‘ก้าวไกล’ ชี้ เบี้ยผู้สูงอายุไม่ต้องพิสูจน์จน หวั่นตกหล่นราว 6 ล้านคน

สส. ก้าวไกล หวั่น การปรับหลักเกณฑ์จ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุของกระทรวงมหาดไทย อาจทำให้ผู้สูงอายุตกหล่นราว 6 ล้านคน พาประเทศไทยย้อนกลับไปเป็นระบบสงเคราะห์ เผย เตรียมเดินหน้ายื่นร่างกฎหมายบำนาญถ้วนหน้า

วันนี้ (17 ส.ค. 2566) ที่รัฐสภา พรรคก้าวไกล แถลงคัดค้านกรณีระเบียบกระทรวงมหาดไทยปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์การจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุใหม่ โดยในระเบียบที่ประกาศมีการปรับแก้คุณสมบัติของผู้มีสิทธิได้รับเบี้ย ‘ต้องเป็นผู้ที่ไม่มีรายได้ หรือมีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพ’ ตามที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติกำหนด ซึ่งประกาศข้างต้นนี้ บังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคมที่ผ่านมา

พรรคก้าวไกล ระบุว่า ปัญหาและข้อกังวลต่อกฎเกณฑ์จากระเบียบฉบับนี้ มีการประเมินกันว่าจะมีผู้สูงอายุที่หลุดออกจากระบบ ไม่ได้รับเบี้ยผู้สูงอายุประมาณ 6 ล้านคน เพราะที่ผ่านมาฐานข้อมูลของบัตรคนจน หรือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มีปัญหาความไม่เที่ยงตรง มีคนจนประมาณ 46 % ที่ไม่ได้บัตรรับบัตรดังกล่าว ดังนั้น พรรคก้าวไกลเห็นว่าต้องมีการให้สวัสดิการแบบถ้วนหน้า ไม่ต้องมาเสียเวลาพิสูจน์ความจนเพื่อจะรับเงิน 600 บาท หรือหากคิดรายวัน ประมาณ 20 บาทต่อวัน เท่านั้น

เซีย จำปาทอง สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ที่เป็นตัวแทนการแถลงครั้งนี้ กล่าวว่า กรณีระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2566 เป็นการหมุนกงล้อระบบสวัสดิการย้อนกลับ จากที่ไทยควรก้าวไปสู่การมีระบบสวัสดิการถ้วนหน้า กลับไปสู่ระบบสงเคราะห์ ที่ต้องพิสูจน์ความจนให้ได้สิทธิมา เป็นแนวทางที่ลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างไม่น่าให้อภัย และไม่น่าเกิดขึ้นในยุคโลกาภิวัตน์ที่ให้คุณค่ากับสิทธิมนุษยชนและความเท่าเทียม

“พรรคก้าวไกลขอคัดค้านการออกระเบียบดังกล่าว และขอยืนยันในสิ่งที่เราได้หาเสียงไว้ คือการสร้างสวัสดิการถ้วนหน้าซึ่งได้มีการพิสูจน์มาแล้วหลายที่ในโลกว่าเป็นสิ่งที่ทำได้ พรรคก้าวไกลเชื่อว่าสวัสดิการถ้วนหน้าไม่ได้มีราคาแพง ไม่เป็นภาระงบประมาณ เมื่อเทียบกับผลประโยชน์ที่ประชาชนจะได้โดยตรง” 

เซีย กล่าวต่อว่า ขณะนี้พรรคก้าวไกลเตรียมยื่น ร่าง พ.ร.บ.บำนาญถ้วนหน้า โดยมาตรา 5 ของร่างฉบับนี้ จะระบุให้บุคคลทุกคนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ต้องได้รับบำนาญแห่งชาติโดยไม่ตัดสิทธิประโยชน์ของผู้สูงอายุที่ได้รับบำนาญตามกฎหมายอื่นหรือตามมติคณะรัฐมนตรี และจะต้องมีการกำหนดอัตราบำนาญแห่งชาติใหม่ทุก 3 ปี พร้อมระบุว่า ทุกคนต้องได้รับบำนาญต่อเดือนไม่ต่ำกว่าเส้นความยากจนของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือตามที่พรรคก้าวไกลเคยหาเสียงไว้ คือประมาณ 3,000 บาทต่อเดือน ทั้งนี้ หากมีการปรับเส้นความยากจน เงินบำนาญนี้ก็ต้องปรับขึ้นด้วยเช่นกัน

“พรรคก้าวไกลเห็นว่าการยื่นร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ จะเป็นก้าวแรกสู่สวัสดิการถ้วนหน้า และประเทศไทยจะเดินหน้าสู่รัฐสวัสดิการ ด้วยการมี Universal basic income ให้ทุกคนอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ไม่ต้องพิสูจน์ความจนอีกต่อไป” 


เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active