The Active ร่วมกับ เวทีสาธารณะ ไทยพีบีเอส ชวนสนทนา ระดมหลายศาสตร์วิชา มองโควิด-19 เป็นโอกาสการเรียนรู้ และทบทวนหลายปัญหาบนเส้นทางการพัฒนาประเทศ หาทางเลือกสู่อนาคต
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2020/08/IMG_8057-1-1024x683.jpg)
การมุ่งควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ให้เหลือผู้ติดเชื้อภายในประเทศน้อยที่สุด เป็นมุมมองทางการแพทย์ที่ต้องเร่งดำเนินการ เพื่อให้ระบบสาธารณสุขสามารถรองรับการระบาดใหญ่ครั้งนี้ได้ แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการควบคุมโรค มีหลายมิติทั้งด้านสังคมและเศรษฐกิจ ทำให้หลายภาคส่วนต้องหันกลับมาทบทวน เพื่อเดินหน้าเยียวยาและฟื้นฟู และปฏิเสธไม่ได้ว่า อาจมีประชาชน “กลุ่มเปราะบาง” ที่ตกหล่น แม้คนทั่วไปอาจมองว่า New Normal หรือ ฐานวิถีชีวิตใหม่ เป็นสิ่งที่ทำได้ไม่ยาก และเป็นเพียงการปรับตัว ปรับวิถีชีวิตเท่านั้น แต่สำหรับกลุ่มเปราะบาง อาจเป็นเรื่องชี้เป็นชี้ตายสำหรับพวกเขา
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2020/08/IMG_8052-1-1024x1024.jpg)
“ผู้พิการ ผู้สูงอายุ และกลุ่มคนยากจนด้อยโอกาส” เป็นกลุ่มเปราะบาง ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 “เสาวลักษณ์ ทองก๊วย” สภาคนพิการแห่งประเทศไทย มองว่า สำหรับกลุ่มคนพิการและผู้สูงอายุ เมื่อมีมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้เกิดอุปสรรคในการเข้าถึงโรงพยาบาล ที่ปกติอาจต้องไปเปลี่ยนอุปกรณ์ที่โรงพยาบาลเป็นประจำ อุปกรณ์ที่ต้องใช้แพงขึ้นและขาดตลาด เช่น น้ำยาฆ่าเชื้อ หน้ากากอนามัย รวมทั้งไม่มีคนดูแลเนื่องจากส่วนใหญ่อยู่ในชุมชนไม่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวก
เธอตั้งข้อสังเกตว่า มาตรการเยียวยาจากรัฐนั้นกลุ่มแรกที่ได้รับการเยียวยา คือ แรงงานในระบบ แรงงานนอกระบบ แต่กลุ่มเปราะบางไม่มีคนพูดถึง และมักเป็นกลุ่มสุดท้าย
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2020/08/IMG_8043-1-1024x1024.jpg)
“กลุ่มชาติพันธุ์ – กลุ่มคนไร้สัญชาติ” เป็น กลุ่มเปราะบางอีกกลุ่มที่แยกออกมา เรียกว่า กลุ่มเปราะบางซ้ำซ้อน “ไมตรี จงไกรจักร์” ผู้จัดการมูลนิธิชุมชนไท ชี้ให้เห็นว่าคนกลุ่มนี้มีปัญหาเรื่องสิทธิมนุษยชนอยู่แล้ว เมื่อเจอผลกระทบจากโควิด-19 นอกจากขาดรายได้ ยกตัวอย่าง เช่น ชาวเล หาปลาได้แค่พอกิน หาไปขายไม่ได้ผิดกฎหมายอุทยานฯ หรือ ปกาเกอะญอ ปลูกข้าวไร่หมุนเวียนไม่ได้ มีข้าวไม่พอกิน
กลุ่มชาติพันธุ์เหล่านี้ ยังอยู่ในพื้นที่ห่างไกล ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ไม่มีอินเทอร์เน็ต ไม่สามารถลงทะเบียนรับเงินเยียวยาได้ กลุ่มคนไร้สัญชาติ ก็ไม่ได้รับการเยียวยาช่วยเหลือจากภาครัฐ สังคมไทยมองข้ามกลุ่มเปราะบางเล็ก ๆ กลุ่มนี้ไป
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2020/08/IMG_8045-1-1024x1024.jpg)
“สังคมไทยมีความเหลื่อมล้ำอยู่แล้ว พอมาเจอโควิด-19 ความเหลื่อมล้ำจึงถูกตอกย้ำ ซ้ำเติมมากขึ้น” ศ.ดร.สุริชัย หวันแก้ว ผอ.ศูนย์ศึกษาสันติภาพและความขัดแย้ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงชวนภาควิชาการและภาคประชาสังคม หลากหลายมุมมองด้านสหวิทยาการมาร่วมพูดคุยกัน ถึงสถานการณ์ในประเทศไทยขณะนี้ที่มากกว่าโควิด-19
ที่ผ่านมาเราประสบความสำเร็จในการควบคุมโรคโดยดูจำนวนผู้ติดเชื้อ จนลืมนึกถึงเรื่องอื่น ๆ ในหลาย ๆ มุม คำว่า “จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ได้หันไปฟังคนข้างหลังบ้างหรือเปล่่า ?” ดร.สุริชัย ตั้งคำถาม
