เปิด 22 คลัสเตอร์ กทม. ยังน่าห่วง

ศบค. รายงาน อัตราผู้ป่วยใหม่เทียบรักษาหายแล้ว ยังเพิ่มขึ้น สวนทางตัวเลขผู้ป่วยต่างจังหวัด ลดลง กทม.เปิดจุดฉีดวัคซีน Big C บางบอน ตั้งเป้า 2.5 ล้านคน/เดือน

สถานการณ์ผู้ติดเชื้อในพื้นที่ กทม. ยังพุ่งขึ้นต่อเนื่อง โดยวันนี้ (18 พ.ค.2564) ศบค.รายงานผู้ติดเชื้อในพื้นที่ กทม.จำนวน 873 คน แม้ตัวเลขจะลดลงจากเมื่อวานนี้ (17 พ.ค.) ที่มีผู้ติดเชื้อ 1,843 คน แต่ยังเป็นจังหวัดที่มีรายงานผู้ติดเชื้อรายวันสูงสุดเป็นอันดับหนึ่ง และมีผู้ป่วยยืนยันสะสมระลอกใหม่ 28,658 คน

ศบค.ยังรายงานด้วยว่า ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (วันที่ 8-14 พ.ค.) กทม.มีอัตราส่วนผู้ป่วยใหม่มากกว่าผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 6,644 คน ต่อ 5,322 คน หรือประมาณ 1.2 เท่า เพิ่มขึ้นจากช่วงก่อนหน้านี้ (วันที่ 1-7 พ.ค.) ที่มีอัตราอยู่ที่ 4,912 คน ต่อ 4,735 คน หรือ 1.0 เท่า สวนทางกับพื้นที่ต่างจังหวัดที่ตัวเลขผู้ป่วยรักษาหายมีอัตรามากกว่าผู้ป่วยรายใหม่

ส่วนคลัสเตอร์แคมป์คนงานหลักสี่ คลองถมเซ็นเตอร์ และตลาดห้วยขวาง ยังเป็นจุดที่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ส่วนคลัสเตอร์ตลาดพลอยบางรัก และแฟลตดินแดง ที่อัตราการเพิ่มเริ่มคงที่

เฉพาะแคมป์คนงานหลักสี่ จากการตรวจเชิงรุกวันนี้ (18 พ.ค.) จากจำนวน 1,667 คน พบผู้ติดเชื้อ 1,107 คน คิดเป็น 66.41% และมีผู้สัมผัสที่มีความเสี่ยงสูง 586 คน ส่วนเขตที่พบผู้ติดเชื้อยังคงที่อยู่ที่ 19 เขตหลัก รวม 29 คลัสเตอร์ โดยในจำนวนนี้มี 22 คลัสเตอร์ที่ยัง Active อยู่ โดยคลัสเตอร์ที่พบใหม่ล่าสุดคือ ตลาดยิ่งเจริญ ในพื้นที่เขตบางเขน

กทม. เปิดจุดบริการฉีดวัคซีน Big C บางบอน ตั้งเป้า 2.5 ล้านคน/เดือน

พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมจุดบริการฉีดวัคซีนนอก รพ. ที่บิ๊กซี บางบอน เขตบางบอน ว่า วันนี้ (18 พ.ค.) เป็นการทดลองเปิดระบบ “ศูนย์บริการวัคซีนบิ๊กซี บางบอน” ภายใต้ความร่วมมือกับโรงพยาบาลเครือบางปะกอก โดยตั้งเป้าหมายในการให้บริการฉีดวัคซีน จำนวน 2,500 – 3,000 คน/วัน ตั้งแต่เวลา 08.30 น. -16.30 น.

โดยวันนี้เป็นการให้บริการสำหรับกลุ่มเป้าหมายคือผู้ที่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อสูง ได้แก่ บุคลากรส่วนหน้าและอาชีพที่มีความเสี่ยงต้องให้บริการประชาชนเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายที่สำนักอนามัยได้นำเข้าข้อมูลไว้ในระบบของ กทม. และต่อไปจะให้บริการวัคซีนแก่ผู้ที่ขับรถยนต์สาธารณะ พนักงานเก็บค่าโดยสารสาธารณะ จากบริษัทขนส่งต่างๆ ซึ่งมีประมาณ 7,000 คน รวมถึงจะฉีดวัคซีนให้กับพนักงานเก็บขน พนักงานกวาด จากสำนักงานเขต คนขับแท็กซี่ วินจักรยานยนต์ พนักงานขนส่งอาหารต่างๆ ผู้มีอาชีพผู้ดูแลผู้สูงอายุ และเจ้าหน้าที่ศูนย์รับเลี้ยงเด็กเล็ก

