‘หมอยง’ รับโควิด ระลอก 6 พีคสุด ปลาย ก.ค.-ส.ค.นี้

แนะ เจ็บคอ ไอแห้ง เสียงเปลี่ยน รีบตรวจ ATK ชี้ความรุนแรงโควิดสายพันธุ์ BA.5 น้อยลง 

วันนี้ (17 ก.ค.65) ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า การระบาดในช่วงหลังนี้ความรุนแรงของโรคลดน้อยลง คนไข้ส่วนใหญ่ มีอาการเจ็บคอ ไอแห้ง และเสียงเปลี่ยน ส่วนบางรายเท่านั้นที่มีไข้ ปวดศีรษะ มีน้ำมูก คัดจมูก ในเด็กบางคนมีไข้สูงแต่ไข้ที่ขึ้นสูงจะเป็นเพียงแค่ 1-2 วัน ส่วนการไม่ได้กลิ่น ไม่ได้รส พบน้อยลงมาก

“ถ้ามีอาการดังกล่าวในระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะเจ็บคอ ระคายคอ ไอแห้ง ๆ มีเสียงเปลี่ยน มีน้ำมูกหรือคัดจมูก ควรจะต้องตรวจ ATK เพื่อจะได้รีบรักษา และแยกตัวเพื่อลดการระบาดของโรคในทันที ไม่ต้องรอให้มีอาการเหนื่อย หายใจไม่เต็มอิ่ม”

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ

ศ.นพ.ยง ยอมรับว่า การระบาดของโควิด-19 ระลอกนี้นับเป็นระลอกที่ 6 โดยเป็นการระบาดด้วยสายพันธุ์ โอมิครอน BA.5 จะมีจุดสูงสุดปลายเดือน ก.ค. และตลอดเดือน ส.ค. ซึ่งนักศึกษามหาวิทยาลัยก็จะเปิดเทอมหมด และจะเริ่มลดลงในช่วงนักเรียนสอบและปิดเทอม ซึ่งทุกอย่างต้องเดินหน้า ด้วยมาตรการให้ความสำคัญในการลดการติดเชื้อ และจะไม่มีการปิดเมือง ปิดประเทศ ปิดโรงเรียนแล้ว ทุกอย่างมีความสำคัญกับอนาคตของประเทศ

“จำนวนผู้ป่วยถ้าคิดเป็นสัดส่วนจะพบว่ามีผู้ป่วยต้องเข้าโรงพยาบาลน่าจะอยู่ที่ประมาณ 10% หรือน้อยกว่า และมีอัตราการเสียชีวิตจะอยู่ที่ไม่เกิน 1% ของผู้ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล หรือน่าจะ เป็น 0.1% หรือน้อยกว่าของผู้ที่ติดเชื้อ ซึ่งตัวเลขนี้กำลังลดลงไปใกล้เคียงกับไข้หวัดใหญ่ เนื่องจากมีผู้ติดเชื้อจำนวนมากตามฤดูกาลของโรคทางเดินหายใจ เราจึงเห็นสัดส่วนของการนอนโรงพยาบาล และการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน”

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ

นายกฯ มั่นใจ “เจอ แจก จบ” ระบบสาธารณสุขไทย

ขณะที่ ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้รับรายงานสถานการณ์โควิด-19 ในไทย อาจมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น จึงขอความร่วมมือประชาชนหลังเดินทางกลับจากการไปท่องเที่ยว และทำบุญตามสถานที่ต่างๆ หรือเดินทางข้ามจังหวัดในช่วงวันหยุดยาว ให้ปฏิบัติตนตามคำแนะนำด้านสาธารณสุข สังเกตอาการตนเองอย่างใกล้ชิด หนึ่งในมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดที่ดีที่สุด คือทุกคนต้องช่วยลดความเสี่ยงการแพร่เชื้อและรับเชื้อ เพื่อช่วยลดจำนวนผู้ติดเชื้อลดลงและไม่เกิดเป็นระลอกใหญ่ขึ้นมาอีก

หากตรวจ ATK แล้วผลเป็นบวกว่าติดเชื้อโควิด-19 กลุ่มที่มีอาการไม่มากหรือกลุ่มสีเขียว ให้เข้ารักษาที่แผนกผู้ป่วยนอกที่หน่วยบริการประจำตามสิทธิ หรือหน่วยบริการปฐมภูมิในพื้นที่ตามนโยบาย 30 บาท รักษาทุกที่ ซึ่งจะได้รับการดูแลรักษาตามแนวทาง “เจอ แจก จบ” โดยให้กักตัว 5 วัน แบบ Home Isolation และอีก 5 วัน ให้สังเกตอาการ ซึ่งสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยต้องสวมหน้ากากอนามัยป้องกันเมื่อออกจากบ้าน และเมื่อกลับเข้าทำงาน สำหรับผู้เป็นกลุ่มเสี่ยงสูงให้แจ้งหัวหน้างาน และปฏิบัติตามมาตรการของหน่วยงานที่กำหนดไว้

ญี่ปุ่นติดเชื้อนิวไฮ รายใหม่วันเดียว 1.1 แสนคน 

วันเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุข ประเทศญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่จำนวนกว่า 1.1 แสนคน แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกที่ 7 สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ก่อนหน้านี้ญี่ปุ่นพบผู้ติดเชื้อประมาณ 1.04 แสนคน เมื่อวันที่3 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จากการแพร่ระบาดระลอกที่ 6 แม้ว่ายอดผู้ติดเชื้อจะปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่กลับมาฟื้นตัวอีกครั้งตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

Author

Alternative Text
AUTHOR

วชิร​วิทย์​ เลิศบำรุงชัย

ผู้สื่อข่าวสาธารณสุข ThaiPBS