‘ฤดูร้อน’ ปีนี้ เดือดกว่าปีก่อน เตือน! 5 จังหวัด ทะลุ 44.5 ํc

กรมอุตุฯ เผยหน้าร้อนปีอบอ้าวทั้งฤดู ลากยาวถึงกลางพฤษภาคม ระบุ แม่ฮ่องสอน, อุตรดิตถ์, สุโขทัย, ตาก, อุดรธานี ร้อนจัด ส่วนภาคใต้เจอฝนหนัก

วันนี้ (22 ก.พ. 2567) กรรวี สิทธิชีวภาค อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา แถลงถึง ‘การเข้าสู่ฤดูร้อนของประเทศไทย ประจำปี 2567’ ว่าประเทศไทยสิ้นสุดฤดูหนาว และเริ่มเข้าสู่ฤดูร้อนแล้วตั้งแต่วันที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตามเกณฑ์การพิจารณาการเข้าสู่ฤดูร้อน 2 องค์ประกอบ ได้แก่

  1. ลมที่พัดปกคลุมบริเวณประเทศไทยตอนบนเปลี่ยนจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือเป็นลมตะวันออกเฉียงใต้

  2. พื้นที่ประเทศไทยตอนบนส่วนใหญ่มีอากาศร้อนในตอนกลางวัน อุณหภูมิวัดได้ตั้งแต่ 35 องศาเซลเซียส ขึ้นไป จากนั้นจะสิ้นสุดฤดูร้อนในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม 2567 โดยปีนี้อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยบริเวณประเทศไทยตอนบน 36-37 องศาเซลเซียส ซึ่งสูงกว่าค่าปกติ และสูงกว่าปีที่แล้ว ลักษณะอากาศจะร้อนอบอ้าวโดยทั่วไป และจะมีอากาศร้อนจัดในหลายพื้นที่

โดยเฉพาะ 5 จังหวัด ที่มีโอกาสร้อนจัดที่สุด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน, อุตรดิตถ์, สุโขทัย, ตาก และอุดรธานี ตั้งแต่กลางเดือนมีนาคม-ต้น เดือนพฤษภาคม สำหรับปริมาณฝนรวมเฉลี่ยจะน้อยกว่าค่าปกติร้อยละ 30

คาดหมายพื้นที่ที่มีโอกาสเกิดอากาศร้อนจัด จะอยู่ทางภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุณหภูมิสูงสุด 42-44 องศาเซลเซียส บริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน, เชียงราย, พะเยา, เชียงใหม่, ลำพูน, ลำปาง, แพร่, น่าน, อุตรดิตถ์, สุโขทัย, ตาก, กำแพงเพชร, เพชรบูรณ์, เลย, หนองบัวลำภู, หนองคาย, บึงกาฬ, อุดรธานี, สกลนคร, นครพนม, ชัยภูมิ, ขอนแก่น, มหาสารคาม, กาฬสินธุ์, มุกดาหาร, ร้อยเอ็ด, ยโสธร, อำนาจเจริญ, นครราชสีมา, บุรีรัมย์, สุรินทร์, ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี

ภาคกลางและตะวันตก อุณหภูมิสูงสุด 41-44 องศาเซลเซียส บริเวณ จ.นครสวรรค์, อุทัยธานี, ชัยนาท, สิงห์บุรี, อ่างทอง, สุพรรณบุรี, ลพบุรี, สระบุรี, พระนครศรีอยุธยา, กาญจนบุรี, ราชบุรี, นครปฐม, นนทบุรี, ปทุมธานี, นครนายก, ฉะเชิงเทรา, ปราจีนบุรี, และ สระแก้ว

ภาคใต้ อุณหภูมิสูงสุด 40-41 องศาเซลเซียส บริเวณ จ.ประจวบคีรีขันธ์, สุราษฎร์ธานี, นครศรีธรรมราช, พัทลุง, สงขลา, ยะลา, ภูเก็ต, กระบี่, ตรัง และสตูล

ขณะที่ กรุงเทพมหานคร อุณหภูมิสูงสุด 40-41 องศาเซลเซียส ทางด้านภาคใต้ของประเทศไทย ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ถึงปลายเดือนเมษายน จะมีอากาศร้อนในหลายพื้นที่ และร้อนจัดบางแห่งในบางวัน กับมีฝนตกร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ คลื่นลมในทะเลจะมีคลื่นสูง 1 เมตร จากนั้น จะมีฝนเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะฝั่งตะวันตกจะมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง คลื่นลมในทะเลอันดามันมีกำลังแรงขึ้น บางช่วงอาจสูง 2-3 เมตร

ในช่วงเปลี่ยนฤดู จากปลายฤดูหนาวไปต้นฤดูร้อน (ปลายกุมภาพันธ์-กลางมีนาคม) บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก จะมีพายุฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น เนื่องจากมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนแผ่ลงมาปะทะกับอากาศประเทศไทยที่เริ่มร้อนขึ้น และอีกสาเหตุหนึ่งมาจากคลื่นกระแสลมตะวันตกที่พัดจากประเทศเมียนมาเข้ามาปกคลุม

ช่วงกลางฤดูร้อน (กลางมีนาคม-เมษายน) มีโอกาสเกิดพายุฤดูร้อน พายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกได้บางพื้นที่ โดยจะมีผลกระทบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อนในวันแรก ส่วนภาคเหนือ กลาง ตะวันออก กรุงเทพมหานคร และปริมณฑลจะได้รับผลกระทบในวันถัดไป

ส่วนบริเวณที่มีโอกาสเกิดพายุฤดูร้อนรุนแรงส่วนมากอยู่บริเวณจังหวัดที่มีอากาศร้อนจัดทางภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ยังกล่าวด้วยว่า ช่วงฤดูร้อนนี้นอกจากอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นจะมีผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของผู้คนและสัตว์แล้ว ดัชนีความร้อน หรือ Heat Index คืออุณหภูมิที่คนเรารู้สึกได้ว่าขณะนั้นอากาศร้อนเท่าไร เป็นสภาวะที่ทำให้ร่างกายเรารู้สึกร้อนมากกว่าอุณหภูมิตามจริง ซึ่งมีผลกระทบต่อสุขภาพทำให้เจ็บป่วยได้

ดังนั้น ขอให้ประชาชนติดตามพยากรณ์ค่าดัชนีความร้อนของกรมอุตุนิยมวิทยา (www.rnd.tmd.go.th/heatindexanalysis) ประกอบด้วยเพื่อใช้วางแผนกิจกรรมในชีวิตประจำวัน และดูแลตนเองให้ปลอดภัยในฤดูร้อนนี้

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active