‘ศิริกัญญา’ ชี้ เดินหน้ารวบรวมเอกสารทั้ง 11 กรณีที่นำมาอภิปราย ยื่นต่อ ป.ป.ช. ‘โรม’ มั่นใจ ทุจริตในกองบินตำรวจหลักฐานมัด ด้าน ‘พิธา’ ขอบคุณประชาชนร่วมลงมติคู่ขนาน “เพื่อไทย” รับพ่ายเสียงในสภาฯ ประกาศกร้าวเจอกันสนามเลือกตั้ง
วันนี้ (23 ก.ค. 2565) ที่อาคารรัฐสภา มีการแถลงของทีม ส.ส.พรรคก้าวไกล โดย ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า พรรคก้าวไกลจะยังคงดำเนินยุทธการณ์โรยเกลือต่อเป็นครั้งที่ 3 ซึ่งแม้ที่ผ่านมา การยื่นเรื่องไปที่องค์กรอิสระที่มีหน้าที่ตรวจสอบอย่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. คดีความจะไม่ค่อยมีความคืบหน้า ซึ่งก็สอดคล้องกับที่ได้อภิปรายใน 2 เรื่อง ที่แม้จะมองว่าเป็นเรื่องเก่าแต่ผลก็เพิ่งออกมา นั่นคือกรณีของ จีที 200 และนาฬิกาเพื่อน และแม้ว่าความเชื่อมั่นในองค์กรอิสระอย่าง ป.ป.ช. สำหรับประชาชนแล้วจะเหลือน้อย แต่อย่างไรพวกเราก็คงต้องทำหน้าที่ของเราต่อไปด้วยการรวบรวมเอกสารทั้ง 11 กรณีที่ได้อภิปรายนำไปยื่นอีกครั้ง ด้วยหวังว่าเมื่อระบอบประยุทธ์สิ้นสุดลง วัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิดก็จะต้องหมดไปด้วย การเช็กบิลผู้ที่ทำผิดจะต้องเกิดขึ้นภายใต้ระบอบที่องค์กรอิสระเป็นอิสระอย่างแท้จริง
“ที่ผ่านมา เราพบความผิดปกติหลาย ๆ เรื่อง เช่น กรณีที่คุณอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ได้อภิปรายเรื่องทุจริตการสร้างอนุสาวรีย์ ก็พบว่ามีการยกเลิกประกาศสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง การสร้างเพียง 1 วันก่อนอภิปราย ซึ่งก็น่าจะเป็นเพราะก่อนหน้านี้ทางพรรคได้ปล่อยหนังตัวอย่างออกมาว่าจะมีการอภิปรายเรื่องนี้ จึงส่งผลให้มีการแก้ประกาศเพียง 1 วันหลังจากนั้น และเป็น 1 วันก่อนที่จะมีการอภิปราย ซึ่งนี่เรื่องผิดปกติอย่างมาก อย่างไรก็ตามยังมีอีก 2 กรณี ที่ไม่สามารถไปยกเลิกประกาศย้อนหลังได้อย่างแน่นอน ซึ่งเราเตรียมข้อมูลหลักฐานไว้พร้อมแล้ว นอกจากนี้ยังมีเรื่องกัญชา การซุกหุ้น การทุจริตในเคหะแห่งชาติ การออกโฉนดอย่างไม่ชอบ การใช้สปายแวร์สอดแนมโจมตีผู้เห็นต่างและนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม และที่สำคัญคือการทุจริตในกองบินตำรวจ ก็ต้องเข้าสู่การตรวจสอบด้วยเช่นกัน ซึ่งตอนนี้หลักฐานพร้อมแล้ว ตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไปจะเริ่มทยอยยื่นหลักฐานต่อ ป.ป.ช.ได้”
ศิริกัญญา ตันสกุล
ด้าน รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะผู้อภิปรายเรื่องการทุจริตในกองบินตำรวจ กล่าวว่า การเอาผิดในเรื่องนี้ต้องแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนแรกที่เกี่ยวพันโดยตรงกับ พล.ต.ต. “ก ไก่” และอีกส่วนก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่เป็นผู้อนุมัติงบฯ กลางไปใช้จนทำให้รัฐเกิดความเสียหาย และด้วยหลักฐานทั้งหมดที่เรามีในขณะนี้ เชื่อว่าจะสามารถเอาผิดได้อย่างแน่นอน เพราะถ้าลองย้อนไปดูการชี้แจงของ พล.อ.ประยุทธ์ จะเห็นว่าไม่สามารถชี้แจงอะไรได้เลย
ขณะที่ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ กล่าวว่า ขอขอบคุณประชาชนที่เฝ้าติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ ขอบคุณผู้หวังดี ข้าราชการน้ำดีที่ช่วยส่งข้อมูลมาให้ ขอบคุณสมาชิกและทีมงานพรรคที่ช่วยกันทำงานให้การอภิปรายครั้งนี้ออกมาได้ดีซึ่งรู้สึกภูมิใจมาก และขอบคุณความตื่นตัวของประชาชนที่มีต่อการอภิปราย ไม่ว่าจะเป็นการลงมติแบบคู่ขนานทางช่องทางต่าง ๆ คณะราษฎรที่มาร่วมกันกิจกรรมสภาประชาชนเชิญชวนร่วมลงมติ ซึ่งผลออกมาตรงกับความต้องการของประชาชนมากกว่าการลงมติของ ส.ส.ในสภา การลงมติในสภากับนอกสภาผลแตกต่างกันอย่างชัดเจน ซึ่งสิ่งที่จะยืนยันได้ว่าใครถูก ก็คือผลการเลือกตั้งครั้งหน้า
“เพื่อไทย” รับพ่ายเสียงในสภาฯ ประกาศกร้าวเจอกันสนามเลือกตั้ง
ด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำพรรคฝ่ายค้าน แถลงภายหลังการลงมติว่า ผลการลงมติ 11 รัฐมนตรี รวมนายกรัฐมนตรี มีความชัดเจนว่า คะแนนลงมติไม่ไว้วางใจ มีคะแนนไม่ถึงกึ่งหนึ่ง คือ 239 คะแนน หมายถึงสภาฯ ลงมติไว้วางใจให้รัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายได้ทำหน้าที่ต่อไป
“ยอมรับมติครั้งนี้ เป็นไปตามกลไกลรัฐสภา ที่ยึดเสียงข้างมากเป็นหลัก และปัจจัยแปรรปรวนที่มีต่อคะแนน”
หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวอีกว่า ขอแสดงความเสียใจกับประชาชน ที่ผลการลงคะแนนทางตรงที่ไม่ไว้วางใจทั้ง 11 รัฐมนตรีที่มีถึง 98.3% ของกลุ่มคณะราษฎร และพี่น้องที่ลงในสื่อโซเชียล 80% หมายถึงคะแนนที่ประชาชนลงโดยตรง ต่างกันชัดเจนว่าไม่สอดคล้องกับมติประชาชน
“สิ่งที่ฝ่ายค้านทำในวันนี้ มาตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคมที่ผ่านมา รู้อยู่แล้วว่าสู้เสียงในสภาฯ ไม่ได้ แต่หวังศรัทธาประชาชน เด็ดหัว สอยนั่งร้าน ยุทธการนี้ไม่ได้พ่ายแพ้ เพราะสิ่งที่จะตัดสินคือเด็ดหัวและสอยนั่งร้าน ในสนามเลือกตั้ง”