![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2023/03/1-1-1024x575.jpg)
ยิ่งใกล้เข้าสู่ช่วงเลือกตั้ง 2566 หลายพรรคต่างก็ชูนโยบายสำคัญๆ เพื่อเรียกคะแนนเสียง ขณะที่เกษตรกรไทย 9,200,000 คน ซึ่งคิดเป็นเกือบร้อยละ 18 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งรอบนี้ ถือเป็นฐานเสียงสำคัญ แต่นโยบายจะช่วยพัฒนาอนาคตเกษตรกรไทยจริงหรือไม่
ไม่น่าแปลกที่เราจะเห็นนโยบายช่วยเหลือเกษตรกรเป็นนโยบายแรก ๆ ของการหาเสียงที่ถูกปล่อยออกมา ไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหาเรื่องน้ำ ปัญหาที่ดินทำกิน หรือแม้แต่การลดต้นทุน ว่าแต่จะตรงใจเกษตรกรหรือไม่
แต่หนึ่งในปัญหาหลัก ที่เกษตรกรต้องเผชิญและอยากให้แก้มากที่สุดก็คือ แหล่งน้ำเพราะน้ำเป็นเหมือนต้นทุนชีวิตที่สำคัญของการทำเกษตร เมื่อไม่มีน้ำ ก็แทบจะไร้อาชีพ
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2023/03/ภัยแล้ง-1024x576.jpg)
พื้นที่เกษตรในประเทศไทย
ประเทศไทยมีพื้นที่เกษตรทั้งหมด 154 ล้านไร่ เป็นพื้นที่ที่อยู่ในเขตชลประทาน 32.75 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 22 ของพื้นที่ทำการเกษตรทั้งหมดทั่วประเทศ แต่ยังมีพื้นที่อีก 121.25 ล้านไร่ หรือ ร้อยละ 78 ที่อยู่นอกเขตชลประทาน ซึ่งยังต้องอาศัยน้ำฝนในการทำเกษตร
จะเห็นว่า พื้นที่เกษตรส่วนใหญ่มากกว่าร้อยละ 70 อยู่นอกเขตชลประทาน นั่นหมายถึงการทำเกษตรแบบรอฟ้าฝนเป็นหลัก ทำให้เกษตรกรจำนวนมาก ต้องขวนขวายหาน้ำเพื่อทำเกษตรอย่างยากลำบาก บางคนถึงขั้นกลายเป็นภาระหนี้สินอย่างเลือกไม่ได้
ผลกระทบพื้นที่ขาดแคลนน้ำนอกเขตชลประทาน
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2023/03/12-1024x488.jpg)
ตัวอย่าง เกษตรกรมีที่ดินแต่ขาดแคลนน้ำ
สุพรรณ บูรณากาญจน์ เกษตรกรตำบลบ้านสระ หมู่ที่ 9 อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี เปิดเผยว่า เธออาศัยอยู่ในพื้นที่นอกเขตชลประทานมานานหลาย 10 ปี ก่อนหน้านี้ทำนาปีเพียง 1 รอบเฉพาะฤดูฝน ส่วนฤดูแล้งทำไม่ได้ เพราะไม่มีแหล่งน้ำ ช่วง 4 ปีที่ผ่านมาจึงตัดสินใจไปกู้เงินจากธนาคาร ธกส.กว่า 100,000 บาท เพื่อขุดเจาะบ่อบาดาลและจัดทำระบบน้ำ เพื่อให้มีน้ำใช้ในการปลูกผักบนเนื้อที่ 5-6 ไร่ สร้างรายได้ให้กับครอบครัว ลดการต้องออกไปทำมาหากินนอกพื้นที่ หรือ ขายแรงงานในเมือง
“ปัญหาการขาดแคลนน้ำเกิดขึ้นมานานแล้ว และพยายามร้องขอความช่วยเหลือจากหลายหน่วยงาน จึงตัดสินใจกู้เงินจาก ธนาคาร ธกส.เพื่อมาเจาะบ่อบาดาลลึกกว่า 100 เมตร รวมทั้งลงทุนจัดทำระบบน้ำหยด หมดเงินไปหลายแสนบาท ทุกวันนี้หนี้สินที่มี ยังใช้ไม่หมด แถมผลผลิตที่ได้ ก็ถูกกดราคา ปัญหานี้ทำให้มีหนี้สินพอกพูนเพิ่มมากขึ้น”
