ผุด “ครุยผ้ายกเมือง​นคร” กระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น​

สภามหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช​ ไฟเขียว​ แก้แบบครุยรับพระราชทานปริญญาบัตร ใช้ผ้ายกเมือง​นคร​ กระตุ้น​เศรษฐกิจ​ชุมชน​ สร้างเงินหมุนเวียนกว่า​ 10 ล้านบาท

ผศ.สุรศักดิ์ แก้วอ่อน​ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา​ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่าปีการศึกษา 2564 บัณฑิตที่จะเข้าพิธีรับพระราชทานปริญญาบัตร จะมีการเปลี่ยนรูปแบบชุดครุยจากเดิมเป็นแถบกำมะหยี่​ เปลี่ยนเป็นแถบที่ใช้ผ้ายกเมือง​นคร​ของกลุ่มทอผ้าบ้านตรอกแค​​ ซึ่งผ่านการพิจารณาเห็นชอบจากสภามหาวิทยาลัยประเทศเรียบร้อยแล้ว​ อยู่ระหว่างเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อเห็นชอบ​

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น หลังซบเซาจากวิกฤตโควิด-19 ที่ไม่มีนักท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรี​ธรรมราช​ มีนักศึกษาและบุคลากรกว่า 10,000​ คน​ ดังนั้น การออกนโยบายส่งเสริมการใช้ผ้า รวมไปถึงวัสดุที่ทำจากท้องถิ่น​ คาดว่าจะสามารถ​ ทำให้เกิดเงินหมุนเวียนในชุมชน กว่า 10 ล้านบาททันที

นโยบายการส่งเสริมใช้ผ้าและวัสดุจากท้องถิ่น มีขึ้นภายหลังจากที่ มหาวิทยาลัยฯ ได้เข้าร่วมโครงการวิจัย​มหาวิทยาลัยกับการพัฒนากลไกเพื่อดูดซับเศรษฐกิจภายในพื้นที่​ โดย สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) เมื่อ 7 เดือนที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงเดียวกันกับที่เริ่มมีการระบาดของโควิด-19

นอกจากผ้ายกแล้ว ผ้าท้องถิ่นอื่น ๆ​ ไม่ว่าจะเป็นผ้าบาติก​ ผ้ามัดย้อม มหาวิทยาลัยฯ ได้ส่งเสริมให้บุคลากรได้สวมใส่​ เพื่ออุดหนุนผู้ประกอบการรายย่อยที่ผลิตผ้าในพื้นที่ และมีแผนที่จะขยายกิจการต่อ ด้วยการสร้างแบรนด์​ “ภูมิพัฒน์” เพื่อทำการตลาดออนไลน์ช่วยชุมชน​

ผศ.​สุรศักดิ์​ บอกอีกว่า​ จากการตรวจเยี่ยมมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราชเมื่อวันที่ 26 ก.ย.​ 2563​ ของ เอนก​ เหล่าธรรมทัศน์​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้เห็นโมเดลดังกล่าวก็เตรียมที่จะส่งเสริมให้มหาวิทยาลัยราชภัฏ​อื่น ๆ ทั่วประเทศได้มีแนวทางเช่นเดียวกัน​ ในการสนับสนุนท้องถิ่นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

ด้าน วิไล​ จิตรเวช​ ประธาน​กลุ่มทอผ้าบ้านตรอกแค​ กล่าวว่า​ ภายหลังจากที่มหาวิทยาลัยราชภัฏ​นครศรี​ธรรมราช​ มีนโยบายส่งเสริมการใช้ผ้าท้องถิ่น ก็ทำให้มียอดขายเพิ่มสูงขึ้นจาก 70,000 บาทต่อเดือน เป็น 200,000 – 300,000​ บาทต่อเดือนทันที โดยผ้ายกเมืองนครถือเป็นเอกลักษณ์และเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สืบทอด ตั้งแต่สมัยอาณาจักรตามพรลิงค์ และได้รับการฟื้นฟู ตามโครงการในพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ให้ชาวบ้านที่เป็นผู้หญิงได้มีอาชีพเสริม หลังจากกรีดยาง หรือปลูกผัก

สำหรับผ้ายกเมืองนครลายดอกพิกุลซึ่งเป็นลายพื้นฐาน จะมีราคาอยู่ที่หลาละ 300 บาท ส่วนผ้าลายโบราณ จะมีราคา 1,200 บาท​ รายได้ของสมาชิกขึ้นอยู่กับจำนวนผ้าที่ทอได้​ แต่ละรายได้มีรายได้เฉลี่ยเดือนละ 10,000 บาท ยิ่งมียอดสั่งซื้อมาก​ รายได้ของชาวบ้านก็จะเพิ่มมากขึ้นตาม​ ทำให้มีเงินจับจ่ายใช้สอย ในช่วงที่เศรษฐกิจ ได้รับผลกระทบ จาก​โควิด-19​ ที่มีลูกหลานถูกเลิกจ้างงานจากภาคอุตสาหกรรม​

Author

Alternative Text
AUTHOR

วชิร​วิทย์​ เลิศบำรุงชัย

ผู้สื่อข่าวสาธารณสุข ThaiPBS