ชี้ ผิดหลักการรักษา ยิ่งทำให้เกิดภาวะขาดแคลนยา ด้าน ผู้ว่าฯ กทม. เตรียมหารือแพทย์-ผู้เชี่ยวชาญถึงแนวทางที่เหมาะสม หลังถูกวิจารณ์หนัก
นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล นายกสมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทย โพสต์เฟซบุ๊ก กรณี พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวในระหว่างการตรวจความพร้อมโรงพยาบาลสนามศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติ (บางมด) เขตทุ่งครุ เมื่อวานนี้ (3 พ.ค.2564) ว่า จะให้ยาฟาวิพิราเวียร์แก่ผู้ป่วยติดเชื้อโควิดเขียวรายใหม่ ที่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสนามทันทีตั้งแต่วันแรก เพื่อป้องกันการลุกลามของโรคจากผู้ป่วยโควิดกลุ่มอาการเขียวติดเชื้อลุกลาม หรือมีอาการรุนแรงขึ้น จนกลายเป็นกลุ่มอาการเหลือง หรือแดง
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2021/05/2-1.jpg)
นพ.นิธิพัฒน์ กล่าวว่า ยาฟาวิพิราเวียร์ได้รับการจดทะเบียนยาและอนุมัติให้ใช้ในผู้ป่วยโควิด-19 เป็นกรณีพิเศษ เพื่อใช้รักษาผู้ป่วยในการระบาดระลอกแรกเมื่อต้นปี 2563 และเนื่องจากยามีจำนวนจำกัดจึงให้ใช้เฉพาะในรายปอดอักเสบรุนแรง ซึ่งจากการเก็บข้อมูลย้อนหลังโดยคณะทำงานพบว่า ยานี้น่าจะช่วยลดความรุนแรงและการสูญเสียจากโรคและใช้ได้ปลอดภัย
ต่อมาคณะกรรมการจัดเตรียมยาของประเทศก็ได้จัดเตรียมไว้ให้เพียงพอในการระบาดระลอกสอง ซึ่งไม่เกิดปัญหาเพราะมีอัตราการใช้ราว 20% ของผู้ป่วยทั้งหมด โดยที่คณะกรรมการวิชาการได้ขยายข้อบ่งใช้ให้ครอบคลุมตั้งแต่ปอดอักเสบขั้นต้นและผู้ป่วยที่อาจเกิดปอดอักเสบรุนแรง โดยขณะนั้นสมาคมอุรเวชช์ฯ ได้ทำเรื่องเสนอคณะกรรมการบัญชียาหลักแห่งชาติ เพื่อบรรจุยานี้ไว้สำหรับให้ทุกโรงพยาบาลจัดซื้อได้เองเพื่อให้มีใช้งานเพียงพอ
แต่ในระหว่างดำเนินการ ก็เกิดการระบาดระลอกสามย่างรวดเร็ว จำนวนผู้ป่วยเพิ่มแบบทวีคูณควบคู่ไปกับยอดการใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ โดยมีอัตราการใช้ระหว่าง 20-70% แล้วแต่ความสะดวกการเข้าถึงยาในพื้นที่ เป็นที่มาของความฉิวเฉียดของการมียาสำรองใช้เกือบไม่เพียงพอ ซึ่งต้องขอบคุณยาต้นแบบจากญี่ปุ่นที่เข้ามาช่วยไว้ทันจำนวน 2.2 ล้านเม็ด (สามารถรักษาผู้ป่วยได้ราวสามถึงสี่หมื่นคน)
“ขณะนี้มีแนวคิดขยายการใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ให้เข้าใกล้ 100% โดยส่วนตัวผมไม่เห็นด้วยโดยมีเหตุผลว่า การให้ยาแบบไม่แยกแยะ มีข้อเสีย”
นพ.นิธิพัฒน์ กล่าวว่า ข้อเสียแรกคือ ยาอาจขาดมือจากที่สำรองไว้ ทำให้ผู้ป่วยรายที่จำเป็นอาจไม่ได้ยาชั่วคราวหรือได้ไม่เต็มจำนวน นอกจากนี้ การใช้ยาตั้งแต่แรกอาจทำให้แพทย์นิ่งนอนใจในประสิทธิภาพของยา จนอาจทำให้ละเลยการเฝ้าระวังการเกิดปอดอักเสบ ซึ่งยานี้ยังไม่มีหลักฐานว่าป้องกันการเกิดปอดอักเสบหรือทำให้ปอดอักเสบเล็กน้อยไม่ลุกลาม และข้อสุดท้าย การใช้ยาฆ่าเชื้อที่ไม่สมเหตุสมผล (non-rational drug use) จะนำมาซึ่งการเกิดเชื้อดื้อยาภายหลัง
