หญิงมุสลิมเปิดใจทั้งน้ำตา ยอมทิ้งบ้าน ทิ้งครอบครัว กับฟางเส้นสุดท้ายมุ่งหน้าเข้ากรุง หลังเอกชนเดินหน้าเวทีรับฟังความเห็น และไม่มีสัญญาณ SEA จากรัฐบาลตามคำสัญญา
![saveจะนะ มุสลิม](https://theactive.net/wp-content/uploads/2021/12/DSC00072-1024x576.jpg)
“เหนื่อย ร้อนก็ต้องทน พ่อป่วย แฟนเป็นอัมพฤกษ์ เราก็ยอมตัดใจมา ตั้งใจมาจากบ้านว่า ต้องชนะเท่านั้น เราสละทุกอย่างมาแล้ว แฟนเราบอกอยู่ได้ และให้ไปสู้”
“ก๊ะนิหยาด” นิสากร นุ้ยประสิทธิ์ วัย 52 ปี เปิดใจกับ The Active ทั้งน้ำตา หลังวันนี้ (12 ธ.ค. 2564) มีโอกาสได้คุยกับสามี ซึ่งป่วยเป็นอัมพฤกษ์อยู่ที่บ้านใน ต.สะกอม อ.จะนะ จ.สงขลา
นี่เป็นเพียงครั้งที่ 2 ที่เธอได้ถามไถ่ทุกข์สุขจากคนในครอบครัว หลังตัดสินใจขึ้นมาต่อสู้ร่วมกับ “เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น” ที่กรุงเทพฯ เมื่อต้นสัปดาห์ก่อน เพื่อทวงสัญญาจากรัฐบาล และคัดค้านนิคมอุตสาหกรรมจะนะ
ยอมทิ้งบ้าน ทิ้งครอบครัวมาว่าเหนื่อยแล้ว แต่ที่ต้องเจ็บปวดมากกว่า คือ การต้องตกเป็นหนึ่งในชาวบ้าน 37 คน ที่ถูกควบคุมตัว จากการสลายชุมนุมหน้าทำเนียบฯ เมื่อกลางดึงวันที่ 6 ธันวาคมที่ผ่านมา แม้เหตุการณ์คืนนั้นผ่านมาเกือบสัปดาห์ แต่ ณ วันนี้ เธอยอมรับว่ายังกลัว ตกใจ และเสียใจที่รัฐบาลมองไม่เห็นประชาชน
“ถ้าเราไม่ลุกขึ้นมา รัฐบาลก็ไม่เห็นเราเลย เรารู้สึกถูกกระทำ สู้จนหลังชนฝาแล้ว ก็ต้องลุกขึ้นมาสู้ที่ศูนย์กลาง เพราะเขาจะทำเวทีให้ได้ รัฐบาลรับปากแล้วแต่เขาไม่ทำตามสัญญา ผังเมืองก็จะเปลี่ยน…”
ฟางเส้นสุดท้าย ที่ทำให้เธอตัดสินใจทิ้งครอบครัว ที่มีทั้งพ่อที่ป่วยติดเตียง และสามีที่เป็นอัมพฤกษ์ คือ เอกชนเจ้าของโครงการที่พยายามเดินหน้าเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น “ค.1 – ค.2 – ค.3” ภายในวันที่ 13 – 23 ธันวาคม นี้ แม้ก่อนหน้านี้พยายามคัดค้านถึงที่สุด ยื่นเรื่องที่ศาลากลาง จ.สงขลา มาไม่รู้กี่ครั้ง แต่ทุกอย่างไม่เป็นผล
เธอจึงตัดสินใจเดินทางไกลกว่า 1,000 กิโลเมตร มาร่วมกับเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น ปักหลักต่อยู่อยู่ข้างถนนในเมืองกรุงฯ เพราะเชื่อว่า การมาส่งเสียง ยืนยันสิทธิ์การปกป้องทรัพยากรที่ศูนย์กลางอำนาจ จะเป็นความหวังได้มากกว่าการเรียกร้องอยู่ในพื้นที่เพียงอย่างเดียว
![saveจะนะ มุสลิม](https://theactive.net/wp-content/uploads/2021/12/DSC00040-1024x576.jpg)