สุพรรณ บอกว่า ปีนี้ตัดสินใจปลูกฟักทองเพิ่ม เพื่อสร้างรายได้ในช่วงฤดูแล้ง โดยใช้น้ำจากการขุดเจาะบ่อบาดาลเพื่อมาพักที่สระ หากไม่สูบขึ้นมาเก็บที่สระเพิ่ม น้ำจะระเหยออกจากสระจนหมดภายใน 1-2 เดือน ขณะที่ฟักทองและพืชผักอื่นๆจะมีการให้น้ำวันละ 2 รอบ ที่ผ่านมาอากาศไม่เป็นใจ ฝนไม่ตกตามฤดูกาล เมื่อการเลือกตั้งวนกลับมาอีกครั้ง เธอก็มีความหวังว่า พื้นที่นอกเขตชลประทานจะได้รับความสนใจจากนักการเมืองเพื่อเข้ามาแก้ปัญหาอย่างจริงจัง เกษตรกรจะได้หลุดพ้นจากความยากจน
ตัวอย่างเกษตรกรไม่มีพื้นที่เกษตรและขาดแคลนน้ำ
ฉลวย ระวีวงษ์ เป็นเกษตรกรชาวบ้านสระ อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี ในอดีตเคยมีนาข้าว แต่พอเจอกับภาวะภัยแล้ง ขาดแคลนน้ำ สุดท้ายก็ตัดสินใจขายนาข้าวเพื่อนำเงินไปส่งลูกเรียน จึงทำให้วันนี้เธอเหลือที่ดิน เพียงแค่ 2 งาน ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ หารายได้ไปแต่ละวัน ขณะที่ปัจจุบันลูกทั้ง 2 คน ก็แยกย้ายไปทำงานต่างถิ่น เธอจึงช่วยดูแลเลี้ยงหลานคนเล็กที่บ้าน
ปัญหาน้ำไม่พอ ทำให้เธอหันมาเลี้ยงไก่ไข่ 73 ตัว เป็นอาชีพเสริม หวังเพิ่มรายได้และเป็นแหล่งอาหารสำหรับเด็ก และบางวันก็เหลือพอเป็นค่าใช้จ่าย ส่งหลานคนโตให้มีเงินติดกระเป๋า ไปโรงเรียน ขณะที่ก่อนหน้านี้ เกษตรอำเภอสามชุก เคยให้ความรู้เรื่องการผสมเทียมหมู จึงหันมาเลี้ยงหมูเพื่อสร้างรายได้ไว้จุนเจือครอบครัว
ครอบครัวของฉลวย คือตัวอย่างปัญหาความยากจนที่ซ้ำซ้อนมาจากการขาดแคลนต้นทุนทำเกษตร อย่างน้ำ และที่ดิน แต่ต้องถือว่า การเติมความรู้เพื่อสร้างอาชีพเสริมเป็นตัวอย่างที่ดีของการแก้ปัญหาความยากจน แต่สิ่งที่เห็น ปัญหาครอบครัวแหว่งกลางเด็กอาศัยกับผู้สูงอายุ และแรงงานลูกหลานไปทำงานต่างถิ่นจากปัญหาความขาดแคลนน้ำ
สำหรับตำบลบ้านสระ อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี มีกว่า 3,000 ครัวเรือน และประชากรมากกว่า 6,000 คน ทำอาชีพเกษตรเกือบทั้งหมด ขณะเดียวกันพื้นที่นอกเขตชลประทาน ในตำบลบ้านสระที่ขาดแคลนการเข้าถึงน้ำรวมแล้วมีกว่า 5 หมู่บ้าน ที่รอการช่วยเหลือ
ปัจจุบันข้อมูลเกษตรกรไทยกว่าร้อยละ 80 มีหนี้สิน จากปัญหาทางการเกษตร รวมถึงจากการขาดแคลนน้ำ ปัญหานี้ฝังรากลึกมานานกรมชลประทานเพิ่งก่อตั้งครบ 120 ปี เราพบว่า มีการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่เกษตรซึ่งมีทั้งหมด 154 ล้านไร่ ไปได้เพียง 32.75 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 22 ทำให้มีพื้นที่อีกกว่า 120 ล้านไร่ หรือ ประมาณร้อยละ 78 ที่อยู่นอกเขตชลประทาน ซึ่งยังต้องอาศัยน้ำฝนในการทำเกษตร
เกษตรกรเป็นฐานเสียงที่มีผลต่อการเลือกตั้งแค่ไหน ?
