เสียงสะท้อนเครือข่ายการศึกษาจากเวที Thailand Social Development Forum
เคยไหม ? ที่เสียงเจื้อยแจ้วในโรงเรียน ชวนรู้สึกว่าอยากให้ความสงบผุดขึ้นบ้าง แต่ ณ เวลานี้ ความเงียบในโรงเรียนกินเวลาทอดนานกว่าครึ่งค่อนปี เด็กบางคนกลับไปเจื้อยแจ้วที่บ้านผ่านห้องเรียนออนไลน์ที่เจิดจ้า สวนทางเด็กบางคนที่ไม่มีโอกาสดำรงอยู่กับการศึกษาอีกต่อไป
“Drop out” หรือ เด็กหลุดออกจากระบบการศึกษา คือ 1 ในความเรื้อรังของปัญหาการศึกษาไทย ที่แม้ไม่มีข้ออ้างโรคระบาด ก็มีตัวเลขเด็ก ๆ ที่ควรอยู่ในระบบการศึกษาขั้นพื้นฐาน ต้องหลุดออกไปมากกว่า 500,000 คน แล้วโควิด-19 ก็เข้าซ้ำเติมเด็กยากจนอีก 43,060 คน ไม่ให้กลับเข้ามาในระบบการศึกษาเทอมนี้อีกเลย
ถึงตรงนี้ ใช่ว่าไม่มีใครรู้หรือหาทางแก้ไข แต่ก็คงต้องทบทวนกันต่อไปว่าปัญหา “เด็ก Drop out” มีข้อผิดพลาดตรงไหน ถึงทำให้พวกเขาไม่ได้เรียน ทั้งที่เป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน
The Active รวมเสียงสะท้อน ‘เครือข่ายการศึกษา’ ซึ่งตั้งใจให้ “เด็ก Drop out” เป็นวาระของสังคมที่ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม จากเวทีระดมความร่วมมือแผนปฏิบัติการเพื่อการพัฒนาทางสังคมของประเทศไทย (Thailand Social Development Forum) “เด็กหลุดจากระบบและผลกระทบจากโควิด” ชวนร่วมคิดและหาคำตอบเพื่อไปให้ถึงการเปลี่ยนแปลง
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2021/10/Act_Series_211019-เวทีการศึกษา-01-1024x1024.jpg)
“รูปแบบการเรียนแบบเดิมได้ถูกทำลายลงแล้วด้วย Learning space ไม่มีขอบเขต ต้องเลิกคิดว่าการศึกษาคือการพาเด็กเข้าโรงเรียน อย่าใช้วิธีขับเคลื่อนการศึกษาแบบอุตสาหกรรม ถ้าเด็กไม่อยากเรียนในโรงเรียนแต่ทำมาหากินได้ คุณต้องสนับสนุนการเรียนรู้ให้พวกเขา”
‘วิริยะ ฤาชัยพาณิชย์’ ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์การศึกษา Eduzones แลกเปลี่ยนว่า โลกแห่งการเรียนรู้ถูก Disruption จนเห็นคำตอบแน่ชัดว่าระบบการศึกษาที่ผูกติดกับโรงเรียน ไม่ใช่ทางออกทั้งหมดของปัญหาเด็กหลุดจากระบบการศึกษา เมื่อวันนี้การเรียนรู้เกิดขึ้นได้ไร้ขอบเขต เขาชวนตั้งคำถามต่อไปว่า “เรายังจำเป็นต้องพาเด็กเข้าระบบหรือไม่”
‘วิริยะ’ เสนอว่า ระบบการศึกษาไทยต้องตั้งขบวนใหม่ เปลี่ยนแนวคิดพาเด็กเข้าโรงเรียนไปสู่การสนับสนุนการเรียนรู้ที่หลากหลายแบบมีหลักประกัน ไม่อย่างนั้นระบบอาจเป็นผู้ผลักเด็กออกไปจากการศึกษาเสียเอง
