จับสัญญาณเสียง ส.ว. ยังเน้นปกป้องนายกรัฐมนตรี

ยัน นายกฯ ไม่ใช่ปัญหา โจมตีม็อบเยาวชนมีเบื้องหลัง ด้าน ส.ว. สายปฏิรูป เห็นด้วยตั้ง ส.ส.ร. เปิดทางร่างรัฐธรรมนูญใหม่

“สมชาย แสวงการ” ยัน นายกฯ ไม่ใช่ปัญหา เสนอ 9 ข้อทางออก

สมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภาในฐานะสมาชิกรัฐสภา กล่าวอภิปรายในการประชุมสภาสมัยวิสามัญ หาทางออกวิกฤตประเทศวันแรก (26 ต.ค.) ว่า จากการไปสังเกตการณ์การชุมนุมพบว่ามีมวลชนพรรคการเมืองไปร่วมด้วยพอสมควร ไม่ใช่มีแค่นักเรียน นักศึกษา พร้อมยืนยันว่าสาเหตุปัญหาไม่ใช่แค่ตัวนายกรัฐมนตรี รัฐธรรมนูญ หรือสถาบันพระมหากษัตริย์

“เชื่อว่ารัฐธรรมนูญ นายกรัฐมนตรี และสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่ใช่สาเหตุของปัญหา แต่ปัญหา คือ นักการเมืองที่ส่งต่อความขัดแย้งสู่มวลชน”

นายสมชาย ระบุด้วยว่า การชุมนุมมีการใช้คำปราศรัยรุนแรง จาบจ้วง และชักนำให้โจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์ ส่วนกรณีที่ผู้ชุมนุมเรียกร้องให้นายกฯ ลาออกนั้น เห็นว่า ไม่เกิดประโยชน์ เพราะรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ ยังคงเดิม และการลาออกเพียงอย่างเดียวไม่แก้ปัญหา เช่นเดียวกับการยุบสภา และมองว่าการตั้งกรรมาธิการพิจารณาญัตติแก้รัฐธรรมนูญเป็นเส้นทางที่ถูกต้อง พร้อมทั้งตั้งคำถามถึงผู้ชุมนุมว่าเหตุใด จึงไม่เสนอปฏิรูปนักการเมือง กลับเสนอแต่การปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์

เขายังเสนอ 9 ข้อทางออก ได้แก่ 1. ให้รัฐบาลใช้หลักนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ ใช้ไม้นวมไม้แข็งดูแลความขัดแย้งอย่างเหมาะสม 2. รัฐบาลต้องชี้แจงองค์กรระหว่างประเทศเรื่องการแก้ปัญหาให้ดีกว่านี้ 3. ตั้งทีมจัดการข่าวปลอมเชิงรุกอย่างรวดเร็ว 4. ส.ส. และ ส.ว. ต้องร่วมมืออย่างสร้างสรรค์ปฏิรูปการเมืองเศรษฐกิจ 5.ให้รัฐบาลเปิดเวทีกลาง เช่น มหาวิทยาลัย สนามกีฬาแห่งชาติ ให้ผู้ชุมนุมได้เสนอความเห็นตามเสรีภาพ แทนการชุมนุมบนถนน 6. การเปิดเวทีเจรจา แม้จะยากแต่ต้องทำ 7. การปฏิรูปสถาบันฯ เป็นข้อเสนอสุดโต่ง 8. นายกฯ ไม่ควรลาออก เพราะไม่ช่วยแก้ปัญหา 9. หากดำเนินการข้อ 1-8 แล้ว ไม่สามารถเป็นทางออกได้ ให้ใช้วิธีออกเสียงประชามติแก้ปัญหา