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2023/03/2-3-1024x547.jpg)
สำหรับการเลือกตั้งแต่ละครั้ง เกษตรกรถือเป็นฐานเสียงสำคัญ เฉพาะที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรไว้ ณ เดือนสิงหาคม 2565 มีประมาณ 9 ล้านคน นี่คิดเป็นร้อยละ 17.59 ของจำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมด แต่ที่ผ่านมาของทุกการเลือกตั้ง กลับพบว่า เกษตรกรจำนวนมากยังอยู่ในวังวนหนี้สิน
ขณะที่การเลือกตั้งรอบนี้ เท่าที่ผ่านมานโยบายหลัก ๆ ด้านนโยบายเกษตรในการเลือกตั้ง 2566 หลายพรรคมักมีนโยบายให้ความสำคัญที่เน้นเรื่องการแก้ปัญหาระยะสั้น เพราะส่วนใหญ่จะเน้นไปที่เรื่องการประกันราคา การชดเชยรายได้ แบบไม่ได้มีเงื่อนไขให้เกษตรกรเขาปรับตัว หรือ พัฒนาศักยภาพมากนัก รวมไปถึงชดเชยให้กับเกษตรกร ขณะที่นโยบายด้านการเกษตรในการเลือกตั้ง 2566 นอกจากจะยังเน้นเรื่องการประกันราคาพืชผล เริ่มเห็นนโยบายที่พยายามแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง แต่โจทย์สำคัญคือ สามารถทำได้จริงหรือไม่
นโยบายด้านเกษตรของพรรคการเมือง 2566
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2023/03/3-2-1024x578.jpg)
พรรคเพื่อไทย ใช้ตลาดนำนวัตกรรมเสริมเพิ่มรายได้ ด้วยการใช้
– เทคโนโลยีเกษตรแม่นยำ
– ใช้ AI เป็นผู้ช่วยเกษตรกร
– แปลงสินทรัพย์ดิจิทัล (NFT) เพื่อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า
– ทลายการผูกขาดสุรา เบียร์ ไวน์
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2023/03/4-1-1024x573.jpg)
พรรคภูมิใจไทย
– Contract Farming เน้นพืช 4 ชนิด ข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน
– กำหนดราคารับซื้อล่วงหน้าในตลาดโลก
– พักหนี้ 3 ปี หยุดต้น ปลอดดอก คนละไม่เกิน 1 ล้านบาท
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2023/03/5-1-1024x572.jpg)
พรรคประชาธิปัตย์
– ต่อยอดโครงการประกันรายได้ ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และข้าวโพด
– ชาวนารับ 30,000 บาท/ ครัวเรือน
– ฟรีนมโรงเรียน 365 วัน เพื่อส่งเสริมเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม
– ให้เงินอุดหนุนกลุ่มประมง 2,800 กลุ่มกลุ่มละ 100,000บาท/ปี
– ปลดล็อกประมงพาณิชย์ ภายใต้กติกา IUU Fishing
– ออกโฉนด 1 ล้านแปลง ภายใน 4 ปี
– ออกกรรมสิทธิที่ดินทำกินให้เกษตรกรกลุ่มต่างๆ
