ผู้หญิง…ผ่านมุมมอง “ดีเจพี่อ้อย”

“การพูดจา น้ำเสียง ความอ่อนโยน ความเป็นแม่ ถ้าจะถามถึงความพิเศษก็คงเป็นอะไรเหล่านี้ล่ะมั้ง ที่ทำให้เห็นว่า แม้แข็งแกร่งขนาดไหนแต่ความอ่อนหวานก็มีในผู้หญิงแต่ละคนอยู่ดี”

มากกว่าตัวหนังสือ แต่นี่คือประโยคผ่านสุ้มเสียงที่คุ้นหูผู้ฟังจาก ‘พี่อ้อย-นภาพร ไตรวิทย์วารีกุล’ ดีเจคนดังแห่ง Greenwave

และเนื่องในวันที่ 1 สิงหาคม ตรงกับ “วันสตรีไทย” The Active เลยถือโอกาสชวน ดีเจพี่อ้อย มาเปิดมุมมอง ประสบการณ์ เพื่อสะท้อนถึงความหมายของ ผู้หญิง ยุคนี้

เมื่อพูดถึง “ผู้หญิง”

“ก็คือเพศ ๆ หนึ่ง ที่มีคุณค่าต่อโลกใบนี้”

ดีเจพี่อ้อย นิยามสั้น ๆ
พี่อ้อย – นภาพร ไตรวิทย์วารีกุล

เมื่อพูดถึง “ผู้หญิงที่มากกว่าการเป็นเพศ ๆ หนึ่ง”

แม้ในทางกายภาพไม่ว่าจะเป็นพละกำลัง หรือสรีระ ที่เป็นไปตามธรรมชาติของผู้หญิงโดยส่วนใหญ่ คงไม่อาจสู้ความแข็งแรงของผู้ชายได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ ดีเจพี่อ้อย เห็นมากกว่าภาพความอ่อนแอ คือ ความแข็งแกร่งในบทบาทของความเป็น “แม่” ซึ่งทุกคนล้วนได้เห็นผ่านคนใกล้ในครอบครัว เมื่อภาพจำของแม่คือหญิงคนหนึ่งที่ต้องแบกรับภาระหน้าที่หลายอย่างตั้งแต่อุ้มท้อง เลี้ยงดูลูก และแน่นอนต้องทำควบคู่ไปกับการเป็นภรรยาของสามีอีกด้วย

“หลายคนก็บอกว่าผู้หญิงเป็นเพศที่อ่อนแอ แต่ถ้าในฐานะผู้หญิงด้วยกัน พี่อ้อยกลับรู้สึกว่า ผู้หญิงคือเพศหนึ่งบนโลกใบนี้ที่ดู แข็งแรง แข็งแกร่ง โลกก็เลยอนุญาตให้ผู้หญิงดูแลชีวิตของคน ๆ หนึ่ง เป็นเวลา 9 เดือนในท้อง ซึ่งต้องเป็นคนแข็งแกร่งมาก อดทนมาก มีความเป็นผู้ให้สูงมาก”

เมื่อผ่านยุคสมัยที่ผู้หญิงต้องพึ่งพิงผู้ชาย และผ่านการทลายกรอบสังคมที่เคยครอบไว้ จนทำให้ผู้หญิงหลายคนมีโอกาสพิสูจน์ตัวเอง ในพื้นที่ของสังคมได้แล้ว จนมาถึงวันนี้ที่บทบาทหน้าที่ของเพศหญิง ไม่ได้มีเพียง “แม่” และ “ภรรยา” อีกต่อไป

“อย่าเพิ่งคิดว่าผู้หญิงทำไม่ได้หรอก มีอีกเยอะแยะมากมาย ที่วันนี้ผู้หญิงก็ลุกมาทำได้ โดยการพิสูจน์ความสามารถของตัวเอง…”

“และถ้าเมื่อไหร่ก็ตาม ที่เราพึ่งพาตัวเองสูงขึ้น เราจะมีโอกาสเรียกร้องความสุขของตัวเองได้มากขึ้น คือไม่จำเป็นต้องรู้สึกว่า คุณค่าของเราขึ้นอยู่กับการที่ใครจะเลือกหรือไม่เลือก แต่คุณค่าของเราคืออยู่ที่ว่าเราจะทำตัวยังไงต่างหาก”

