เรียกร้องยูเนสโกชะลอการพิจารณา เหตุยังไม่มีการแก้ปัญหาละเมิดสิทธิมนุษยชนในพื้นที่
วันนี้ (26 ก.ค. 2564) กลุ่มภาคี #Saveบางกลอย รวมตัวจัดกิจกรรมหน้ากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กทม. ย้ำจุดยืนให้ยูเนสโก ( UNESCO ) ชะลอการขึ้นทะเบียนกลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก สมัยสามัญ ครั้งที่ 44 ที่จะพิจารณาวันนี้เวลาประมาณ 16.30 น. ตามเวลาประเทศไทย จนกว่าปัญหาสิทธิของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงบางกลอยจะคลี่คลายพร้อมทั้งอ่านแถลงการณ์ ยืนยันมีนักสิทธิฯ เสียชีวิตในระหว่างการต่อสู้ 2 คน และชุมชนยังไม่ได้รับความเป็นธรรม
ขณะที่ตำรวจจากสถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ ได้อ่านประกาศการใช้อำนาจตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ยืนยันว่าการจัดกิจกรรมดังกล่าว อาจนำไปสู่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ต้องยุติการจัดกิจกรรมภายใน 30 นาที หากยังไม่สลายตัวจะดำเนินการตามกฎหมาย
จากนั้นตัวแทนภาคี#SAVEบางกลอย ได้กล่าวตอบโต้เจ้าหน้าที่ โดยระบุว่า ขณะนี้รัฐบาลทำงานล้มเหลว ถือว่าไร้รัฐแล้ว แต่จะมีผลมาก หากในอีกเดือนข้างหน้า ไม่มีรัฐบาลชุดพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาอยู่แล้ว จึงขอให้ตำรวจทำหน้าที่ไป แต่อย่าขัดขวางการทำกิจกรรม หากขัดขวาง กิจกรรมของกลุ่มก็จะไม่มีจุดจบเช่นกัน โดยระบุว่า ได้เตรียมกิจกรรมมาทำตามกำหนดการ และเมื่อกิจกรรมเสร็จ ก็จะเดินทางกลับ
“วันนี้ 16.00 น. จะมีการพิจารณาเรื่องมรดกโลก แต่ตอนนี้ยังมีการอ้าง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ อ้างโควิด แต่เรื่องมรดกโลกเป็นเรื่องสำคัญ เพราะกระบวนการต่างๆ ยังไม่มีการแก้ไขปัญหาอย่างชัดเจน อยู่ดีๆ จะไปล็อกคอชาวบ้าน พี่ตำรวจที่นี่ก็เดือดร้อนไม่ต่างกับชาวบ้านหรอก แล้วอยู่ดีๆ มันมีคนฉวยโอกาสในการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก แล้วชาวบ้านที่เขาอยู่มาตั้งแต่บรรพบุรุษ เขาจะอยู่ที่ไหน ผมก็ขอให้แก้ปัญหาก่อน เลื่อนไปก่อน ขอใช้สิทธิในนามประชาชนเต็มที่”
ต่อมาภาคีฯ ได้ร่วมกันทำกิจกรรมติดสติ๊กเกอร์บริเวณป้ายกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) และรั้วประตู ทส. โดยสติ๊กเกอร์มีข้อความ เช่น ชาติพันธุ์ก็คือคน , คุณกลับบ้านกี่ชั่วโมง คนบางกลอยไม่มีบ้านให้กลับ , มรดกโลก มรดกเลือด
จากนั้นได้นำเสนอปัญหาการขึ้นทะเบียนมรดกโลกครั้งนี้ โดยอิชย์อาณิคม์ ชิตวิเศษ เจ้าหน้าที่สื่อสาร มูลนิธิผสานวัฒนธรรม เผยว่า วันนี้จะมีมติพิจารณาว่ากลุ่มป่าแก่งกระจานจะได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกหรือไม่ ซึ่งจะมีการพิจารณากันในวันนี้ 16.30 น. ตามเวลาประเทศไทย เหตุผลว่าทำไมรัฐบาลต้องเร่งรัดในการขึ้นทะเบียนมรดกโลกกลุ่มป่าแก่งกระจานในครั้งนี้นั้น เนื่องจากรัฐบาลไทยได้ยื่นเรื่องขอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกไปตั้งแต่ปี 2557 ซึ่งเป็นปีที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำรัฐประหารขึ้นมาเป็นรัฐบาล หลังจากนั้นมีการปัดตกมาทุกครั้งเนื่องจากคณะกรรมการมรดกโลกทั้งหมดมีมติไม่รับรองการขึ้นทะเบียนมรดกโลกทางธรรมชาติ เพราะรัฐบาลไทยยังไม่ได้แก้ไขปัญหาสิทธิชุมชนดั้งเดิม
“พื้นที่แห่งนี้มีกฎหมายทับซ้อนกันมากมาย แต่เป็นการให้อำนาจเจ้าหน้าที่ในการจัดการกับชาวบ้านได้ แม้ว่าจะมีการแก้ไขกฎหมายอะไรก็ตาม แต่ก็เป็นเพียงการบัญญัติไว้ในกระดาษ แต่ในทางปฏิบัติไม่เคยเกิดขึ้นจริง การตั้งคณะกรรมการขึ้นมาแก้ไขปัญหาก็ตั้งในนาม ไม่มีการประชุมหรือมีมติให้เกิดการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมสักที”