“เสรี สุวรรณภานนท์” ชี้ ม็อบเยาวชนมีเบื้องหลัง

เสรี สุวรรณภานนท์ อภิปรายว่า ในประเด็นข้อกังวลการระบาดของโควิด-19 จากการแออัดในพื้นที่ชุมนุมนั้น เห็นว่ารัฐบาลควรให้ข้อมูลกับผู้ชุมนุมถึงความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งหากเกิดการระบาดอีกครั้งจะไม่กระทบแค่ผู้ชุมนุม แต่ยังรวมถึงครอบครัวด้วย ในประเด็นขบวนเสด็จของพระราชินี เห็นว่าผู้กระทำก็ต้องถูกดำเนินคดี และรัฐบาลก็ต้องมีมาตรการป้องกันไม่ให้เรื่องลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก

ส่วนประเด็นการชุมนุมยืดเยื้อ เห็นว่าเป็นปัญหาการเมืองที่ประเทศไทยมักจะมีการแบ่งข้างเป็นฝักฝ่ายอยู่เสมอ ไม่ว่าฝ่ายไหนขึ้นมาบริหาร ก็จะมีอีกฝ่ายลุกขึ้นต่อต้าน และยังมีการชวนนักเรียน นักศึกษา เข้ามาร่วมเรียกร้องด้วย

“บอกว่านักเรียนออกมาด้วยความสุจริต ด้วยจิตวิญญาณที่ต้องการเปลี่ยนแปลง แต่ความเป็นจริงคือมีคนอยู่เบื้องหลัง ถ้าไม่มีคงไม่สามารถเลยเถิดมาได้ขนาดนี้”

นายเสรี กล่าวด้วยว่า แม้รัฐบาลจะพยายามแก้ไขปัญหาก็ยังไม่สามารถอธิบายได้ เพราะเด็กถูกปลูกฝังความคิดไปแล้ว ดังนั้น การแก้ปัญหาจึงไม่อยู่แค่ในสภา แต่ต้องขอความร่วมมือผู้ปกครองและครู ต้องช่วยกันชี้แนะให้เด็กเข้าใจ และรัฐบาลต้องอดทนและไม่ใช้ความรุนแรง พร้อมทั้งควรมีการประชาสัมพันธ์ผลงานรัฐบาลให้มากกว่านี้ เพื่อยืนยันว่าที่ผ่านมารัฐบาลได้ทำงานเพื่อประชาชนมาโดยตลอด

“หมออำพล” เสนอตั้ง ส.ส.ร. ยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่

นายแพทย์อำพล จินดาวัฒนะ อภิปรายว่า ทางออกจากวิกฤตครั้งนี้ ต้องแก้รัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 แม้จะมีข้อดี แต่ก็มีจุดที่ต้องแก้ไข เสนอให้ตั้ง ส.ส.ร. ขึ้นมายกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งขณะนี้ ส.ว. ส่วนหนึ่งก็เริ่มมีการพูดคุยกันแล้วควรโหวตรับหลักการแก้รัฐธรรมนูญวาระที่ 1 เพื่อไม่ให้ความขัดแย้งลุกลามบานปลาย

“ผมและเพื่อนสมาชิกส่วนหนึ่งได้คุยกัน และได้คุยกับภาคีเครือข่ายทั่วประเทศที่เป็นกัลยาณมิตรกันอยู่ เราเห็นว่าเราควรจะโหวตวาระหนึ่งรับหลักการตั้ง ส.ส.ร. ปรับรัฐธรรมนูญให้สอดคล้องกับความเป็นจริงที่เปลี่ยนแปลง”

นอกจากนี้ ยังเสนอว่า ควรตั้งคณะกรรมการที่ทำงานคู่ขนานไปกับ ส.ส.ร. เพื่อรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วน และนำข้อเสนอดี ๆ ไปอยู่ในเนื้อหาการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้วย เพราะการใช้กลไก ส.ส.ร. อย่างเดียว อาจแข็งเกินไป

Author

Alternative Text
AUTHOR

เพ็ญพรรณ อินทปันตี

อดีตนักกิจกรรม รักการอ่าน งานเขียน ว่ายน้ำ และเล่นกับแมว