“หนึ่ง คุณต้องเปลี่ยน Learning space ให้เด็กสามารถเรียนรู้เวลาไหนก็ได้ สองวิธีการจัดการคุณต้องทำด้วยความรักไม่ใช่ทำด้วยความกลัว คุยกันตามข้อเท็จจริงว่าความเหลื่อมล้ำไม่ใช่แค่เรื่องเด็กจน ถามว่าวันนี้มีนโยบายเรียนฟรีแต่ทำไมเด็กยังต้องเสียเงิน เอาความจริงมาคุยกันดีกว่าไหม”
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2021/10/Act_Series_211019-เวทีการศึกษา-02-1024x1024.jpg)
“คนแรกที่ต้องไม่ให้หลุดออกจากระบบการศึกษาคือครู กำลังใจครูสำคัญสุด ถ้าหลุดไปแล้วยากที่จะช่วยให้เด็กไม่ให้หลุด ครูเห็นปัญหาแล้วรีบช่วย นั่นแหละคือการทำให้เด็กไม่หลุดออกจากวงจรการศึกษา มีหลายองค์ประกอบที่จะจัดการเรียนรู้ แกนสำคัญที่สุดคือครูใส่ใจเด็ก”
‘เซอร์มารี-อักแนส สุวรรณา บัวทรัพย์’ ผู้อำนวยการโรงเรียนอัสสัมชัญคอนแวนต์ ลพบุรี เล่าผ่านประสบการณ์ทำงานที่พบเด็กหายไปจากห้องเรียนออนไลน์ ผ่านบันทึกหลังการสอนของครู ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความสงสัยว่าทำไมเด็กถึงไม่เข้าเรียน ทั้งที่โรงเรียนมีนโยบายสนับสนุนอุปกรณ์ อีกทั้งเด็กหนึ่งชื่อยังไม่เข้าเรียนหลายวิชา
“เราไม่ตัดสินว่าเด็กไม่เข้าเรียนเพราะไม่อยากเรียน แต่ครูทุกคนช่วยกันติดตาม ครู 1 คน ติดต่อผู้ปกครองและนักเรียน 12-13 คน ถามทีละคนว่ามีอะไรให้โรงเรียนช่วยบ้าง พบว่าบางบ้านมีเด็ก 3 คนเรียนออนไลน์พร้อมกัน เราเลยช่วยให้เด็กบางคนมาเรียนกับครูที่โรงเรียน ทำให้โรงเรียนกับผู้ปกครองให้เป็นหัวใจแก้ปัญหานี้บนคำว่า No child left behind”
ภาพนี้ยังเกิดขึ้นที่โรงเรียนเซนต์โยเซฟ แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ที่ ‘เซอร์มารี-อักแนส สุวรรณา บัวทรัพย์’ ดูแล เธอเล่าว่าที่นั่นเป็นโรงเรียนบนดอย ครูช่วยกันออกแบบวิธีตามหาเด็ก โดยไปประจำตามหมู่บ้านเดือนละ 3 สัปดาห์ ชวนนักเรียนกลุ่มเล็ก ๆ จัดการเรียนรู้คละชั้นรวมวิชา ประยุกต์การเรียนรู้ผ่านการลงมือสร้างบทเรียนในชุมชน แล้วให้เด็กตอบตัวเองว่าอะไรคือความรู้ใหม่
“ตามคำที่พระเยซูเจ้าได้บอกว่า ปล่อยให้เด็ก ๆ มาหาเราเถอะ เมื่อครูเห็นปัญหาแล้วรีบช่วย นั่นแหละคือการที่ทำให้เด็กของเราไม่หลุดออกจากวงจรการศึกษา”
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2021/10/Act_Series_211019-เวทีการศึกษา-03-1024x1024.jpg)