ผู้แทนมูลนิธิผสานวัฒนธรรมยังกล่าวว่า วันนี้ 16.30 น. จะเป็นเวลาชี้ชะตาว่ากลุ่มป่าแก่งกระจานจะได้รับการรับรองเป็นมรดกโลกหรือไม่ ซึ่งจริงๆ ช่วงเช้าวานนี้ ในเว็บไซต์ของนูเยสโกได้เผยแพร่ร่างคำพิจารณาว่าจะมีมติให้กลุ่มป่าแก่งกระจานได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยมีประเทศรัสเซีย จีน โอมาน ซาอุดีอาระเบีย สเปน เอธิโอเปีย เซนต์คิตส์แอนด์เนวิส มาลี และไทย รับรองแล้ว นั่นหมายความว่านี่คือการล็อบบี้ครั้งยิ่งใหญ่ที่รัฐบาลไทยทำกับรัฐบาล 9 ประเทศ เพื่อให้รัฐบาลไทยได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแม้จะยังไม่มีการแก้ไขปัญหาในระดับพื้นที่
หลังจากนั้น ผู้แทนภาคีฯได้อ่านแถลงการณ์เรื่อง มรดกโลก (ต้อง) ไม่ใช่มรดกเลือด รัฐไทยต้องแก้ปัญหา “สิทธิมนุษยชน” ก่อนขึ้นทะเบียนมรดกโลกกลุ่มป่าแก่งกระจาน ระบุว่า ภาคี #SAVEบางกลอย ไม่ได้มีเจตนาที่จะคัดค้านการขึ้นทะเบียนมรดกกลุ่มป่าแก่งกระจาน เพียงแต่มีความกังวลว่า การพิจารณามรดกโลกกลุ่มป่าแก่งกระจานในครั้งนี้จะเป็นการปฏิเสธสิทธิการอยู่อาศัยบนผืนดินบรรพบุรุษของชาวกะเหรี่ยงบางกลอยและชุมชนอื่นๆ
“เราต้องการมรดกโลกที่มีแนวทางในการอนุรักษ์ธรรมชาติ ที่ควบคู่ไปกับการดำรงไว้ซึ่งคุณค่าทางวัฒนธรรมและชีวิตของผู้คนในพื้นที่ เราต้องการให้ระบบการเกษตรแบบไร่หมุนเวียนอันเป็นมรดกและรากเหง้าที่ส่งต่อมาแต่บรรพบุรุษได้รับการยอมรับและคุ้มครอง ให้การเป็นมรดกโลกนั้นควบคู่ไปกับการพัฒนาที่ยั่งยืน รวมถึงต้องการความชัดเจนในแนวทางการปฏิบัติต่อชาติพันธุ์ในพื้นที่ป่าแก่งกระจานตามหลักการสิทธิมนุษยชน ทั้งหมดทั้งมวล ก็เพื่อให้การขึ้นทะเบียนมรดกโลกนี้ ถูกบันทึกและถูกจดจำต่อสายตานานาอารยประเทศอย่างสง่างาม ชอบธรรม และสมศักดิ์ศรี”
จากนั้นประมาณ 10.40 น. ภาคี#Saveบางกลอยและผู้เข้าร่วมกิจกรรมอื่นๆ ได้ขว้างถุงบรรจุสีแดงใส่ป้ายกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยพวกเขาระบุว่า เป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์เพื่อให้เห็นว่า มรดกโลกกลุ่มป่าแก่งกระจาน คือ “มรดกเลือด” หลังมีอย่างน้อย 2 ชีวิตต้องสูญเสียจากการต่อสู้เพื่อสิทธิและศักดิ์ของกลุ่มชาติพันธุ์บนผืนป่าแก่งกระจาน นั่นคือทนายทัศน์กมล โอบอ้อม และ ‘บิลลี่’ พอละจี รักจงเจริญ รวมถึงมีชาวบ้าน 28 ชีวิตต้องถูกดำเนินคดีในข้อหาหนัก เหตุเพราะต้องการกลับไปยังที่ทำกินเดิมของตนเอง
“กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นกระทรวงที่เป็นเครื่องมือของผู้ขูดรีดผลประโยชน์จากทรัพยากร ให้พวกนายทุนต่างๆ อ้างตัวเป็นหน่วยงานอนุรักษ์ แล้วก็ไปกวาดล้างพี่น้องชาติพันธุ์ลงมา เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ความทุกข์ยากของพี่น้องบางกลอย แต่เป็นเรื่องของพี่น้องชาติพันธุ์ทุกเผ่ากับรัฐไทย เราจะใช้เลือดของพี่น้องชาติพันธุ์จัดการเรื่องนี้”
โดยในช่วงท้าย ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้ร่วมกันร้องเพลง “ใจแผ่นดิน” ที่แต่งโดยวงดนตรี ไททศมิตร ก่อนจะประกาศยุติกิจกรรม โดยย้ำว่าจะติดตามผลการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกที่ประเทศจีนในเวลา 16.30 น. ตามเวลาประเทศไทย และพร้อมจะจัดกิจกรรมต่อเนื่อง หากมีมติเห็นชอบให้กลุ่มป่าแก่งกระจานสามารถขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก