่อสารหลายระดับทั้งระดับประเทศระดับท้องถิ่นและควรมีการสื่อสารหลักหลายช่องทางหลายรูปแบบ สุดท้าย การใช้สื่อ ในการสื่อสารเพื่อสาธารณะจำเป็นจะต้องอาศัยกลุ่มคนทั้งผู้ผลิต ผู้รับสารและภาคีเครือข่ายที่จะขับเคลื่อนประเด็นนั้นเข้ามาใช้สื่อ คาดว่าถ้าทุกคนสามารถทำงานร่วมกันได้ ความตระหนักรู้จะเกิดขึ้นและทำให้เรื่องพื้นที่สาธารณะสามารถผลักดันไปได้ไกลซึ่งแน่นอนว่าจะต้องอาศัยกลไกอื่นร่วมด้วย