หวั่นสังคมกีดกัน ‘คนถอดหน้ากาก’ แพทย์ย้ำ ผ่อนคลายอย่างเข้าใจ

สถานการณ์โควิดยังไม่นิ่ง ‘หน้ากากอนามัย’ ยังจำเป็นในที่เสี่ยง เชื่อคนไทยคุ้นชิน ใส่แล้วมีประโยชน์มากกว่าถอด     

ภายหลังศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) มีมติเมื่อวันที่ (17 มิ.ย.65) เห็นชอบให้ปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ทั่วราชอาณาจักรโดยให้ มีผล 1 ก.ค.นี้ โดยมาตรการจะเริ่มดำเนินการได้ทันที หรือหลังประกาศราชกิจจานุเบกษา เช่น การปรับระดับพื้นที่สถานการณ์เป็นระดับเฝ้าระวัง (สีเขียว) ทั้งประเทศ, ให้ถอดหน้ากากอนามัยได้ตามความสมัครใจ ในสถานที่ที่เปิดโล่ง ไม่ได้รวมกลุ่มคนแออัดหนาแน่น, การยกเลิกคัดกรองอุณหภูมิในอาคารสถานที่, อนุญาตให้เคลื่อนย้ายแรงงานได้ตามปกติ, บริโภคสุรา เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารได้ เป็นต้น  

รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะเเพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล และนายกสมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยกับ The Active ว่า การปรับระดับสีเขียวทั่วประเทศ ทำให้ผู้คน กิจกรรม การท่องเที่ยวต่าง ๆ กลับมาสู่ปกติมากขึ้น แต่ประเด็นการใส่หน้ากากอนามัยในที่สาธารณะที่ยังคงกึ่งบังคับตามความสมัครใจ เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องสร้างความใจกัน ประชาชนต้องเข้าใจ ว่า หน้ากากอนามัยยังคงมีประโยชน์

รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล

ที่สำคัญต้องดูว่าจะทำอย่างไรให้กลุ่มคนที่ไม่ใส่หน้ากากจากนี้ไม่ถูกกีดกัน แบ่งแยก เช่น คนไม่ใส่หน้ากากอนามัยไม่ให้เข้าร้าน อาจยังมีเกิดขึ้น จะต้องมีมาตรการทางสังคม ขอความร่วมมือ เพราะหากไม่ใส่หน้ากากก็เป็นสิทธิที่ทำได้ จึงต้องมีมาตรการสร้างความเข้าใจเรื่องนี้ไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดกัน อาจต้องค่อย ๆ ปรับกันไปตามสถานการณ์

ขณะเดียวกันมองว่า ช่วงเดือน มิ.ย. – ก.ค.นี้ สถานการณ์การระบาดในไทยยังไม่นิ่ง แม้ผู้ติดเชื้อรายใหม่ไม่มากเหมือนหลายเดือนก่อน แต่ก็ยังมีผู้ติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อน และส่วนใหญ่เมื่อตรวจ ATK แล้วพบติดเชื้อ ก็ใช้ระบบการรักษาด้วยตัวเอง บางส่วนไม่ได้เข้าสู่ระบบการรักษาในโรงพยาบาลแล้ว ในเมื่อการติดเชื้อยังคงเกิดขึ้นเป็นหย่อม ๆ การใส่หน้ากากอนามัยในสถานที่เสี่ยงคนจำนวนมาก จึงยังจำเป็น และหากตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงกว่านี้อีก ก็อาจต้องมาพิจารณากันอีกครั้งว่าการใส่หน้ากากตลอดเวลายังจำเป็นอยู่หรือไม่

“คงไม่มีนิยามที่ชัดเจนแล้วว่าจะต้องใส่หน้ากากตอนไหน เพราะขึ้นอยู่กับความสมัครใจ แต่เชื่อว่าถึงยังไงคนไทยจำนวนไม่น้อยก็คงเห็นแล้วว่า หน้ากากอนามัยมีประโยชน์ หลายคนบอกว่าใส่หน้ากากอนามัยมา 2 ปี ไม่เป็นหวัดเลย หน้ากากยังช่วยป้องกัน และลดความเสี่ยงโรคในระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ ได้ด้วย เช่น หวัด วัณโรค หรือแม้แต่ช่วยให้ลดความเสี่ยงผลกระทบจากฝุ่น PM2.5 เข้าใจว่าหลังโควิด วัฒนธรรมคนไทยก็ยังใส่หน้ากากอยู่ และผู้คนคุ้นชินกับเรื่องนี้มากขึ้น”

รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล

รศ.นพ.นิธิพัฒน์ ย้ำด้วยว่า ตอนนี้โควิดผ่อนคลาย ลดความรุนแรงลงไปมาก เตรียมไปสู่โรคประจำถิ่น แต่ก็นิ่งนอนใจไม่ได้เพราะโควิด ก็ยังขยับเป็นช่วงๆ ถ้าสถานการณ์ผู้ติดเชื้อนิ่งมากกว่านี้จะสบายใจมากขึ้น ในช่วงเวลาที่ผู้คนสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้มากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็ต้องระมัดระวัง ขอให้ทุกคนเตรียมตัวเผื่อไว้ด้วยว่า มาตรการอาจปรับเปลี่ยนได้เป็นครั้งคราว

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active