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2020/08/IMG_8049-1-1024x1024.jpg)
“ถ้าหยุดโรค ต้องหยุดโลกหรือไม่?” เป็นคำถามชวนคิดจาก ศ.ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ คณะกรรมการระหว่างประเทศว่าด้วยจริยธรรม เขาบอกว่า “โควิด 19 ทำให้เราฉุกคิดเรื่องสังคม”
เพราะการหยุดโรคระบาดทำให้เกิดผลกระทบทั้งด้านสังคม ชีวิต และเศรษฐกิจ แต่ก็ต้องยอมรับข้อเท็จจริงว่า “โควิด-19” เป็นโรคระบาดร้ายแรงที่สุดในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา ติดต่อง่าย แค่คุยใกล้กันหรือสัมผัสก็ติดได้ ขณะที่ผู้ติดเชื้อ 4 ใน 5 ไม่แสดงอาการและแพร่เชื้อได้ง่าย จึงป้องกันยาก และตอนนี้ยังไม่มียาหรือวัคซีน การตรวจก็ยังทำไม่ทั่วถึง
การจะหยุดโรคระบาด จึงต้องทำอย่างมีจริยธรรม เช่น มาตรการที่เท่าเทียม ไม่กีดกันการเข้าถึงยาและวัคซีน ไม่จำกัดเสรีภาพ ไม่ควรปล่อยให้คนติดเชื้อจำนวนมากเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ รวมถึงระวังแอปพลิเคชันติดตามโรค ที่อาจละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล และต้องเฝ้าระวังให้ความสำคัญดูโรคอื่น ๆ ด้วย
เราหยุดโรค โดยไม่ต้องให้โลกหยุดได้ โดยการมีฐานวิถีชีวิตใหม่ หรือ New Normal การลำดับความสำคัญกลุ่มเสี่ยงเมื่อมีวัคซีน ปรับกิจกรรมการเรียนรูปแบบใหม่ ต้องหาวิธีลดความแออัดในชุมชน หามาตรการเยียวยา และมีมาตรการป้องกันสำหรับอนาคต
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2020/08/IMG_8046-1-1024x1024.jpg)
ท่ามกลางการระบาดของโควิด-19 ภาครัฐยังคงเดินหน้า โครงการขนาดใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตและสิ่งแวดล้อม การมีส่วนร่วมหรืิอ แสดงความเห็นไม่เป็นอิสระ เพราะมี พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ
“ดร.ชยันต์ วรรธนะภูติ” ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาชาติพันธุ์และการพัฒนา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ บอกว่า โควิด-19 ทำให้เรากลับมาดูเรื่องจริยธรรมการพัฒนา ที่ควรเน้นการพึ่งพาตัวเองและแบ่งปัน ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือ พื้นที่สูงมีการปลูกข้าว ม้งมีกะหล่ำปลี นำไปแลกปลากับชาวเล ดังนั้น การพัฒนาควรให้ความสำคัญกับความมั่นคงทางอาหาร
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2020/08/IMG_8053-1-1024x1024.jpg)
วิกฤตโควิด-19 ในปี 2563 มีความแตกต่างจากวิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 อย่างมาก
วิกฤตที่เกิดขึ้นในปีนี้ ทำให้แรงงานกลับบ้านเกิด แต่ที่น่าเศร้าก็คือ เมื่อกลับไปแล้วไม่เหลือทรัพยากรทางธรรมชาติให้พึ่งพิงอาศัย ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือการพัฒนาเขื่อนในแม่น้ำโขง ทำให้ทรัพยากรลดลงไปอย่างมาก
“ดร.ไชยณรงค์ เศรษฐเชื้อ” คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม จึงมองว่า เศรษฐกิจหลังจากนี้หลายบริษัทจะกลับไปฟื้นฟูบ้านเกิด เป็นเศรษฐกิจทางศีลธรรมแลกเปลี่ยนและแบ่งปัน
สอดคล้องกับ “อลิสา หะสะเมาะ” อาจารย์ประจำคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มอ.ปัตตานี บอกว่าเมื่อแรงงานกลับมาถึงบ้าน ทะเลก็ไม่อุดมสมบูรณ์เหมือนเดิม