ดีเจพี่อ้อย ยังยกตัวอย่างให้เห็นว่า ปัจจุบันผู้หญิงในหลายองค์กรเข้ามามีบทบาทมากขึ้น อย่างการเป็นผู้บริหาร หรือแม้กระทั่งในมุมของการพึ่งพิงตัวเอง ที่ไม่ต้องยึดโยงกับความสัมพันธ์จากผู้อื่น เช่น สามี สิ่งนี้เองช่วยยืนยันได้ทันทีว่า ผู้หญิงมีความสามารถที่จะทำอะไรก็ได้ หากต้องการจะทำ หรือเลือกที่จะไม่ทำอะไร ถ้านั่นไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เธอมีความสุข

เมื่อพูดถึง “ผู้หญิงที่มากกว่าการเป็นเพศ ๆ หนึ่ง ที่นอกจากจะแข็งแกร่งยังมีมุมอ่อนหวาน”

จากบทสนทนากับ ดีเจพี่อ้อย ทำให้เราเห็นถึงความแข็งแกร่งของผู้หญิงตั้งแต่การเป็นภรรยา สู่การเป็น แม่ และอีกหลายบทบาท จนเกิดคำถาม “ทำไมการเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง จะต้องครบทุกบทบาทขนาดนี้ ?” เพราะนอกจากจะต้องดูแลตัวเองให้มีความสุข ยังสามารถดูแลคนอื่นไปพร้อม ๆ กันได้ด้วยซึ่งแน่นอนว่าผู้หญิงเองไม่ได้มีเพียงความแข็งแกร่งเท่านั้น

“จะแข็งแกร่งขนาดไหน พี่ว่าทุกคน มีความอ่อนหวานอยู่ในนั้น”

ดีเจพี่อ้อย ขยายความว่า มีนักจิตวิทยาวิเคราะห์ถึงความอ่อนหวานของผู้หญิงที่ทำให้โลก โดยรวมมีความละมุนละไม เมื่อมีการสื่อสารกับผู้หญิง โดยตั้งข้อสังเกตจากอุปกรณ์สั่งการต่าง ๆ เช่น Siri ซึ่งเป็นเสียงแห่งการรับฟังคำสั่ง ที่ปฏิบัติการด้วยเสียงของผู้หญิง หรือแม้กระทั่งในสมัยก่อน มีการเปรียบผู้หญิงเป็นดอกไม้แทนความงดงาม หรือความอ่อนหวาน ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ทำให้เห็นว่า เมื่อไรที่พูดถึงผู้หญิง ความอ่อนหวานก็จะปรากฏให้เห็นอยู่คู่กันเสมอ

พันธุ์ไม้มีหลากหลายเช่นไร ความอ่อนหวานของผู้หญิงก็มีความงดงามที่หลากหลายเช่นนั้น เพราะไม่ว่าเธอจะแสดงความอ่อนหวานให้เห็นมาก น้อย หรือเธอไม่ต้องการแสดงความอ่อนหวานให้ใครรู้เลยก็ตาม แต่การเปรียบผู้หญิงเป็นดอกไม้ในความหมายของ ดีเจพี่อ้อย กลับไม่ได้มองเพียงแค่ความงดงาม หรืออ่อนหวานเท่านั้น เพราะไม่ว่าจะเป็นไม้ดอกที่หลายคนมองว่าสวยงาม หรือไม้ใบ ที่สร้างความสบายตา

เหล่านี้ล้วนมีคุณค่า และความหมายอยู่ในตัวเอง เพียงแต่เป็นคุณค่าซึ่งมีความเฉพาะตัว และหลากหลาย ที่มีมากกว่าความงดงามแค่แบบเดียวเท่านั้น

“พี่ว่าดอกไม้แต่ละชนิด ก็ไม่ได้แปลว่าเป็นดอกไม้ที่ต้องมีดอกไม้ ถึงจะเรียกว่ามีคุณค่าต่อโลก ต่อให้เป็นไม้ใบ คุณก็มีประโยชน์ต่อโลกนี้ในมุมของคุณ”

มากกว่าความงดงาม มากกว่าความอ่อนหวาน ยังมีความพิเศษที่ ดีเจพี่อ้อย สัมผัสจากประสบการณ์ในรายการ “เรื่องเศร้าแค่เล่าก็เบาลง” โดยมองเห็นว่า ผู้หญิงเป็นเพศที่สามารถปกป้องตัวเองให้อยู่รอดปลอดภัยด้วยการบรรยายความรู้สึกของตัวเองได้ดี มีการระบายความเครียดออกมาได้ชัดเจน และค่อนข้างเข้าใจความรู้สึกของตัวเองว่าต้องการสิ่งไหน หรือไม่ต้องการสิ่งไหน จนเรียกได้ว่า “เพศหญิงเป็นเพศแห่งการเล่าเรื่อง” และสามารถรับมือกับความอ่อนแอของตัวเองได้ผ่านการเล่าเรื่อง