“ไม่ใช่แค่มีทุนการศึกษาจะช่วยได้ เด็กในครอบครัวยากจนเปราะบาง มักเจอปัญหาซ้อนปัญหา การประคับประคองนอกเหนือจากการให้ทุนสำคัญมาก เราจะทำอย่างไรให้เด็กได้รับการประคับประคองอย่างเป็นระบบจนจบการศึกษา”
‘โมนา ศิวรังสรรค์’ ผู้อำนวยการมูลนิธิยุวพัฒน์ สะท้อนชุดประสบการณ์ทำงานสนับสนุนทุนการศึกษาเด็ก ๆ ในครอบครัวยากจนเปราะบางเกือบ 3 ทศวรรษ พบว่า การให้ทุนการศึกษาอย่างเดียวไม่เพียงพอให้เด็กดำรงอยู่ในระบบการศึกษา เพราะความจนไม่ใช่สาเหตุเดียวที่ทำให้เด็ก Drop out
เธอยกตัวอย่าง สถิติการเรียนจบการศึกษาขั้นพื้นฐานของนักเรียนทุนมูลนิธิยุวพัฒน์ ที่สนับสนุนต่อเนื่องตั้งแต่อยู่ชั้น ม.1 พบว่า ในจำนวนนักเรียน 100 คน สามารถเรียนจบ ม.6 หรือ ปวช. โดยเฉลี่ยที่ 80 คน ขณะที่อีก 20 คน ทยอยหลุดออกไประหว่างทาง
“ถ้าถามว่าทำไมได้ทุนแล้วถึงยังหลุดจากระบบ เหตุผลมีหลายอย่างมาก เช่น ความประพฤติ เรียนไม่รู้เรื่อง ต้องออกไปทำงาน มีครอบครัว หรือมีปัญหาในครอบครัว ถ้าเด็กคนนั้นอยู่ในครอบครัวที่พร้อมดูแลใกล้ชิด การบอกว่าจะไม่เรียนแล้วไม่สามารถทำตามใจได้ง่าย ๆ แต่เด็กในครอบครัวเปราะบาง ถ้าวันหนึ่งตัดสินใจว่าจะไม่เรียนแล้ว มันง่ายมากที่เขาจะเดินออกไป”
‘ผู้อำนวยการมูลนิธิยุวพัฒน์’ อยากเห็นสังคมไทยให้โอกาสเด็กทุกคน ไม่ใช่แค่เด็กยากจนหรือเรียนดี เพราะมีเด็กไม่น้อยเจอปัญหาหลายอย่างเกินกว่ากำลังพวกเขาจะควบคุมได้
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2021/10/Act_Series_211019-เวทีการศึกษา-04-1024x1024.jpg)
“เด็กและเยาวชนจะเริ่มหลุดจากระบบการศึกษาในชั้น ม.ต้น และหายไปอีกครึ่งหนึ่งในชั้น ม.ปลาย จริงอยู่ ม.ปลาย หรือ ปวช. ไม่ใช่การศึกษาภาคบังคับ แต่ปัจจุบันการทำงานด้วยวุฒิ ม.3 มีโอกาสสูงมากที่จะยังอยู่ในกับดักความยากจน”
‘ไกรยส ภัทราวาท’ รองผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ฉายสถานการณ์เด็กหลุดจากระบบการศึกษาภาคเรียนล่าสุด กล่าวว่า นักเรียนชั้นรอยต่อชั้นอนุบาลขึ้น ป.1, ป.6 ขึ้น ม.1 และ ม.3 ขึ้น ม.4 ในครอบครัวที่มีรายได้น้อยกว่า 1,358 บาท/เดือน จำนวน 294,454 คน ไม่พบข้อมูลเรียนต่อ 43,060 คน และมีจำนวนนักเรียนในครอบครัวที่มีรายได้น้อยกว่าเส้นความยากจนเดือนละ 2,700 บาท จำนวน 2.2 ล้านคน ยังเรียนอยู่แต่เสี่ยงหลุดจากระบบการศึกษามากที่สุด