– ธนาคารหมู่บ้านและชุมชน แห่งละ 2 ล้านทั่วประเทศ
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2023/03/6-1-1024x574.jpg)
พรรคก้าวไกล
(กระดุม 5 เม็ดเปลี่ยนชีวิตเกษตรกรไทย)
– เม็ด 1 ที่ดิน : ปฏิรูปที่ดิน คืนประชาชน 10 ล้านไร่
– เม็ด 2 หนี้สิน : ปลดหนี้เกษตรกร
– เม็ด 3 ต้นทุน :ลดต้นทุน น้ำ ปุ๋ย เครื่องจักร
– เม็ด 4 นวัตกรรม : สร้างนวัตกรรม เพิ่มมูลค่า
– เม็ด 5 ต่อยอด: หารายได้ต่อยอดเกษตรกร
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2023/03/7-1-1024x575.jpg)
พรรคพลังประชารัฐ
– ยกระดับ Smart SMEs, Smart Farmers, Startups, Makers และค้าปลีกชุมชน
– เกษตรประชารัฐ 4.0 ด้วยนโยบาย 3 เพิ่ม 3 ลด คือ เพิ่มรายได้ ,เพิ่มนวัตกรรม, เพิ่มทางเลือก, และลดภาระหนี้, ลดความเสี่ยง, ลดต้นทุน
– ท่องเที่ยวชุมชนผ่านโคงการ ‘บัตรประชารัฐ’ เพิ่มวงเงิน 700 บาท/เดือน
– เศรษฐกิจชีวภาพ อุตสาหกรรมหมุนเวียน นวัตกรรมสีเขียว (BCG Model)
– พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล 5G
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2023/03/8-1-1024x575.jpg)
พรรคชาติไทยพัฒนา
– ผลักดันเกษตรกรสมัยใหม่ขายคาร์บอนเครดิต
– แจกพันธุ์ข้าวฟรี 60 ล้านไร่
– สนับสนุนเงินทุนเพาะปลูกไร่ละ 1,000บาท (ข้าวและพืชเศรษฐกิจ)
– ขยายเขตไฟฟ้าการเกษตรทั่วประเทศ ค่าไฟหน่วยละ 2 บาท
– บาดาลทุกตำบล น้ำสะอาดทุกหมู่บ้าน
– งบฯท้องถิ่น 10 ล้านบาท พัฒนาระบบกำจัดขยะ ระบบไฟฟ้าธรรมชาติ แก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม
– สร้างงาน สร้างรายได้ แก่ผู้สูงอายุ เบี้ยคนพิการ 3,000 บาท
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2023/03/9-1-1024x574.jpg)
พรรคชาติพัฒนากล้า
– พัฒนาสินค้าเกษตรพรีเมียม เพิ่มคุณภาพการผลิต จำหน่ายในราคาสูง
– เทคโนโลยีเกษตรแปรรูป ด้วยระบบ Cloud Factory
– เกษตรกรคือผู้ประกอบการออนไลน์ ตลาดไร้พรมแดน
– ปรับโครงสร้างสหกรณ์เกษตร รวมกลุ่มบริษัทสินค้าเกษตรสู่ตลาดหลักทรัพย์
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2023/03/10-1-1024x575.jpg)
พรรคไทยสร้างไทย
– สินค้าเกษตรราคาดี เปิดตลาดทุกช่องทางสร้างศูนย์แปรรูปและขนส่งประจำจังหวัด
– ปรับโครงสร้างการผลิต สร้างสมดุลอุปสงค์-อุปทาน
– แก้นาแล้ง-น้ำท่วม ขุดลอกคลอง ขุดบ่อนา 1 ล้านบ่อ ขุดบ่อบาดาล 1 แสนบ่อ
– เกษตรลดโลกร้อน BCG Model
– แก้ปัญหาที่ดินทำกิน ปฏิวัติที่ดิน สปก.
