‘ธีรัจชัย’ เตรียมถอนตัวจากการตรวจสอบ ‘สุชัชวีร์’ ห่วงประเด็นชิงผู้ว่าฯ กทม.

กรรมาธิการ ป.ป.ช. แถลงขั้นตอนการตรวจสอบ ‘สุชัชวีร์’ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. กรณีถูกร้องร่ำรวยผิดปกติ ตั้งประเด็นใช่ทรัพย์สินภรรยาหรือไม่ ทุจริตโครงการจัดซื้อจัดจ้าง สจล. หรือไม่ ยืนยันให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ด้าน ‘ธีรัจชัย’ ประกาศ ‘ถอนตัว’ เหตุข้อครหามีผลประโยชน์หาเสียงเลือกตั้ง

วันนี้ (4 ก.พ. 2565) ที่อาคารรัฐสภา ธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร หรือ กรรมาธิการ ป.ป.ช. และยังเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องร้องเรียนขอให้ตรวจสอบ ศ.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ว่าที่ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงถึงกระบวนการตรวจสอบในชั้นกรรมาธิการฯ และขั้นตอนที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต

“ขอยืนยันว่ากรรมาธิการ ป.ป.ช. ได้มีการตรวจสอบแบบตรงไปตรงมา ทำด้วยความสุจริต และหวังให้ความจริงปรากฏในเร็ววันนี้ ว่าเรื่องใดเป็นเรื่องจริง หรือเรื่องใดเป็นเรื่องเท็จ และเราใช้มาตรฐานเดียวกันกับทุกคนที่ถูกร้องเรียน”

ก้าวไกล กทม.

ธีรัจชัย กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวนั้นมีผู้ร้องเรียนผ่านมายังประธานกรรมาธิการฯ (พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส) และตนได้รับมอบหมายให้ดำเนินการตรวจสอบ โดยรายละเอียดจากผู้ร้องเรียนนั้น ได้ตั้งข้อสังเกตว่า ศ.สุชัชวีร์ อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง หรือ สจล. มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นอย่างร่ำรวยผิดปกติหรือไม่ ประกอบกับยื่นเหตุผลและข้อมูลประกอบการร้องเรียน

ทั้งข้อมูลฐานะทางครอบครัวของ ศ.สุชัชวีร์ ที่เติบโตจากครอบครัวฐานะปานกลาง ไม่ใช่ครอบครัวร่ำรวย โดยเปิดเผยว่าบิดา มารดา มีอาชีพเป็นครูวิทยาลัยอาชีวะ แต่กลับมีทรัพย์สินที่ส่งมอบให้กับลูกชายทั้งที่ดิน คอนโดมิเนียม และห้องแถวรวมมูลค่าหลายสิบล้านบาท อีกทั้งภรรยาก็ไม่ได้มาจากครอบครัวที่ร่ำรวยเช่นกัน เอกสารของผู้ร้องระบุว่า ระหว่างดำรงตำแหน่งอธิการบดี สจล. ได้มีการยื่นบัญชีทรัพย์สินและพบความผิดปกติ ดังนี้

  • ครั้งที่ 1 วันที่ 18 ก.พ. 2559 มีทรัพย์สินประมาณ 44 ล้านบาท
  • ครั้งที่ 2 วันที่ 19 ก.ย. 2563 มีทรัพย์สินประมาณ 74 ล้านบาท
  • ครั้งที่ 3 วันที่ 1 ต.ค. 2564 มีทรัพย์สินรวมกับภรรยาประมาณ 342 ล้านบาท

จึงตั้งข้อสังเกตว่าภายในระยะเวลา 1 ปี มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นถึง 267 ล้านบาท ธีรัจชัย กล่าวว่า ในชั้นกรรมาธิการจึงได้ตั้งประเด็นในการตรวจสอบว่า ทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นนั้นเป็นของภรรยาหรือไม่? เพราะหากเพิ่งมีการสมรส ในปี 2561 จริงตามที่ได้มีการเปิดเผย อาจเป็นไปได้ว่า จะมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นในส่วนของภรรยา แต่ยังต้องตรวจสอบว่าทรัพย์สินนั้นได้มาอย่างถูกต้องหรือไม่

นอกจากนั้น ยังได้เชิญบุคคลมาให้ข้อมูลในชั้นกรรมาธิการ 2 คน คือ รักษาการแทนอธิการบดี สจล. สอบถามถึงหน้าที่ของอธิการบดี ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ทำงานเต็มเวลาหรือไม่ และสามารถรับงานอื่นเพิ่มได้หรือไม่ และพบว่าในเวลาราชการไม่สามารถรับงานอื่นได้ หากกรณีที่มีการเปิดเผยจากผู้ถูกร้องว่าได้รับเงินค่าตอบแทนจากวิชาชีพวิศวกรนั้น ในช่วงเวลาใด เป็นประเด็นที่กรรมาธิการฯ ต้องตรวจสอบ พร้อมกับค่าตอบแทนที่เป็นเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และเบี้ยประชุมอื่นด้วย

