ลุ้น ฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ก่อนเปิดเกาะ 1 ก.ค. นี้ ยังรออีก 2.4. แสนโดส “ผอ.รพ.วชิระภูเก็ต” ยัน ซิโนแวค ลดการติดเชื้อจริง ด้าน “นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวฯ” ชี้ เอกชนเป็นกำลังสำคัญช่วยกระจายวัคซีน
คำยืนยันจากภาคประชาสังคมภูเก็ต คือเดินหน้า “โครงการภูเก็ตแซนด์บอกซ์” รับนักท่องเที่ยววันที่ 1 กรกฎาคมนี้ต่อ แม้จะมีการระบาดระลอก 3 “ภูมิกิตติ์ รักแต่งาม” นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยถึงความมั่นใจจากสัญญาณที่ได้รับจากภาครัฐ แม้ปัจจุบันยังได้รับวัคซีนไม่ครบตามที่จังหวัดภูเก็ต ขอไป 5 แสนโดส เพื่อฉีดสร้างภูมิคุ้มกันหมู่แก่ประชากรทั้งเกาะให้ได้ 70% แต่เข้าใจเหตุระบาดใหญ่ในกรุงเทพฯ หลายคลัสเตอร์ ทำให้ต้องมีการปรับแผนกระจายวัคซีน
คนภูเก็ตได้รับการฉีดวัคซีนแล้วไม่ต่ำกว่า 1 แสนคน หลังฉีดวัคซีนล็อตแรก 1 แสนโดสเมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2564
“นพ.เฉลิมพงษ์ สุคนธผล” ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ระบุงานวิจัยผลการฉีดวัคซีนกับการระบาดรอบใหม่ พบว่าคนฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม จะมีอาการเพียง 20% และ 80% ไม่มีอาการเมื่อได้รับเชื้อ
ขณะที่คนยังไม่รับวัคซีนมีอาการ 35% และไม่มีอาการ 65% ส่วนวัคซีนเข็มแรกหลังฉีด 2 สัปดาห์ สามารถลดอัตราการป่วยลงได้อย่างชัดเจน เมื่อทำการศึกษาต่อกับผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่เข้ารับการกักตัวใน Local Quarantine หรือ พื้นที่กักกันโรคแห่งรัฐ ระดับจังหวัด พบว่าคนไม่ฉีดวัคซีน มีโอกาสติดเชื้อถึง 8.43% คนฉีดวัคซีนเข็มแรกมีโอกาสติดเชื้อ 6.66% และคนฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม มีโอกาสติดเชื้อเพียง 2.8%
หากเปรียบเทียบกับจำนวนผู้ติดเชื้อในภาคใต้หลายจังหวัด แม้จังหวัดภูเก็ตจะมีความเสี่ยงมากกว่า เพราะส่วนใหญ่เป็นชุมชนแออัด แต่หลายจังหวัดในภาคใต้ก็มีจำนวนผู้ติดเชื้อที่ใกล้แซงจังหวัดภูเก็ตไปแล้วในการระบาดรอบ 3
สื่อสาร 3 ด้านปลุกความมั่นใจ คนภูเก็ตพร้อมฉีดวัคซีน
จังหวัดภูเก็ตเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวที่เคยสร้างรายได้ก่อนโรคโควิด-19 ระบาด ต่อปีไม่ต่ำกว่า 4 แสนล้านบาท
หลังต้องเจ็บตัวมานานจากโรคระบาด จังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดแรกที่พูดถึงข้อเสนอปูพรมฉีดวัคซีนทั้งเกาะ เพื่อสร้างความภูมิคุ้มกันหมู่ นำร่องเปิดรับนักท่องเที่ยวลดความเสียหายทางเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศ
นายกสมาคมภาคธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ไม่แปลกใจที่คนภูเก็ตต้องการฉีดวัคซีน เนื่องจากมีเป้าหมายเดียวกัน แต่การจะสื่อสารเพื่อสร้างความเชื่อมั่นนั้นต้องทำในหลายทางจึงจะประสบความสำเร็จในทุกมิติ
- การสื่อสารระดับโลก ภูเก็ตได้มีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ไปแล้ว ว่าจะเปิดรับนักท่องเที่ยววันที่ 1 ก.ค. 2564 เพื่อชิงส่วนแบ่งการตลาดจากประเทศเซเชลส์ (หมู่เกาะในแอฟริกาตะวันออก) ประเทศมัลดีฟส์ (หมู่เกาะในเอเชียใต้) ซึ่งเปิดรับนักท่องเที่ยวเช่นเดียวกัน
- อธิบายกับคนในประเทศ ว่าภูเก็ตกำลังจะเปิดรับนักท่องเที่ยว หลังจากฉีดวัคซีน ครบ 70% ของประชากร ซึ่งยอมเป็นสนามทดลองการฉีดวัคซีน ให้ได้ผลการศึกษาเพื่อกำหนดทิศทางของนโยบายต่อไป