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2023/03/11-3-1024x576.jpg)
พรรครวมไทยสร้างชาติ
– ตั้งกองทุนพยุงราคาสินค้าเกษตร ราคาข้าว ราคายาง เพิ่มรายได้
– เพิ่มเงินสนับสนุนต้นทุนปลูกข้าว เป็นไร่ละ 2,000บาท ครอบครัวละ 5 ไร่
– แก้กฎหมายที่ดิน เพื่อให้ประชาชนที่ไม่มีเอกสารสิทธิ หรือมีที่ดินทับซ้อนกับที่ดินของรัฐ ได้มีสิทธิครอบครอง มีสิทธิทำกิน
เงินอุดหนุนทำไมเป็นวงจรปัญหา
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2023/03/13-1024x587.jpg)
ก่อนหน้านี้ ทางเครือข่ายนักวิชาการ ด้านอาหารและเกษตร ร่วมกับสถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีการจัดเวทีเสวนา วิเคราะห์นโยบายพรรคการเมืองและข้อเสนอสำหรับการเลือกตั้ง 66
วรดร เลิศรัตน์ นักวิจัยจาก 101 HUB เปิดเผยว่า ที่ผ่านมารัฐบาลใช้เงินอุดหนุนราคาสินค้าเกษตรในพืช 7 ชนิด คือ ข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง อ้อย ปาล์มน้ำมัน ข้าวโพด ลำไย
ซึ่งถ้านับเฉพาะตั้งแต่ปี 2562 จนถึงเวลานี้ ใช้งบประมาณอุดหนุนไปแล้วทั้งสิ้น 450,000 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 150,000 ล้านบาท/ปี เงินอุดหนุนจำนวนมหาศาลนี้ จึงถูกตั้งข้อสังเกตว่า ประสบความสำเร็จหรือไม่ เมื่อเกษตรกรยังคงมีชีวิตที่ยากลำบากอยู่ในวังวนหนี้สิน
ซึ่งถ้าดูจากตัวเลขเกษตรกรที่จดทะเบียนเวลานี้ 9.2 ล้านคน มีครัวรือนเกษตรกร 8 ล้านครัวเรือน พบว่า ร้อยละ 11.4 ของเกษตรกรจดทะเบียนเป็น”คนยากจน”
ขณะที่ผลสำรวจของสถาบันวิจัยเศษฐกิจ ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ในปี 2560-2562 ครัวเรือนเกษตรกรมีกำไรจากการทำเกษตรเฉลี่ยเพียง 73,974 บาท/ปี หรือ 202.7 บาท/วัน ซึ่งน้อยกว่าค่าแรงขั้นต่ำที่ 328-354 บาท/วัน หมายความว่า ถ้านำอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นต้นทุนค่าแรงเกษตรกร พวกเขาจะขาดทุนในการประกอบอาชีพ เกษตรกร ในช่วงปีดังกล่าว การทำเกษตรจึงทำให้คนชนบทยากจนเพิ่มขึ้น ร้อยละ 0.3
ทำไมเงินอุดหนุนจึง ถูกตั้งข้อสังเกตว่า เป็นตัวหมุนวงจรปัญหา ก็เพราะถ้าเน้นแค่ให้เงินอุดหนุนโดยยึดโยงกับการผลิตแบบเดิม โดยไม่มีเงื่อนไขให้เกษตรกรได้พัฒนาศักยภาพการผลิต ส่งผลให้เกษตรกรบางส่วนหวังพึ่งเงินอุดหนุน และผลิตแบบเดิม ทำให้ผลิตสินค้าที่ไม่เหมาะสม ประสิทธิภาพต่ำ หรือ ลงทุนลงแรงมาก สุดท้ายก็ทำให้ได้ผลผลิตน้อย กำไรน้อย นำไปสู่การขาดทุน ไม่มีทุนสำหรับการปรับตัว เพราะยังไงสุดท้ายก็จะได้รับเงินอุดหนุนแบบเดิม
เวทีนี้จึงมีข้อเสนอบางส่วนว่า ควรเลิกเงินอุดหนุนแบบเดิมและเปลี่ยนวิธีเติมรายได้เกษตรกรโดยเติมรายได้ผ่านสวัสดิการพลเมืองและเติมทุนหรือสร้างแรงจูงใจให้ปรับตัวซึ่งต้องอาศัยการปรับปรุงนโยบายอื่นๆไปพร้อมกันด้วย การวิจัย แรงงาน อุตสาหกรรม และสิ่งแวดล้อม
นโยบายเกษตรไทยตอบโจทย์อนาคตเกษตรกรไทยจริงหรือ ?