‘รองผู้จัดการ กสศ.’ กล่าวถึง ผลสำรวจองค์การยูนิเซฟ พบข้อมูลเด็กนักเรียนในครอบครัวยากจนที่สุด 20% ล่างของประเทศ กับนักเรียนในครอบครัวฐานะดีที่สุด 20% บน ที่เข้าสู่การศึกษาพร้อมกัน ตอนวัยประถมเกือบทุกคนได้เข้าเรียน แต่พอถึงเวลาเรียนต่อชั้น ม.ต้น นักเรียนในครอบครัวยากจนได้เรียนต่อ 81.5% ส่วนนักเรียนในครอบครัวฐานะดีเรียนต่อ 92.4% และเมื่อถึงวัยมัธยมปลาย นักเรียนในครอบครัวยากจนเหลือเรียนต่อ 52.7% ขณะที่นักเรียนในครอบครัวฐานะดีเรียนต่อ 87%
หลังจากนักเรียนยากจนออกจากระบบการศึกษากว่าครึ่งตอนมัธยม เมื่อถึงรอยต่อระดับอุดมศึกษา เหลือน้อยคนที่ได้เข้าเรียน สถิตินักเรียนยากจนตอนอยู่ ม.3 ที่ต้องสอบเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยผ่านระบบ TCAS ปีการศึกษา 2564 ของ กสศ. พบว่าในจำนวนกว่า 1 แสนคน สมัครเข้าเพียง 3 ใน 10 คน และยืนยันสิทธิ์เพียง 1 ใน 10
“ถ้ายังเป็นแบบนี้คนที่เกิดในครัวเรือนยากจน ก็ยังมีโอกาสสูงที่จะยากจนในรุ่นของเขาและรุ่นลูก หากกลไกการศึกษาขั้นพื้นฐานเชื่อมต่อถึงระดับอุดมศึกษาที่สามารถทำให้เกิดหลักประกันโอกาสได้ จะช่วยตัดวงจรปัญหาเศรษฐกิจ สังคม และการเจริญเติบโตของประเทศ”
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2021/10/Act_Series_211019-เวทีการศึกษา-05-1024x1024.jpg)
“เด็กหลุดจากระบบการศึกษาจะสูญสิ้นความมั่นใจ สูญสิ้นความเป็นมนุษย์ค่อนข้างมาก เราพบว่าเด็กหลุดจากศึกษาประมาณ 3 เดือน เสี่ยงเป็นยุวอาชญากรมากถึง 6 ใน 10 คน ฉะนั้นการ Drop out เป็นเส้นเลือดใหญ่ ต้องหยุดไม่ให้ไหลออกนอกระบบ”
‘ศ.สมพงษ์ จิตระดับ’ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหาร กสศ. กล่าวถึงพฤติกรรมเด็กวัยเรียนหลังหลุดออกจากระบบการศึกษา โดยอ้างอิงจากจำนวนเด็กในสถานพินิจและบ้านคุ้มครองที่เพิ่มต่อเนื่อง
นอกจากความจน ปัญหาครอบครัว และทัศนคติผู้ปกครองที่อยากให้บุตรหลานออกมาทำงานช่วยหารายได้ ‘ศ.สมพงษ์’ มองว่า โครงสร้างหลักสูตร กระบวนการเรียนรู้ และการวัดผลในปัจจุบัน ก็เป็นสาเหตุสำคัญในการผลักเด็กออกจากระบบการศึกษา ที่มีหลักสูตรคล้ายบังคับให้เด็กทุกคนต้องเรียนเหมือนกัน ขณะที่เป้าหมายต่อการเรียนรู้ของเด็กแต่ละคนอาจแตกต่างกัน
“ไม่ใช่แค่เด็ก Drop out แต่เป็นระบบที่ Push out เด็กให้ออกจากระบบ ตอนนี้กระทรวงศึกษาฯ จะเปลี่ยนหลักสูตรเป็นฐานสมรรถนะ ผมว่ามาถูกทาง แต่สิ่งที่ต้องทำไม่ใช่แค่สนับสนุนการเรียนรู้กระแสหลัก การศึกษาต้องมีหลายลู่ ไม่ใช่ลู่เข้ามหาวิทยาลัยอย่างเดียว เพราะเด็กมีศักยภาพ มีความสนใจแตกต่างกัน”
