“กรมควบคุมโรค“ เผย ป่วยโควิด 19 พุ่ง ชี้ อาการไม่รุนแรง แพร่เชื้อง่าย

กำชับโรงเรียน เน้นมาตรการตรวจคัดกรองเด็กเล็กทุกเช้า หากมีอาการผิดปกติทางระบบทางเดินหายใจควรตรวจ ATK  อาการคล้ายไข้หวัด หากชะล่าใจอาจแพร่เชื้อได้ง่าย

วันนี้ (16 มิ.ย. 2567) นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (ตั้งแต่วันที่ 9–15 มิถุนายน 2567) พบผู้ป่วยโควิด 19 รายใหม่ที่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล 2,881 คน (เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 119 ราย) เป็นผู้ป่วยอาการรุนแรงปอดอักเสบ 748 คน ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ 339 คน เสียชีวิต 7 คน

จากข้อมูลพบว่า ผู้ที่มีอาการรุนแรงใส่ท่อช่วยหายใจและผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป เมื่อเปรียบเทียบกับสถานการณ์ในช่วงสัปดาห์ก่อนเห็นได้ว่าจำนวนผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อย ในช่วงที่ผ่านมา มีรายงานการระบาดเป็นกลุ่มก้อนส่วนใหญ่ยังพบในโรงเรียน เรือนจำ ค่ายทหาร เนื่องจากมีการรวมตัวของกลุ่มคนเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้เกิดการแพร่กระจายของโรคได้มากกว่าสถานที่อื่น ๆ 

ทั้งนี้ โรคโควิด 19 เป็นโรคประจำถิ่น จึงสามารถพบการระบาดได้ตลอดทั้งปี แต่อาจพบจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน และสายพันธุ์หลักที่กำลังระบาดเป็นสายพันธุ์ JN.1 และสายพันธุ์ลูกหลาน สอดคล้องกับสายพันธุ์ที่ยังคงมีการระบาดทั่วโลก ที่มีความสามารถในการแพร่กระจายได้ง่ายขึ้น อาการไม่รุนแรง คล้ายไข้หวัดทั่วไป 

“จุดนี้เป็นจุดที่หากไม่ระวังจะทำให้แพร่เชื้อติดต่อกันได้ง่ายขึ้น และขณะนี้เปิดเทอมแล้ว ขอเน้นย้ำสถานศึกษาคัดกรองเด็กนักเรียนทุกเช้าหากพบมีอาการระบบทางเดินหายใจให้สวมหน้ากากอนามัย และแจ้งผู้ปกครองพาไปรับการรักษา หรือหากพบการป่วยเป็นกลุ่มก้อนให้แจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ทันที”

อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุ

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ขอให้ประชาชนมีความตระหนักแต่ไม่ตระหนก โดยแนะนำประชาชน ที่มีอาการเสี่ยง เช่น มีไข้ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ ควรตรวจหาเชื้อเบื้องต้นด้วย ATK หากพบผลติดเชื้อ (ขึ้น 2 ขีด) ควรสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ แยกตัวไม่ใกล้ชิดกับผู้อื่น และรีบพบแพทย์โดยเฉพาะในกลุ่ม 608 เนื่องจากหากกลุ่มเสี่ยงติดเชื้ออาจมีอาการรุนแรงและเสียชีวิตได้ 

สำหรับประชาชนทั่วไปที่ยังไม่มีอาการ สามารถป้องกันตนเองได้ โดย 

  1. หมั่นล้างมือบ่อย ๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือใช้เจลแอลกอฮอล์ 
  2. หลีกเลี่ยงการเข้าไปในสถานที่แออัด หรือกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก 
  3. สวมหน้ากากอนามัยโดยเฉพาะเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ 
  4. หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดคลุกคลีกับผู้ป่วยที่มีอาการระบบทางเดินหายใจ 
  5. หากมีอาการป่วยแต่ผลตรวจ ATK ยังไม่ติดเชื้อ ควรสวมหน้ากากอนามัยเมื่อใกล้ชิดกลุ่มเด็กเล็กหรือกลุ่มเสี่ยง 608 เพื่อลดโอกาสแพร่เชื้อไปสู่ผู้สูงอายุและเด็กเล็กในครอบครัวซึ่งอาจทำให้มีอาการรุนแรงและการเสียชีวิตได้ 

ประชาชนทั่วไปที่มีความสนใจข้อมูลสถานการณ์โรคโควิด 19  และโรคติดต่ออื่นๆ ปัจจุบันกรมควบคุมโรค  มีระบบเฝ้าระวัง Digital Disease Surveillance (DDS) ซึ่งเป็นข้อมูลสาธารณะที่ทุกคนสามารถเข้าถึงและติดตามได้ที่หน้าเว็บไซต์กรมควบคุมโรค หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active