แต่ในภาคใต้ปัญหายิ่งซับซ้อนมากกว่านั้น เพราะเหตุการณ์ความไม่สงบเดิมก็มีอยู่ พอมีโควิด-19 ก็ยิ่งลำบากขึ้นอีก แรงงานที่ตกค้างที่มาเลเซียกลับมาต้องจ่ายค่าใบรับรองแพทย์และกักตัว 14 วัน ไม่มีงานทำ ส่วนกลุ่มคนที่เข้ามาด้วยเส้นทางธรรมชาติก็ถูกจับ
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2020/08/IMG_8050-1-1024x1024.jpg)
“เหมือนโลกจะหยุด แต่จะมีคนที่ไม่ยอมหยุดคิดหยุดคิดหาวิธีใหม่ ๆ พอกลับมาแล้วคนที่ไม่คิดจะตามไม่ทัน” นายแพทย์สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ ประธานคณะกรรมการส่งเสริมจริยธรรมด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ยกตัวอย่างว่าควรใช้โอกาสนี้คิดท่องเที่ยวแบบใหม่ การบริการแบบใหม่ ตั้งรับให้ทันกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป
ทั้งนี้ ยอมรับว่าความท้าทายในการจัดการปัญหาโควิด-19 คือ 1) มีความไม่แน่นอน และความไม่รู้ 2) ภายใต้ความไม่แน่นอนและความไม่รู้ จึงต้องการความเร็วในการตัดสินใจ
ดังนั้นจึงต้องสร้างความสมดุล เพราะทุกส่วนของสังคมโดนผลกระทบหมด รัฐควรจัดลำดับความสำคัญในการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง รวมไปถึงการกระจายอำนาจท้องถิ่น และการมีส่วนร่วมในการดำเนินนโยบาย
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2020/08/IMG_8044-1-1024x1024.jpg)
“บทบาทของสื่อสำคัญมากยิ่งขึ้น ในภาวะวิกฤต” สุภิญญา กลางณรงค์ อดีตกรรมการ กสทช. สรุปแถลงการณ์บางส่วนจากยูเนสโก ที่ระบุว่า “Fake News” ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจซ้ำเติมให้โรคระบาดหนักขึ้น โดยองค์กรอิสระตรวจสอบข่าวลวงพบความท้าทายมากขึ้น
“Twitter” ช่วยกรอกข้อมูลข่าวลวงต้านโควิด ก็จริง แต่ให้ความร่วมมือกับรัฐเลยโดนชาวทวิตโจมตี เพราะกฎกติการัฐนำไปสู่มาตรการที่กระทบสิทธิมนุษยชน คำถามคือ “สิ่งที่ทำนั้นจำเป็น… แต่แค่ไหนคือพอดี”
ในต่างประเทศ มีกรณีการทำงานของนักข่าวที่ต้องหาความจริงจนเสี่ยงติดโรค และผลกระทบด้านเศรษฐกิจกระทบถึงสื่อเช่นกันและกระทบต่อไปอีกในแง่คุณภาพการเลือกข่าวสารมานำเสนอ
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2020/08/IMG_8063-1-1024x768.jpg)
ข้อเสนอ ทางเลือก อนาคต | จากเวทีสาธารณะ “2563 ประเทศไทยที่มากกว่า โควิด-19 ผ่านมุมมองสหวิทยาการ”
• ภาควิชาการ จับมือ ภาคประชาสังคม ทำ “โครงการร่วมกันคิดโควิดอนาคต กับคนเปราะบาง” เตรียมดึง ภาครัฐ เข้ามาร่วมคณะทำงาน เพื่อช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง ทั้ง 5 กระทรวงคือ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, กระทรวงสาธารณสุข, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
• ทำข้อเสนอถึงรัฐบาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผ่อนปรนให้ชาวกะเหรี่ยงปลูกข้าวไร่หมุนเวียนและชาวเลหาปลาในเขตอุทยานฯ ได้
• ทบทวนโครงการขนาดใหญ่ ที่เดินหน้าท่ามกลางการระบาดของโควิด-19 ที่ขาดการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่
• ฝ่ายการเมืองต้องแสดงเจตจำนงทางการเมืองในการพัฒนาที่ยั่งยืน หลังโควิด-19 โดยเฉพาะเงินกู้ก้อนใหญ่ เกือบ 2 ล้านล้านบาท ต้องใช้อย่างมีส่วนร่วม “ประชาชน-ประชาสังคม” ต้องมีส่วนในการตรวจสอบ และมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายใช้เงินฟื้นฟูและเยียวยา
• สื่อควรนำเสนอความจริง ระวังการพาดหัว ไม่ตีตราและต่อสู้กับข่าวลวงหรือ fake news
ดูเพิ่ม
– 2563 ประเทศไทยมากกว่า COVID-19 มองอนาคตผ่านมุมสหวิทยาการ (18 พ.ค. 63)