สำหรับนโยบายหาเสียงที่ผ่านมาว่า นักวิชาการหลายคน สะท้อนว่า ยังเน้นหวังผลระยะสั้นอย่างการเพิ่มรายได้ ลดค่าครองชีพ ให้ความสำคัญเฉพาะกับพืชเศรษฐกิจไม่กี่ตัว /แต่ละเลยการแก้ระยะยาว อย่าง ปัญหาการถือครองที่ดิน ปัญหาครอบครัวแหว่งกลางเด็กอาศัยกับผู้สูงอายุ วิฤตสภาพภูมิอากาศ ขาดการเชื่อมโยงความรู้ท้องถิ่น
นักวิชาการมองว่า ถ้าดูจากนโยบายที่หาเสียงกันเวลานี้ ยังมุ่งเน้นการเพิ่มรายได้ ต่อยอดเรื่องการประกันราคาพืชผลต่าง ๆ แต่เริ่มเห็นนโยบายที่จะแก้ปัญหาต้นทุนของเกษตรกร อย่างเรื่องที่ดินที่จะให้มีสิทธิครอบครอง มีสิทธิทำกิน หรือ เรื่องน้ำ เช่นการจะขุดลอกคลอง การทำบ่อบาดาล รวมถึงการเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน การจะทำเกษตรสมัยใหม่ เพิ่มนวัตกรรม
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2023/03/1-2-1024x1024.jpg)
รศ.สุจริต คูณธนกุลวงศ์ ประธานแผนงานวิจัยเข็มมุ่งด้านบริหารจัดการน้ำการบริหารจัดการน้ำ สำนักงานวิจัยแห่งชาติ บอกว่า ที่ผ่านมา แม้รัฐพยายามช่วยเหลือทางด้านสวัสดิการเพิ่มขึ้น แต่จะดีกว่ามาก ถ้าวางนโยบายของพรรคการเมืองโดยนึกถึงผลลัพท์ต่อการ กระตุ้นให้ทุกคนได้ประโยชน์ เกิดการพัฒนา ควบคู่ไปกับการจัดสรรที่ดินและน้ำ การพัฒนาอาชีพ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ที่ทุกภาคส่วนต้องรวมมือกันซึ่งต้องคิดถึงแผนระยะยาวที่ยั่งยืน เพิ่มองค์ความรู้ในท้องถิ่น ไม่ใช่เพียงนโยบายอุดหนุนแบบไม่มีที่สิ้นสุด
“สำหรับข้อเสนอในการขับเคลื่อนเชิงนโยบายโดยเฉพาะในประเด็นน้ำ เราต้องแยกเรื่องน้ำและที่ดิน แยกคนไม่มีที่ดินไม่มีน้ำที่ส่วนใหญ่พวกเขามักจะไปรับจ้าง ควรช่วยแบบพัฒนาให้เกิดอาชีพที่มั่นคง แต่บางกลุ่มมีที่ดิน มีน้ำไม่พอ ระยะสั้นก็ต้องเอาแหล่งน้ำขนาเล็ก สุดท้ายเรื่องของความรู้สถาบันการศึกษาก็ต้องมาช่วยให้องค์ความรู้ เพราะสิ่งเหล่านี้ จะทำให้วัฐจักรความจนมันหมดไป”
การเพิ่มบทบาทให้ท้องถิ่นคือหัวใจสำคัญของการพัฒนาระดับฐานรากของไทยโดยเฉพาะเรื่องการเกษตรที่ต้องมีน้ำให้เพียงพอต่อการเกษตร เพราะยังมีพื้นที่ส่วนใหญ่นอกเขตชลประทานที่ยังไม่ได้รับการเหลียวแลอีกมาก ถ้าระดับนโยบายปลดล็อกเรื่องนี้ได้สำเร็จเชื่อแน่ว่าประเทศไทย จะมีน้ำอุดมสมบูรณ์ และจะเป็นอีกปัจจัยที่จะทำให้หลุดพ้นความยากจนได้ในที่สุด ซึ่งทุกสิ่งขึ้นอยู่กับที่เราเลือกคนดีๆและมีวิสัยทัศน์เข้ามาบริหารประเทศด้วย