The Active พูดคุยกับนักสันติวิธี พัทธ์ธีรา นาคอุไรรัตน์ นักวิชาการด้านสันติวิธี สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา ม.มหิดล มองว่า การสลายการชุมนุมที่เกิดขึ้น ด้วยวิธีที่รุนแรงในระยะเวลาอันสั้น ผิดทั้งหลักการสากลและหลักมนุษยธรรมโดยสิ้นเชิง กรณีนี้ไม่เพียงจะทำให้ความรุนแรง ขยายตัวมากขึ้น แต่ยังฝังประวัติศาสตร์ความรุนแรงให้มากขึ้นด้วย
“สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนภาวะผู้นำของรัฐขาดความชอบธรรม รัฐกำลังทำร้ายประชาชน ทำให้ขาดความไว้วางใจต่อรัฐ จึงอยากฝากถึงผู้ที่มีความรู้สึกสะใจกับการใช้ความรุนแรงทุกชนิด คงต้องกลับมาตั้งคำถามว่า เราได้ซึมซับความเป็นเมืองพุทธแค่ไหน เพราะหากรัฐใช้วิธีรุนแรงต่อไปการใช้วิธีแบบนี้ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้กับทุกคน เราจึงไม่ควรสะใจกับเรื่องแบบนี้”
อาจารย์พัทธ์ธีรา ยังเรียกร้องให้รัฐต้องหยุดกระทำความรุนแรงทุกชนิด และต้องเปิดเวที เปิดพื้นที่รับฟัง ความรุนแรงแบบนี้ไม่ได้สร้างสรรค์ให้เกิดอนาคตที่ดีกว่า พร้อมย้ำว่าต้องให้ความสำคัฐกับสวัสดิภาพของเด็ก เยาวชน นักเรียน นักศึกษา จึงขอให้รัฐหยุดคุกคาม และกระทำความรุนแรงทุกรูปแบบ
ด้าน รศ.โคทม อารียา ประธานมูลนิธิสันติภาพและวัฒนธรรม กล่าวว่า เป็นความจำเป็นของตำรวจที่ต้องใช้มาตรการเพื่อให้ยุติการชุมนุมตามที่ได้ประกาศไว้ เมื่อความขัดแย้งเกิดขึ้นในลักษณะนี้รัฐบาลจะชนะด้วยเครื่องมือของรัฐ ยากที่ผู้ชุมนุมจะเป็นฝ่ายชนะ จึงขอเสนอให้แกนนำถอยเพื่อถนอมแรง ถนอมชีวิตและทรัพย์สิน
“ถ้าเขารุก เราก็ถอย ถอยไปในที่ที่ปลอดภัย สมควรแก่เวลาค่อยนัดหมายกันใหม่ก็ได้ จะนัดชุมนุมแบบไหนก็แล้วแต่ค่อยว่ากันอีกที”
รศ.โคทม กล่าวเสริมว่า ฝ่ายเจ้าหน้าที่เองหากจะถอยบ้างก็อย่าไปคิดว่าเป็นเรื่องเสียหน้าหากเป็นวิธีที่จะจำกัดความรุนแรงเฉพาะหน้าไม่ให้บานปลาย
สำหรับสถานการณ์ล่าสุด เมื่อเวลาประมาณ 20.13 น. การ์ดพยายามสื่อสารกับผู้ชุมนุมว่าจะมีการยุติการชุมนุมในค่ำคืนนี้อย่างเป็นทางการ ให้ทุกคนรีบทยอยกลับบ้านผ่านเส้นทางจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไปยังประตูอังรีดูนังต์ เพื่อเดินทางต่อไปยังสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ด้านเจ้าหน้าที่ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงให้ผู้ชุมนุมทุกคนกลับบ้าน ไม่เช่นนั้นจะถูกจับคุมตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน