ภาคประชาชนในนาม คณะก่อการล้านนา รวมตัวสถานีรถไฟเด่นชัย จ.แพร่ ใส่ ‘กาย ฟอกส์’ ค้านประชุมเอเปก ชี้ แปลงโฉมคนก่อมลพิษ เป็นผู้ปกป้องโลก เตรียมร่วมขบวน “ราษฎรหยุด APEC2022”
จากกรณีที่กลุ่มเคลื่อนไหวที่เรียกตัวเองว่า “ราษฎรหยุด APEC2022″ คณะก่อการล้านนา ได้จัดกิจกรรมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ณสถานีรถไฟเด่นชัย จ.แพร่ วันนี้ (16 พ.ย. 2565) เมื่อช่วงสายที่ผ่านมาโดยการใส่หน้ากากขาว ‘กาย ฟอกส์’ และชูป้ายคัดค้านการประชุม APEC 2022 ในช่วงสัปดาห์การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจพิเศษเอเปก (Asia-Pacific Economic Cooperation: APEC) ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ
มีข้อความบางส่วนสื่อถึงสังคมว่า “We want Climate Justice, not BCG-Carbon Credit. (เราต้องการความเป็นธรรมทางสภาพภูมิอากาศ ไม่ใช่เศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศราฐกิจสีเขียว และคาร์บอนเครดิต)”
“Stop using APEC white-washing Prayut. (หยุดใช้เอเปคฟอกขาวประยุทธ์)”
“We’re living death in the hands of Prayut and the Thai Government. (เรากำลังตายทั้งเป็นในกำมือของประยุทธ์และรัฐบาลไทย)”
และ “ทุนนิยมคาร์บอนเครดิต แปลงโฉมผู้ก่อมลพิษเป็นผู้ปกป้องโลก”
ทั้งนี้ คณะก่อการล้านนาได้อ่านแถลงการณ์ STOP APEC 2022 มีเนื้อหาเรียกร้องให้ผู้นำเอเปกหยุดการผลักดันแนวคิดทุนนิยม และมองเห็นคุณค่าชีวิตของความเป็นคน พร้อมประกาศจับมือต่อต้าน ทำลายกำแพงแห่งการกดขี่ต่อไป
The Active ค้นข้อมูลย้อนหลังพบว่าสัญลักษณ์หน้ากากขาว หรือ “กาย ฟอกส์” นี้ ถูกใช้เป็นตัวแทนต่อการต่อต้านอำนาจเผด็จการ และเป็นพัฒนาการความเคลื่อนไหวต่อต้านอำนาจรัฐที่แปรเปลี่ยนมาโดยตลอด จากข้อมูลงานเสวนา “ปรากฏการณ์หน้ากากขาว กับยุทธการลงทัณฑ์ทางสังคม – การเมือง” ที่จัดขึ้นเมื่อปี 2556 หนึ่งในผู้ร่วมเสวนาอย่าง สุริยะใส กตะศิลา ให้ข้อมูลว่าการก่อตัวของหน้ากากขาวในไทย เริ่มภายหลังเหตุการณ์ “ไทยสปริงส์” ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
สุริยะใส กล่าวไว้ว่า การดึงหน้ากากขาว หรือหน้ากากกาย ฟอกส์เข้ามาใช้ เป็นสัญลักษณ์ความชาญฉลาดของคน เพื่อแสดงออกว่าไม่เห็นด้วยต่อระบอบทุนสามานย์ ที่เชื่อว่านำโดยทักษิณ ชินวัตร โดยหน้ากากขาวมีที่มาที่ไปในทางสากลชัดเจน ชาวต่างชาติเห็นไม่ต้องอธิบายว่าคืออะไร ซึ่งต่างจากหน้ากากแดงและตีนตบชาวต่างประเทศก็ไม่ทราบว่าคืออะไร
“หน้ากากขาวนั้นสากลรู้ที่มาที่ไปว่าเป็นการต่อกรกับระบอบการเมืองที่เป็นเผด็จการและอำนาจทางการเมืองที่ไม่เป็นธรรม…”
และนอกจากนั้น หน้ากากขาวทะลุทะลวงถึงพลังเงียบทางการเมือง ที่ทำให้คนที่อาจจะเห็นด้วยกับแนวคิด ออกมาแสดงพลังต่อสู้ ไม่จำเป็นต้องเปิดเผยหน้าตา แต่รู้ว่ามาด้วยอุดมการณ์ที่ความต้องการเดียวกัน
น่าสนใจว่าเวลาผ่านไป แม้จะเปลี่ยนบุคคลที่อยู่ในอำนาจรัฐแล้ว แต่สัญลักษณ์และการต่อสู้ยังคงอยู่ สิ่งสำคัญ คือ พลังที่จะสร้างปฏิกิริยาของสังคมจะมีมากกว่าหรือไม่ เป็นสิ่งที่ต้องติดตามต่อไป