เขื่อนป่าสักฯ เปิดประตู 7 บานเพิ่มระบายน้ำต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ส่งผลกระทบชุมชนท้ายเขื่อน น้ำท่วมสูงกว่า 1-2 เมตร ด้าน เทศบาล ต.ท่าเรือ ตั้งศูนย์อพยพ
วันที่ 1 ต.ค. 2564 หลังเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำเกินความจุ ทำให้ต้องระบายน้ำส่วนเกินออกมาส่งผลให้พื้นที่ท้ายเขื่อน ที่อยู่ริมแม่น้ำป่าสัก ถูกน้ำท่วม 1-2 เมตร The Active ลงพื้นที่สำรวจบริเวณ อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยาหนึ่งในพื้นที่ลุ่มต่ำที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งอยู่ห่างจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ประมาณ 30 กิโลเมตร และอยู่เหนือเขื่อนพระราม 6 ไปอีกเพียง 3 กิโลเมตร
รุ่งอรุณ นิตยใจพรหม ชาวอำเภอท่าเรือ อาศัยอยู่ริมแม่น้ำป่าสัก ต้องทยอยขนของขึ้นที่สูงหลังได้รับการแจ้งเตือนจากเทศบาลตำบลท่าเรือตั้งแต่คืนวันที่ 29 ก.ย.ที่ผ่านมา เวลานั้นน้ำยังไม่ท่วมมากขนาดนี้ เธอยอมรับว่าระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและมาเร็วกว่าปี 2554 และนี้ถือเป็นสถานการณ์น้ำท่วมในรอบ 10 ปี โดยไม่คิดมาก่อนว่าปีนี้อำเภอท่าเรือจะถูกน้ำท่วม
ขณะที่ ชโลม โปลิตานนท์ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลท่าเรือ เร่งให้ความช่วยเหลือประชาชน พร้อมตั้งเต็นท์อพยพประชาชนที่อยู่ริมน้ำ ให้ขึ้นมาอยู่บนถนน ซึ่งเป็นพื้นที่สูง มีการนำเด็ก ผู้สูงอายุ ขึ้นมาอาศัยอยู่ชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมาแล้ว โดยยังคงได้รับการแจ้งเตือนว่าอาจมีพายุลูกใหม่พัดเข้ามาจึงยังคงระดับการแจ้งเตือนต่อไปจนกระทั่งถึงวันที่ 5 ตุลาคมโดยระหว่างนี้ยังคง ให้ประชาชนยกของขึ้นที่สูง
ส่วนชาวบ้านที่อยู่ในตลาดเก่าท่าเรือ ซึ่งน้ำยังไปไม่ถึงก็เตรียมพร้อมรับมือด้วยการยกของขึ้นที่สูงเช่นเดียวกัน ขณะนี้ระดับน้ำยังคงเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่สถานการณ์ก็ยังคงวางใจไม่ได้
สำหรับสถานการณ์น้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี ยังคงเพิ่มการระบายน้ำต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 หลังปริมาณน้ำเกินความจุ 100% ไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 30 ก.ย. ขณะนี้ปริมาณน้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ สูงสุด ในรอบ 10 ปี อยู่ที่ 1,027.27 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 107.01% ของความจุปกติของเขื่อนที่ 960 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยยังมีมวลน้ำเหนือไหลลงเขื่อนอยู่ที่ 117.62 ล้านลูกบาศก์ต่อวัน ทำให้ยังคงต้องเปิดประตูระบายน้ำ ทั้ง 7 บาน เพื่อคงการระบายน้ำลงท้ายเขื่อนอยู่ที่ 104.276 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน เนื่องจากปัจจุบันยังมีน้ำเหนือไหลลงเขื่อนในปริมาณมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มวลน้ำจากเขื่อนป่าสักฯ ที่ไหลลงสู่แม่น้ำป่าสักนี้ เมื่อไปถึงเขื่อนพระราม 6 ก็จะต้องมุ่งระบายน้ำต่อผ่านเข้ายังพื้นที่กรุงเทพฯเพื่อออกสู่อ่าวไทยจึงยังคงต้องเฝ้าระวังตลอดแนวลำน้ำที่มวลน้ำก้อนใหญ่ไหลผ่าน จะทำให้น้ำล้นตลิ่งและเกิดน้ำท่วมหรือไม่
