สภาพัฒน์ ตั้งคณะกรรมการฯ เดินหน้า SEA มั่นใจยืนบนฐานข้อมูล ข้อเท็จจริง รอบด้าน ภาคประชาชน ห่วงกรอบเวลา 18 เดือน น้อยไป ย้ำ SEA ต้องไม่ลืมการมีส่วนร่วม
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2022/09/จะนะ1-1024x576.jpg)
ภายหลังมีคำสั่งสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ 210/2565 ลงวันที่ 21 ก.ย.65 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการกำกับการจัดทำการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์สำหรับแผนแม่บทการพัฒนาเชิงพื้นที่ของจังหวัดสงขลาและปัตตานี จำนวน 21 คน
ล่าสุด วันนี้ (23 ก.ย.65) เสาวรัจ รัตนคำฟู ผู้อำนวยการวิจัยด้านนโยบายนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน TDRI ในฐานะของหนึ่งในกรรมการกำกับการจัดทำการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ฯ เปิดเผยกับ TheActive โดยยืนยันถึงความตั้งใจ เพื่อต้องการทำให้ประเด็นการพัฒนาที่นำไปสู่ความขัดแย้งในพื้นที่ มองเห็นทางออก โดยเชื่อว่ากลไก SEA ที่กำลังจะเกิดขึ้น จะมีส่วนสำคัญหาก SEA สามารถดำเนินการอยู่บนฐานข้อเท็จจริง ทั้งเรื่อง เศรษฐกิจ สังคม ต้นทุนทรัพยากร สิ่งแวดล้อม และทุนทางวัฒนธรรม ผ่านการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายให้ได้มากที่สุด
“กรณีการพัฒนาที่เกิดความขัดแย้ง การหาทางออกต้องอยู่บนฐานข้อมูล ใช้หลักฐาน ข้อเท็จจริง มากกว่าการพูดคุยโดยใช้อารมณ์ ความรู้สึก ต้องดูให้รอบด้าน เพราะกรณีนี้มีทั้งฝ่ายหนุน และคัดค้าน ดังนั้นหากผลการศึกษาไม่ได้ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วม และหลักฐานข้อเท็จจริง ก็จะคุยกันไม่จบ จึงต้องดูให้ครบ แม้กระทั่งฐานทรัพยากร ทุนทางวัฒนธรรม ก็ต้องให้ครอบคลุม”
เสาวรัจ รัตนคำฟู
เสาวรัจ บอกด้วยว่า วันนี้จะประชุมคณะกรรมการฯ กันครั้งแรก เพื่อทำความเข้าใจกรอบอำนาจหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมาย พร้อมทั้งร่วมกันพิจารณากรอบการจัดทำขอบเขตงานจ้าง (TOR) ที่ปรึกษาเพื่อประเมิน SEA เบื้องต้นคาดว่ากรอบเวลาการทำงานประเมิน SEA อาจอยู่ที่ 18 เดือน แต่ทั้งนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2022/09/จะนะ2-1024x576.jpg)
หวัง SEA เดินหน้าบนฐานข้อมูลจริง กำหนดทิศทางพัฒนาอย่างเหมาะสม
นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ จ.สงขลา บอกว่า การเดินหน้าตั้งคณะกรรมการเพื่อขับเคลื่อน SEA ของสภาพัฒน์ ถือเป็นความพยายามของภาครัฐ เพื่อให้ทุกฝ่ายได้ร่วมกันหาทางออกประเด็นความขัดแย้งจากการพัฒนาขนาดใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้ แต่ถ้ามองไปยังกรรมการแต่ละคน จะเห็นว่า มีทั้งฝ่ายที่หนุนโครงการ และฝ่ายคัดค้าน จริง ๆ แล้วการจัดทำ SEA ควรต้องมองหาตัวบุคคลที่เป็นกลางให้มากที่สุด และใช้ข้อมูล ข้อเท็จจริงที่ยืนอยู่บนหลักวิชาการ เพื่อหาทางออกว่าการพัฒนาที่ควรจะเป็นของพื้นที่จะเป็นไปในทิศทางใด
ทั้งยังเห็นว่า หากกรอบการศึกษา SEA มีแค่ 18 เดือน อาจน้อยเกินไป เพราะสิ่งที่การศึกษา SEA ต้องไปให้ถึงคือการลงพื้นที่ เก็บข้อมูลจริงทั้งในเรื่องเศรษฐกิจ สังคม ทรัพยากร ให้สมบูรณ์ เพื่อให้ได้ข้อมูลสะท้อนถึงความจริงเชิงพื้นที่ มากกว่าการใช้เพียงความเห็น เพื่อนำไปสู่การกำหนดทิศทางที่ถูกต้อง ซึ่งหากระยะเวลาดำเนินการสั้น นั่นหมายความว่ากระบวนการต่าง ๆ ต้องทำอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
สอดคล้องกับ กิตติภพ สุทธิสว่าง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจะนะยั่งยืน บอกว่า เครือข่ายภาคประชาชนในพื้นที่ยังคงตั้งคำถามกับตัวกรรมการแต่ละคนในเรื่องของความเป็นกลาง และยังไม่รู้ว่ากรอบอำนาจหน้าที่ของคณะ กรรมการฯ ชุดนี้ จะออกมาเป็นอย่างไร ดังนั้นเครือข่ายภาคประชาชนจึงเตรียมหารือกันเพื่อกำหนดท่าทีต่อเรื่องนี้อีกครั้ง
สำหรับ คำสั่งสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ 210/2565 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการกำกับการจัดทำการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์สำหรับแผนแม่บทการพัฒนาเชิงพื้นที่ของจังหวัดสงขลาและปัตตานี นั้น อ้างตามมติ ครม.วันที่ 14 ธ.ค.64 ให้จัดให้มีการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (SEA) และแผนแม่บทต่าง ๆ โดยให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมดำเนินการ และรับข้อเสนอของภาคประชาชน รวมถึงผลดำเนินการของคณะกรรมการการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการดำเนินการขยายผลโครงการเมืองต้นแบบ “สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ไปสู่เมืองต้นแบบที่ 4 อ.จะนะ จ.สงขลา “เมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้างหน้าแห่งอนาคต”
เพื่อให้การดำเนินการสอดคล้องเป็นไปตามมติ ครม.ดังกล่าว สภาพัฒน์ จึงจัดทำแผนแม่บทเชิงพื้นที่ของ จ.สงขลา และปัตตานี ด้วยกระบวนการ SEA และเพื่อให้เป็นไปตามแผนการพัฒนาให้สอดคล้องกัยศักยภาพของพื้นที่ โดยคำนึงถึงความสมดุลของการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม รวมถึงการให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย นำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน สภาพัฒน์ฯ จึงตั้งคณะกรรมการกำกับการจัดทำการประเมิน SEA จ.สงขลา และปัตตานี ประกอบด้วย เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นประธานกรรมการร่วมกับ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยมีหลายหน่วยงาน เช่น สำนักงบประมาณ, สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยนักวิชาการ ผู้ทรงคุณวุฒิ รวม 21 คน เป็นกรรมการ
ส่วนกรอบอำนาจหน้าที่ตามคำสั่ง ระบุให้คณะกรรมการฯ ชุดนี้ ให้ความเห็นจัดทำขอบเขตงานจ้างที่ปรึกษาจัดทำการประเมิน SEA รวมทั้งให้ข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะการจัดทำ SEA พร้อมเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง เพื่อประกอบการจัดทำประเมิน SEA สำหรับแผนแม่บทการพัฒนาเชิงพื้นที่ของ จ.สงขลา และปัตตานี