หลัง The Active นำเสนอข่าวแสวงหาความร่วมมือหลายฝ่าย ล่าสุด กรมศิลปากร เผย ได้รับงบฯ บูรณะพระอุโบสถวัดและพระประธาน วัดช่องนนทรี สถาปัตยกรรมสมัยอยุธยาตอนปลาย คาดแล้วเสร็จ ก.พ. 2566 เตรียมผลักดันเป็นแหล่งเรียนรู้แก่ชนรุ่นหลัง วางประโยชน์ระยะยาว
วันนี้ (20 พ.ย. 2565) จิตรา กาญจนะคูหะ ผู้อำนวยการกลุ่มอนุรักษ์โบราณสถาน กองโบราณคดี กรมศิลปากร เปิดเผยว่ากรมฯ ได้อนุมัติงบประมาณฉุกเฉิน เหลือจ่ายปลายปีงบประมาณ 2565 จำนวน 2,350,000 บาท เพื่อบูรณะพระอุโบสถวัดช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร สถาปัตยกรรมสมัยอยุธยาตอนปลาย กลางกรุง ภายหลังจากการนำเสนอข่าวของ The Active ซึ่งก่อนหน้านี้มีสภาพทรุดโทรม ส่วน หลวงพ่อดำ หรือพระประธาน ถูกความชื้นกัดกร่อน ใกล้ล้มลงมาทั้งองค์ ขณะที่ภาพกิจกรรมฝาผนังซึ่งถือว่ามีคุณค่าอย่างมากและเป็นต้นแบบทางศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมให้กับนักศึกษามาหลายรุ่น ก็กำลังถูกความชื้น ทำให้สีภาพเลือนลางหายไป
โดยงบประมาณฉุกเฉินนี้ เป็นการบูรณะเบื้องต้น เร่งด่วน จะนำมาซ่อมฐานพระประธานและตัดความชื้นรอบพระอุโบสถ ในขณะที่ส่วนของโครงสร้าง เสาค้ำยันด้านหน้า ยังต้องรอการอนุมัติงบประมาณในปี 2566 ซึ่งจะดำเนินการโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ คาดว่าจะบูรณะในเบื้องต้นเฉพาะองค์พระประธาน และตัดความชื่นจิตรกรรมฝาผนังรอบพระอุโบสถ แล้วเสร็จเดือน ก.พ. 2566
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากการบูรณะเสร็จสิ้นแล้ว กรมศิลปากรต้องขอความร่วมมือวัดให้ใช้ประโยชน์จากพระอุโบสถเพื่อระบายความชื้น ไม่ปิดถาวรเหมือนอย่างที่ผ่านมา โดยจะมีการวางแผนระยะยาวร่วมกัน ทั้งกรมศิลปากร วัด และชุมชนในการใช้ประโยชน์ทั้ง 2 ด้าน คือเป็นทั้งศาสนสถาน พระสงฆ์กลับมาใช้เป็นสถานที่ทำวัตรเช้า เย็น เปิดให้ประชาชน ชาวบ้านเข้าสักการะตลอดปี และอีกด้านเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านศิลปะและสถาปัตยกรรมของนักศึกษาโบราณคดี
สำหรับวัดช่องนนทรี เป็นวัดราษฎร์ สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย อยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาทางฝั่งตะวันออก ตรงข้ามกับบริเวณฝั่งบางกระเจ้า กรมศิลปากรขึ้นทะเบียนให้เป็นโบราณสถานสำคัญของชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2520 พระอุโบสถของวัดเปิดให้เข้าชม 3 ครั้งต่อปี ในวันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา และวันอาสาฬหบูชา
ภาพจิตรกรรมฝาผนัง ในพระอุโบสถมีครบทั้ง 4 ด้าน มีสภาพสมบูรณ์เพียง 2 ด้าน เล่าเรื่องทศชาติชาดก อดีตพุทธ และพุทธประวัติเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ที่ยืนยันว่า เป็นงานจิตรกรรมสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ การวางภาพจะคั่นเรื่องราวด้วยลายร้อยรักเป็นเส้นตั้ง และคั่นเรื่องย่อยด้วยเส้นสินเทา ส่วนใหญ่โครงเป็นสีแดง นิยมปิดทองตัวกษัตริย์ราชรถและปราสาท การเขียนภาพมีลักษณะเหนือจริง เน้นความสวยงามมากกว่าความสมจริง โดยเขียนต้นไม้บิดเบี้ยวและภูเขาตัดเส้นแบบจีน มีบางภาพเขียนแบบทัศนียวิทยาแบบตะวันตกด้วย
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
- ทรุดหนัก! “หลวงพ่อดำ” วัดช่องนนทรี สมัยอยุธยาตอนปลาย ไร้กรมศิลป์ฯดูแล
- พบโบราณสถาน ยุคกรุงศรีฯ ถูกทิ้ง ทรุดโทรม ไร้การดูแล – เสนอ ‘กรมศิลป์’ จับมือ ‘กทม.’ บูรณะด่วน
- กรมศิลป์ฯ แจงใช้ งบฯ ฉุกเฉิน ซ่อม ‘วัดช่องนนทรี’ รอ งบฯ เหลือจ่ายปลายปี เล็งบูรณะใหญ่
- ต่อลมหายใจ… ศิลปกรรมกรุงเก่า กลางเมือง
- อยุธยาที่ยังมีลมหายใจ