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2021/10/Act_Series_211019-เวทีการศึกษา-06-1024x1024.jpg)
“การดึงเด็กเข้าระบบต้องทำเป็นกลยุทธ์ ในร่าง พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติ ฉบับใหม่ บอกว่าคนที่จะรับผิดชอบระยะยาวคือคณะกรรมการนโยบายชุดใหญ่ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ถ้าไม่มีกฎหมายฉบับนี้ออกมา การปฏิรูปก็เดินหน้าต่อไปไม่ได้”
‘รศ.วรากรณ์ สามโกเศศ’ ประธานกรรมการในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา ประกาศให้ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา เป็นโจทย์ปฏิรูป Big Rock ที่ 1 จาก 5 โจทย์ใหญ่ในวาระปฏิรูปประเทศด้านการศึกษาที่รับผิดชอบ โดยพิจารณาจาก 3 ประเด็นนี้
1. หลักคุณธรรมความถูกต้อง
ในฐานะความเป็นมนุษย์ ทุกคนควรได้รับโอกาสเท่าเทียมเสมอหน้ากันตามหลักการสากล วาระปฏิรูปต้องทำให้เกิดความเสมอภาคสำหรับทุกคน
2. ความสูญเสียภาพรวมทั้งประเทศ
การหลุดออกจากระบบการศึกษา เป็นความสูญเสียทุนมนุษย์ที่ควรได้รับการพัฒนาศักยภาพเต็มที่ จำเป็นต้องมีกลไกดึงดูดให้เด็กเรียนสูงสุดตามความต้องการ
3. ความสูญเสียโอกาสมีชีวิตที่ดีของตนเอง
วันนี้วุฒิการศึกษา มีผลต่ออาชีพและรายได้ของคนส่วนใหญ่ การศึกษาจึงเป็นโอกาสเปลี่ยนแปลงฐานะตนเองและครอบครัว
“วันนี้โลกการเรียนรู้เป็นโลกใหม่แล้ว แต่การปฏิรูปเป็นเรื่องเปลี่ยนแปลงคน คนเปลี่ยนได้ช้า ปฏิรูปถึงช้าไปด้วย ฉะนั้นการปฏิรูปไม่ได้จบสั้น ๆ ต้องใช้เวลา”
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2021/10/Act_Series_211019-เวทีการศึกษา-07-1024x1024.jpg)
“ปัญหาเด็ก Drop out มีคนหยิบยื่นความร่วมไม้ร่วมมือแก้ปัญหานี้อยู่พอสมควร เพียงแต่ยังทำไม่ทั่วถึงเพียงพอ เราต้องการคนมาช่วยสร้างนิเวศที่ปรากฏอยู่เป็นจุด ๆ ให้เกิดเป็นระบบแก้ปัญหาเพื่อขยายผลต่อ”
‘วิเชียร พงศธร’ คณะทำงานภาคีเครือข่ายงาน Good Society Summit 2021 สรุปประเด็นร่วมที่ทุกฝ่ายเห็นตรงกันจากเวทีนี้ คือ ทุกภาคส่วนต้องช่วยสนับสนุนกันและกันในการจัดการปัญหาเด็ก Drop out หรือ หลุดออกจากระบบการศึกษา ซึ่งแต่ละฝ่ายได้ฉายข้อค้นพบและชุดประสบการณ์ที่สำคัญต่อการเดินหน้าแก้โจทย์แบบคนมีของ ไม่ใช่คนเริ่มจากศูนย์
จากนี้ ข้อค้นพบจะถูกนำไปใช้ต่อยอดผ่านกระบวนการทำงาน โดยมูลนิธิเพื่อคนไทยจะชวนผู้คนซึ่งเห็นตรงกันว่าปัญหาการศึกษาเป็นโจทย์ร่วมของทุกคน ตั้งเป้าหมายขยายความร่วมมือเพื่อเปลี่ยนแปลงสังคมด้วยการศึกษา