นอกจากนั้น ยังได้ขอข้อมูลในระหว่างการดำรงตำแหน่งอธิการบดี สจล. ของผู้ถูกร้องในปี 2558 – 2564 ว่ามีโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ 5 – 6 โครงการ โดยผู้ร้องตั้งข้อสังเกตว่า มี บริษัท 1D2 Group จำกัด มีส่วนร่วมในการรับงานในโครงการต่าง ๆ อย่างไร เพราะเป็นบริษัทที่มีคนใกล้ชิดของอดีตอธิการบดีด้วย และกรรมาธิการฯ ยังได้ตรวจสอบเรื่องการเสียภาษี ผ่านอธิบดีกรมสรรพากร ว่าเป็นไปอย่างถูกต้องหรือไม่

เตรียม ‘ถอนตัว’ จากการรับผิดชอบ ห่วงกรณีตัดขาเลือกตั้งผู้ว่าฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ (3 ก.พ. 2565) ในที่ประชุมกรรมาธิการ ป.ป.ช. อิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ หนึ่งในกรรมาธิการ ป.ป.ช. ได้ตั้งข้อสังเกตและขอความเป็นธรรมให้กับ ศ.สุชัชวีร์ โดยมองว่าการให้ข่าวในลักษณะนี้อาจกระทบต่อภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นในตัว ศ.สุชัชวีร์ ที่ตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯ กทม. โดยประธานกรรมาธิการฯ ยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

ในขณะที่เรื่องดังกล่าว ได้ถูกตั้งข้อสังเกตว่า ธีรัจชัย ซึ่งเป็น ส.ส.พรรคก้าวไกล และยังเป็นผู้รับผิดชอบการตรวจสอบนี้ อาจมีผลประโยชน์ทับซ้อนกรณีที่พรรคก้าวไกล ได้ส่งผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เช่นกัน อาจส่งผลต่อกระบวนการตรวจสอบที่ไม่เป็นธรรมแก่ฝ่ายที่ถูกร้องเรียนได้ ซึ่งธีรัจชัย ได้ประกาศว่าในการประชุมกรรมาธิการ ป.ป.ช. สัปดาห์หน้า จะแถลงขอเปลี่ยนตัวผู้รับผิดชอบ เพื่อความสบายใจ และให้กระบวนการโปร่งใสมากที่สุด

“เมื่อมีข้อสังเกต ว่าพรรคก้าวไกล ส่งผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ด้วย อาจมีผลประโยชน์ทับซ้อนได้ ในการประชุมกรรมาธิการฯ ครั้งหน้า ผมจะเสนอกลางที่ประชุม ขอให้เปลี่ยนตัวผู้รับผิดชอบเรื่อง โดยให้ท่านอื่นมาตรวจสอบแทน เพื่อให้กระบวนการโปร่งใสที่สุด แต่อย่างไรก็ตาม ผมยังมีส่วนในการตรวจสอบได้อยู่”

ในขณะที่ท่าทีของ ศ.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ว่า ตนไม่ลำบากใจที่จะเข้ารับการตรวจสอบ เพราะขณะดำรงตำแหน่งได้มีการตรวจสอบจากหน่วยงานต่าง ๆ มาโดยตลอด และยืนยันว่าทรัพย์สินที่ตนเองได้รับมา มีที่มาถูกต้องทุกประการ ส่วนที่ทรัพย์สินเพิ่มขึ้นจำนวนมากในเวลาเพียง 1 ปี เพราะตนเพิ่งสมรสกับภรรยาในปี 2561 เมื่อต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินพร้อมคู่สมรสจึงมีจำนวนเพิ่มขึ้น และรายได้ส่วนหนึ่งยังมาจากการเป็นวิศวกร ในระดับ ‘วุฒิวิศวกร’ นอกจากนั้นยังมีรายได้จากการลงทุนที่ได้รับผลตอบแทนเพิ่มขึ้นด้วย

ในขณะที่ประเด็นของผู้รับผิดชอบ สังกัดพรรคที่ต้องลงสนามเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ด้วยกัน ตนไม่ได้มองเป็นสาระสำคัญ และไม่คิดจะยื่นเรื่องเพื่อขอเปลี่ยนผู้รับผิดชอบ เพราะเชื่อมั่นว่าประธานกรรมาธิการ ป.ป.ช. ซึ่งเป็นบุคคลที่ตนให้ความเคารพนับถือ จะดำเนินการด้วยความถูกต้องโปร่งใส อย่างแน่นอน และไม่คิดว่าจะมีใครนำเรื่องนี้มาใช้ประโยชน์ในทางการเมือง และตนเตรียมใจไว้อยู่แล้วว่าต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมาย เมื่อต้องอาสาเข้ามาเปลี่ยนแปลงเรื่องที่ยิ่งใหญ่ อย่าง ‘กรุงเทพมหานคร’

Author

Alternative Text
AUTHOR

ธีร์วัฒน์ ชูรัตน์

เรียนจบกฎหมาย มาเป็นนักข่าว เด็กหลังห้อง ที่มักตั้งคำถามด้วยความไม่รู้