ก่อนถึงวันเคลื่อนไหวใหญ่ไปที่ทำเนียบรัฐบาลอีกครั้งของเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น และเครือข่ายภาคประชาชน อีกหลายองค์กรในวันพรุ่งนี้ (13 ธ.ค.) ก๊ะนิหยาด บอกกับ The Active ถึงความตั้งใจของการลุกขึ้นมาปกป้องบ้านเกิดของเธอครั้งนี้
“เราแข็งแรงที่สุด อายุ 50 กว่าปี อยู่แถวแรกเลย ป้องกันคนแก่ข้างหลังไว้ ตอนนั้นแบ่งกลุ่มกันกินข้าว กลุ่มแรกยังไม่ได้กินข้าวเลย ตำรวจก็เข้ามา เขาไม่ถามเราสักคำ คิดอะไรไม่ออกพยายามดูว่า เพื่อนเรามีใครบาดเจ็บ เราต้องสู้ให้กำลังใจกัน เราได้แต่จับมือกันไว้บอกอย่าปล่อยมือกันนะ เราไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน เขาจับคนแก่ไปด้วยจนถึงตอนนี้ก็ยังกลัว ยังตกใจ”
“เรามีพ่อป่วยติดเตียง แต่เมื่อจำเป็นต้องขึ้นมาก็ต้องทิ้งพ่อไว้กับน้องสาว เพราะปกติเรามีกัน 3 พี่น้องจะแบ่งกันดูแลพ่อ ส่วนสามีก็เป็นอัมพฤกษ์ ป่วยมานาน 10 ปี มีลูกสาวเรียนอยู่กรุงเทพฯ เป็นนักศึกษาปี 3 พอรู้ว่าจะต้องขึ้นมาที่กรุงเทพฯ เราก็ต้องรีบวิ่งงานในตลาดให้ถี่ขึ้น จะได้มีเงินพอให้ลูก และครอบครัวเพราะไม่รู้ว่าจะต้องมาอยู่ที่กรุงเทพฯ นานแค่ไหน”
![saveจะนะ จะนะรักษ์ถิ่น](https://theactive.net/wp-content/uploads/2021/12/DSC00173-1024x576.jpg)
“ไม่ต้องเป็นห่วง ปลอดภัยดี ขอบคุณที่ให้มานะ”
ประโยคสนทนาสั้น ๆ เพียงไม่กี่นาที ที่ได้คุยกับสามี มีทั้งรอยยิ้ม และน้ำตา เพราะชะตากรรมที่เธอ และครอบครัวต้องเจอ หลังสามีล้มป่วย ถือว่าสาหัสไม่น้อย ก่อนหน้านี้ครอบครัวเคยมีรายได้หลักแสนต่อวัน ด้วยอาชีพประมงพื้นบ้าน และรับปู รับกั้งมาขาย แต่ทุกอย่างหายไปกับตา เมื่อสามีป่วย ทำให้เธอต้องเป็นเสาหลักของครอบครัว ทำงานขายผ้าในตลาดส่งลูกสาวเรียน และดูแลพ่อที่ป่วยติดเตียงด้วย
เธอยิ่งเครียด และกังวลมากขึ้นถ้านิคมอุตสาหกรรมจะเกิดขึ้นจริง ๆ เพราะทุกอย่างในพื้นที่จะหายไป วันนี้เธอเปลี่ยนความเครียด ปรับบทบาท มาทำหน้าที่คิดละคร แต่งเพลง เพื่อสื่อสารสะท้อนความเป็น “จะนะ” ในที่ชุมนุม แม้จะเป็นกิจกรรมเล็ก ๆ แต่ก็ช่วยให้เพื่อน ๆ ของเธอผ่อนคลายความเครียด และมีเสียงหัวเราะร่วมกันในช่วงเวลาสั้น ๆ
“หลายคนถามว่า นอนอยู่บ้านดี ๆ มานอนอยู่ข้างถนนในเมืองทำไม อากาศไม่ดี มลพิษเยอะ แต่ถ้าที่จะนะมีนิคมอุตสาหกรรม อากาศเสีย มลพิษจะมากกว่านี้ เราไม่สามารถลบล้างมันได้แล้ว ที่ผ่านมา รัฐบาลมองไม่เห็นเราเลย ไม่ถามเราสักคำ…ดังนั้นถ้าไม่ชนะ เราไม่กลับ เพราะเราแลกกับการที่ต้องทิ้งครอบครัวมาแล้ว”
![#saveจะนะ](https://theactive.net/wp-content/uploads/2021/12/DSC09900-2-1024x576.jpg)