ขณะที่ นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ประธานชมรมแพทย์ชนบท ก็โพสต์ข้อความแสดงความเห็นเช่นเดียวกันว่า การแจกยาฟาวิพิราเวียร์ให้คนป่วยทุกคน จะสร้างความปั่นป่วนไม่น้อยแก่คนไทยทั้งประเทศเพราะเป็นความเข้าใจผิดที่สำคัญที่สุด
“ยาฟาวิพิราเวียร์ มีไว้ใช้สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการปานกลางหรืออาการหนักเท่านั้นผู้ป่วยที่ไม่มีอาการหรือมีอาการเพียงเล็กน้อยไม่มีความจำเป็นต้องใช้ยานี้แต่อย่างใด ซึ่งถูกต้องตามหลักการใช้ที่สมเหตุสมผล”
ประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันยามีอยู่เพียง 2 ล้านเม็ด สามรถใช้ได้ไม่เกิน 4 หมื่นคน และรัฐบาลก็ไม่ส่งสัญญาณใดๆ ให้องค์การเภสัชกรรมที่สามารถผลิตยานี้ได้ให้เดินหน้าผลิตยาได้ ซึ่งการแจกยาเช่นนี้จะยิ่งทำให้เกิดภาวะขาดแคลนยา อาจเกิดภาวะการดื้อยา หรือเกิดปัญหาอื่นๆ ตามมา
อัศวิน” ไม่หวั่นยาโควิดแพง จัดหาเพื่อคนกรุงได้
ด้าน พล.ต.อ. อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวย้ำระหว่างลงพื้นที่ติดตามการตรวจหาเชื้อเชิงรุก ในชุมชนพัฒนาบ่อนไก่ เขตปทุมวัน วันนี้ (4 พ.ค.) ว่า แม้ว่ายาฟาวิพิราเวียร์ จะแพงขนาดไหน คนอื่นอาจจะจัดหาซื้อไม่ได้ แต่กรุงเทพมหานคร สามารถจัดหาซื้อได้เพื่อมาดูแลคนกรุงเทพมหานคร
“ใครหาซื้อไม่ได้ แต่ผมหาให้ได้ ไม่ว่ายาจะแพงขนาดไหนเพื่อคน กทม.”
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2021/05/4-2-1024x768.jpg)
โดยขณะนี้ กรุงเทพมหานครได้จัดซื้อยาฟาวิพิราเวียร์มาแล้ว 50,000 เม็ด และได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี อีก 50,000 เม็ด รวมมีทั้งหมด 100,000 เม็ด
โดย กทม. จะเริ่มแจกผู้ป่วยที่เข้ามายัง รพ.สนาม คนละ 50 เม็ด ใช้เวลารับประทานประมาณ 5 วัน และเชื่อว่าจะหายจากโรคไม่ลุกลาม และระยะต่อไป กทม.จะซื้อยาฟาวิพิราเวียร์ผ่านทางมูลนิธิจุฬาภรณ์ อีก 500,000 เม็ด ซึ่งโดยปกติยาฟาวิพิราเวียร์ทางการแพทย์จะเริ่มให้ผู้ป่วยเริ่มกินเมื่อการติดเชื้อแสดงอาการ (โควิดเหลือง) แต่ กทม.เห็นว่าควรให้กินตั้งแต่เริ่มติดเชื้อเพื่อรักษาและป้องกันการลุกลามของโรค
แนวคิดดังกล่าวของกรุงเทพมหานคร ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะเป็นห่วงเรื่องผลข้างเคียงจะทำให้เชื้อดื้อยา
ล่าสุดวันนี้ (4 พ.ค.2564) พล.ต.อ.อัศวิน ระบุว่า ในวันที่ 5 พ.ค.นี้ เวลา 10.30 น. กรุงเทพมหานครมีกำหนดประชุมแนวทางการให้ยาฟาวิพิราเวียร์แก่ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ณ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร โดยได้เชิญผู้เชี่ยวชาญจากหลายภาคส่วน และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากหลายสถาบัน เช่น แพทยสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ผู้แทนราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ สมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทย อธิบดีกรมการแพทย์ พร้อมด้วยคณะแพทยศาสตร์จากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ มาร่วมหารือเพื่อหาข้อสรุปแนวทางที่เหมาะสมที่สุด