เมื่อพูดถึง “ผู้หญิงที่มากกว่าการเป็นเพศ ๆ หนึ่ง ที่นอกจากจะแข็งแกร่ง ยังมีมุมอ่อนหวาน แต่…ไม่ใช่ทุกวันเสมอไป”

ไม่ใช่ทุกวันที่ผู้หญิงจะมีความแข็งแกร่ง และความอ่อนหวานอยู่ตลอดเวลา ซึ่งคงเป็นเรื่องธรรมดา ถ้ามีบางวันเธออยากเลือกที่จะไม่แข็งแกร่ง และไม่อ่อนหวานในวันที่โลกไม่ได้น่ารักกับเธอมากนัก

บางวันอาจจะอยากไม่เก่ง…
บางวันอ่อนล้า กับการดูแลตัวเอง…

สำหรับ ดีเจพี่อ้อย ความชัดเจนและซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง อย่างการบอกว่า “เราอยากเป็นคนที่มีความสุขในมุมของเรา” คือสิ่งที่ผู้หญิงหรือใครหลายคนต้องการ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ว่าใครก็ตาม สามารถเลือกได้โดยไม่จำเป็นจะต้องให้ใครมาชมตลอดเวลา และไม่จำเป็นต้องเอาชนะใจคนอื่น ถ้าวันหนึ่งรู้สึกเหนื่อย หรืออ่อนล้า ก็มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธความคาดหวังเหล่านั้น และเลือกในสิ่งที่เป็นความสุขของตัวเอง ซึ่งทุกคนมีสิทธิ์ในการที่จะภาคภูมิใจในการกระทำหรือสิ่งที่ตัวเองเลือก

บ่อยครั้งที่ดีเจพี่อ้อยจัดรายการ มักเห็นว่าผู้หญิงต้องการมีคนมาคอยดูแลเอาใจใส่ในวันที่อ่อนแอ หรือวันที่ปัญหาถาโถมเข้ามา แต่สำหรับ ดีเจพี่อ้อย มองว่า การให้คนอื่นเข้ามามีบทบาทเสริมสร้างกำลังใจ อาจจะควรเป็นขั้นตอนหลังจาก “การยอมรับในทุกอารมณ์ของตัวเอง” ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญเมื่ออยู่ในจุดที่เรากำลังอ่อนแอ

โดยจะต้องจัดการและซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเองให้ได้ก่อน เพราะถ้าเอาความสุขของเราไปผูกติดกับผู้อื่น และสุดท้ายกลับไม่สามารถควบคุมผู้อื่นได้ จะเป็นการเพิ่มเรื่องทุกข์เข้ามามากกว่าเดิมนอกเหนือจากความอ่อนแอของตัวเอง

“ไม่เห็นจำเป็นจะต้องเอาความสุขของเรา ไปผูกไว้ที่คนอื่นเสมอไป มีความสุขในการเป็นตัวเราให้ได้ เมื่อไรก็ตามที่เราไปคาดหวังความสุขของตัวเอง ว่า ต้องได้รับการเติมเต็มจากคนอื่น มันจะเหนื่อยมาก พี่อ้อยเลยคิดว่าความสุขมันไม่ได้อยู่ว่าเรามีอะไร แต่มันคือการรู้สึกยังไงกับสิ่งที่เรามี”

เมื่อพูดถึง “สิ่งที่ดีเจพี่อ้อยทิ้งท้าย”

“เราเดินทางมาถึงสมรสเท่าเทียมแล้ว เพราะฉะนั้นเคารพในความเป็นมนุษย์ของคนทุกคน จะเป็นเพศไหนก็ตามแต่ ต่างก็มีคุณค่าต่อโลกใบนี้แตกต่างกันไป โลกใบนี้ไม่ได้ตัดสินคน ๆ หนึ่งเพียงเพราะว่าคุณเป็นเพศไหน แต่อยู่ที่การกระทำ และวิธีคิดต่างหากที่ทำให้รู้ว่า คุณมีคุณค่ากับการที่อยู่บนโลกนี้ยังไง”