- สื่อสารกับคนในพื้นที่ โดยใช้คำขวัญรณรงค์ว่า “ฉันฉีดแล้ว” (สำเนียงใต้) พร้อมกับอธิบายเพิ่มเติมว่า ภูมิคุ้มกันที่มีอยู่ในแต่ละคน เท่ากับภูมิคุ้มกันประเทศ เรารอดประเทศก็รอด แม้ยอมรับว่าคนมีความกังวลและความกลัว แต่ก็พยายามอธิบายว่าฉีดแล้วจะมีผลข้างเคียงอย่างไร แต่หลังฉีดจะปลอดภัยหากจะนำรูปแบบของการสื่อสารของภูเก็ตไปปรับใช้ แต่ละจังหวัดควรจะต้องมีการสื่อสารในรูปแบบของตัวเอง
ภูเก็ตกระจายวัคซีนอย่างไร ให้เร็วและครอบคลุมมากที่สุด
เพราะมีเป้าหมายที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยว 1 ก.ค. นี้ จังหวัดภูเก็ตจึงต้องเร่งฉีดวัคซีนให้ครบ 70% ของประชากร โดยกำหนดเป้าหมายไว้ที่ 4.6 แสนคน ต้องไปรับวัคซีน ภายในกลาง มิ.ย. เว้น 2 สัปดาห์ สร้างภูมิคุ้มกันหลังฉีด ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต บอกว่า 1 เม.ย. ที่ผ่านมา คือวันแรกที่รับวัคซีนล็อตแรก 1 แสนโดส และทยอยรับมาต่อเนื่อง แต่ปัจจุบันยังเหลือวัคซีนที่จะต้องได้รับอีก 2.4 แสนโดส จากแอสตราเซเนกา ซึ่งเป็นวัคซีนล็อตใหญ่ ที่คาดว่าจะได้รับในช่วงต้น มิ.ย. จะเป็นความท้าทายอย่างมาก เพราะเฉลี่ยแล้วจะต้องฉีดวันละ ไม่ต่ำกว่า 16,000 โดส ภายในเวลา 15 วัน
ที่ผ่านมาจังหวัดภูเก็ตมีประสบการณ์การกระจายวัคซีนล็อตแรกได้สูงสุดวันละ 15,000 โดสจึงไม่ยากที่จะทำตามแผน เพียงแต่ขอให้วัคซีนมาตามกำหนด โดยล่าสุดคนภูเก็ตลงทะเบียนฉีดวัคซีนผ่านเว็บไซต์ ภูเก็ตต้องชนะ 1.3 แสนคน และลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันหมอพร้อม เกือบ 4,000 คน
ส่วนศักยภาพในการกระจายวัคซีนของจังหวัดภูเก็ต มีโรงพยาบาลรัฐและเอกชน 10 แห่ง กระจายตัวบุคลากรทางการแพทย์ ออกไปหลายทีมตามจุดกระจายวัคซีนนอกโรงพยาบาล ที่ภาคเอกชนให้ความร่วมมือ ร่วมจัดการระบบให้ ทั้ง สนามบิน สนามกีฬา และโรงแรมเอกชน
ส่วนการจัดระบบการลงทะเบียนช่วยได้มากในการจัดลำดับคิวของผู้ที่เข้ารับการฉีด ซึ่งจังหวัดภูเก็ตเคร่งครัดกับเรื่องการนัดหมายให้ผู้ที่จะเข้ารับการฉีดวัคซีนมาตรงตามเวลานัดและสถานที่ เพราะเว็บไซต์มีการคำนวณจัดสรรไว้ลงตัวแล้ว
เอกชนมีส่วนช่วยอย่างมากให้การกระจายวัคซีนภูเก็ต เป็นไปตามเป้าหมาย
การกระจายวัคซีนจะประสบความสำเร็จไม่ได้เลย ถ้าขาดภาคเอกชนรวมตัวกัน เพราะมีศักยภาพ ที่จะส่งเสริมภาครัฐ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภูเก็ต บอกว่าก่อนหน้านี้ ภาคเอกชนก็ช่วยจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม ที่เปิดใช้งานตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค. 2564 โดยใช้เวลาเพียง 48 ชั่วโมง หรือที่เรียกว่า 48 ชั่วโมงมหัศจรรย์ ในการขนเตียง ฟูก พัดลม มาติดตั้ง และเปลี่ยนหอประชุมศาลากลางให้เป็นโรงพยาบาลสนาม นอกจากนี้ ยังมีการตั้งศูนย์รับบริจาค เพื่อช่วยสนับสนุนให้เกิดความต่อเนื่อง
จากบทเรียนของจังหวัดภูเก็ต สู่ข้อเสนอถึงกรุงเทพมหานครที่กำลังจะมีการกระจายวัคซีนล็อตใหญ่ คือต้องมีเป้าหมายการฉีดวัคซีนให้ชัดและสื่อสารให้เข้าใจตรงกัน สำหรับคนจังหวัดภูเก็ตที่เจ็บมานาน ถ้าล้มอยู่นานก็อยากที่จะให้ฟื้นกลับมาโดยเร็ว ถ้าวัคซีนเป็นทางออก ก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือ
“มีวิธีคิดที่สำคัญที่สุด คือ เอาปัญหาไว้ข้าง ๆ แล้วเอาวัคซีนเป็นตัวตั้ง ทุกอย่างก็ประสบความสำเร็จ เชื่อว่าคนกรุงเทพฯ เก่งกว่าคนภูเก็ต ศักยภาพ เครื่องไม้เครื่องมือต่าง ๆ มีความพร้อมมากกว่า จะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน”