สธ.จัดหา Hospitel แล้วเกือบ 5,000 เตียง ใน กทม.-ปริมณฑล​

ค่าใช้จ่ายดูแลรักษา​ ใช้ประกันสุขภาพส่วนบุคคล และกองทุนสุขภาพตามสิทธิ​ หากอาการเปลี่ยนแปลงส่งรักษาในโรงพยาบาลหลัก พร้อมออกประกาศให้ รพ.เอกชน และคลินิกดูแลผู้ป่วยโควิด- 19 ประสานส่งต่อหาเตียง หากไม่ดำเนินการมีความผิดตามกฎหมาย

นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ | อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.)

เมื่อวันมี่ 15​ เม.ย.​ 2564​ ที่ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) แถลงถึงมาตรการ Hospitel รองรับผู้ป่วยโควิด- 19 ว่า ขณะนี้ ได้นำโรงแรมมาเป็นสถานพยาบาลชั่วคราว (Hospitel) ดูแลผู้ติดเชื้อโควิด- 19 ที่ไม่มีอาการ หรือรักษาในโรงพยาบาลหลัก 3-5 วันแล้วอาการดี โดยมีการตรวจและบันทึกอาการผู้ป่วยทุกวันผ่านเทเลเมดิซีนหรือไลน์กลุ่ม หากอาการเปลี่ยนแปลงจะย้ายกลับโรงพยาบาลหลักทันที มั่นใจได้ว่าผู้ป่วยจะได้รับการรักษาพยาบาลตามมาตรฐาน ขณะนี้ มี Hospitel ที่ขึ้นทะเบียนแล้ว 23 แห่ง จำนวน 4,900 เตียง ดูแลผู้ติดเชื้อแล้วเกือบ 2 พันเตียง เตรียมเพิ่มให้ได้ 5-7 พันเตียง ซึ่งจะช่วยลดแออัดในโรงพยาบาล รวมทั้งขณะนี้ กรุงเทพมหานครและปริมณฑลได้เตรียมเตียงจากโรงพยาบาลทุกสังกัด ทั้งกระทรวงสาธารณสุข กองทัพ ตำรวจ มหาวิทยาลัย และโรงพยาบาลเอกชน รวม 6,525 เตียง ใช้แล้ว 3,700 กว่าเตียง ส่วนหนึ่งสำรองไว้สำหรับผู้ที่มีอาการมาก ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ

นายแพทย์ธเรศกล่าวต่อว่า ในการขึ้นทะเบียน Hospitel กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ จะตรวจประเมินมาตรฐาน ทั้งด้านโครงสร้าง สิ่งแวดล้อม การกำจัดขยะ น้ำเสีย ไม่ให้มีผลกระทบต่อชุมชน มีการจัดบริการทางการแพทย์ตามมาตรฐาน โดยมีแพทย์ประจำ 1 คน พยาบาล 1 คนต่อ 20 เตียง เครื่องวัดอุณหภูมิแบบดิจิทัล เครื่องวัดความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือด และเครื่องเอกซเรย์เคลื่อนที่  ทั้งนี้ ได้เปิดช่องทางให้ผู้ประกอบการสมัครร่วม Hospitel ทางออนไลน์ได้ โดย สบส.จะอนุมัติทางออนไลน์ด้วย เพื่อความสะดวกและรวดเร็ว ส่วนค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาจะใช้ประกันสุขภาพส่วนบุคคล และกองทุนสุขภาพตามสิทธิต่างๆ

ทั้งนี้ การดูแลผู้ป่วยโควิด- 19 ยืนยันว่าทุกรายต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล โรงพยาบาลสนาม หรือ Hospitel เพราะมีประสิทธิภาพในการรักษาและการควบคุมโรค แม้ขณะนี้ทั่วประเทศจะมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เกิน 1 พันรายต่อวัน แต่คิดว่ายังเพียงพอ จึงยังคงแนวทางนี้ โดยกรรมการวิชาการจะประเมินสถานการณ์เป็นระยะ

นายแพทย์ธเรศกล่าวว่า ขณะนี้ได้รับการแจ้งว่า มีคลินิกหลายแห่งที่ตรวจผู้ป่วยโควิด- 19 มีผลเป็นบวก แล้วไม่ดูแลผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยต้องเดินทางไปหาเตียงเอง ทำให้ยากต่อการควบคุมโรค สบส.จึงออกประกาศกำหนดให้สถานพยาบาลทุกแห่ง ทั้ง รพ.เอกชนและคลินิก โดยเฉพาะคลินิกตรวจทางห้องปฏิบัติการ ให้ดำเนินการดังนี้ 1.จะต้องมีระบบให้คำปรึกษาก่อนตรวจ 2.คลินิกต้องได้รับการรับรองจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และ3.เมื่อตรวจผลเป็นบวก จะต้องแจ้งหน่วยงานเกี่ยวข้องในการควบคุมโรคและกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จัดหาเตียงผู้ป่วย โดยประสานและส่งต่อ หากไม่ดำเนินการจะมีโทษ ทั้งนี้เพื่อคุ้มครองประชาชน

“โรคโควิด 19 เป็นโรคฉุกเฉินตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ. 2541 และพ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ดังนั้น สถานพยาบาลทุกแห่งรวมถึงภาคเอกชนต้องให้การดูแลรักษาให้ผู้ป่วยปลอดภัยและสถานพยาบาลทุกแห่งต้องดูแลผู้ป่วยตามแนวทางที่กำหนด รวมถึงต้องแจ้งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อภายใน 3 ชั่วโมง หากไม่ดำเนินการมีความผิดตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล มีโทษทั้งจำและปรับ ขณะนี้กำลังมีการตรวจสอบโรงพยาบาลเอกชน 2-3 แห่งที่ไม่ปฏิบัติตาม และคลินิกแล็บที่ทำการตรวจแล้วปล่อยให้ผู้ติดเชื้อเดินทางไปพื้นที่ต่างๆ หากพบว่าไม่ดำเนินการตามกฎหมายจะมีการเอาผิดด้วย”

Author

Alternative Text
AUTHOR

วชิร​วิทย์​ เลิศบำรุงชัย

ผู้สื่อข่าวสาธารณสุข ThaiPBS