ส่วนกลุ่มเป้าหมายต่อไปคือบุคลากรครูใน กทม. ซึ่งมีประมาณ 170,000 คน และกลุ่มอาชีพเสี่ยงอื่นๆ ที่จะได้รับการพิจารณาให้ได้รับวัคซีนในลำดับถัดมา ขึ้นอยู่กับปริมาณวัคซีนที่ได้รับจัดสรร โดย กทม. จะเร่งขยายสถานที่ฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาลให้ครบตามเป้าหมาย 25 แห่งทั่วพื้นที่ กทม. เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนในการเดินทางมาฉีดวัคซีน ภายในวันที่ 31 พ.ค.นี้

ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวด้วยว่า ในเดือน มิ.ย.-ก.ค.นี้ กทม.จะได้รับการจัดสรรวัคซีนจากกระทรวงสาธารณสุข เดือนละ 2.5 ล้านโดส รวม 2 เดือน 5 ล้านโดส โดย กทม. จะเร่งดำเนินการฉีดให้แล้วเสร็จภายใน 2 เดือน (มิ.ย.-ก.ค.2564)

โดยจะกระจายการฉีดวัคซีนทั้งภายในโรงพยาบาลทั้ง 126 แห่ง ซึ่งมีศักยภาพในการฉีดไม่น้อยกว่าวันละ 20,000 คน และจุดบริการฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาล 25 แห่ง มีศักยภาพในการฉีดวันละ 38,000-50,000 คน/วัน คาดการณ์ว่าจะสามารถฉีดวัคซีนได้ไม่น้อยกว่า 60,000 คน/วัน โดยผู้ที่ได้รับการฉีดจะเป็นประชาชนทั่วไป คาดว่าน่าจะครบ 5 ล้านคนตามเป้าหมายที่นายกรัฐมนตรีกำหนด

โดยในช่วงนี้ กทม. ขอความร่วมมือประชาชนลงทะเบียนผ่านระบบแอปพลิเคขั่น “หมอพร้อม” ในการเข้ามาฉีดวัคซีน เพื่อความสะดวกในการบริหารจัดการและความปลอดภัยของประชาชน โดยหากเปิดให้ประชาชน walk in อาจเกิดปัญหาความแออัดของประชาชนที่ต้องมารอคิว และมีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค

เตรียมเปิด web based จองคิวฉีดวัคซีน ยืนยัน ไม่ซ้ำซ้อน “หมอพร้อม”

ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษก กทม. กล่าวว่า กทม. ได้มีการหารือถึงแนวทางที่จะให้ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครทุกคนสามารถลงทะเบียนเพื่อเข้ารับการฉีดได้อย่างทั่วถึง และแบ่งเบาภาระของ แอปฯ “หมอพร้อม”

โดยอาจจะเป็นรูปแบบของ web based ที่จะใช้สำหรับการจองคิวฉีดวัคซีนโดยเฉพาะ ซึ่งระบบดังกล่าวจะไม่ซ้ำซ้อนกับ “หมอพร้อม” เนื่องจากขณะนี้ผู้ที่ลงทะเบียนกับหมอพร้อมจะเป็นผู้สูงอายุ 60 ปี ขึ้นไป และผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง 7 กลุ่มโรค และนัดเข้ารับการฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาล

ส่วนระบบ web based จะใช้สำหรับการลงทะเบียนผู้ที่อายุระหว่าง 18-59 ปี และนัดรับการฉีดวัคซีนที่จุดบริการนอกโรงพยาบาล 25 จุด โดยจะประสานหอการค้าไทย และร้านสะดวกซื้อ เช่น เซเว่นอีเลฟเว่น เข้าร่วมระบบดังกล่าว เพื่อให้ประชาชนสามารถลงทะเบียนจองคิวได้อย่างทั่วถึงในทุกพื้นที่ คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจนเรื่องระบบดังกล่าว

Author

Alternative Text
AUTHOR

เพ็ญพรรณ อินทปันตี

อดีตนักกิจกรรม รักการอ่าน งานเขียน ว่ายน้ำ และเล่นกับแมว