ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ ที่มากกว่าหลักพันคนต่อวัน และเริ่มมีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มทุกวัน นอกจากจะส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมของประเทศไทยมีมากกว่า 46,000 คน ในวันที่ 21 เม.ย. 2564 ยังส่งผลต่อความกังวลของประชาชน ต่อความเสี่ยงของระบบสาธารณสุขกับความพร้อมในการรับมือ
แม้ กระทรวงสาธารณสุข จะยืนยันว่า มีเตียง ยา และบุคลากรทางการแพทย์ “เพียงพอ” รองรับจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นหลักพันคนต่อวัน แต่ก็ยังวางใจไม่ได้ เพราะทุกวันนี้ยังมีผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยตกค้าง ต้องกักตัวเองอยู่ที่บ้านเพื่อรอเตียง ยังไม่นับผู้ติดเชื้อที่เลือกกักตัวเอง แทนการถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาล และโรงพยาบาลสนามที่รัฐจัดให้
ยังมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงอีกจำนวนมากที่ต้องกักตัวเองออกจากสังคม เพื่อเฝ้าระวังอาการ รวมถึงการที่บุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อแล้วมากกว่าหนึ่งร้อยคน
สิ่งเหล่านี้ ส่งผลให้ภาพความเป็นอยู่ภายในโรงพยาบาลสนาม ที่มีเตียงติดกัน ถูกเผยแพร่ผ่านแอปพลิเคชัน tiktok ผู้ติดเชื้อที่ต้องพักรักษาตัวเป็นเวลา 14 วัน ต้องปรับตัวและหากิจกรรมยามว่าง ขณะเดียวกัน ก็ได้เห็นภาพการทำงานของทีมบุคลากรด้านสาธารณสุข ที่ต้องทำหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
ข้อมูลล่าสุดจาก กรมการแพทย์ เปิดเผยจำนวนเตียงรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ณ วันที่ 18 เมษายน 2564 ทั้งจากโรงพยาบาลหลัก โรงพยาบาลสนาม และ Hospitel รวม 9,317 เตียง ขณะนี้มีผู้ป่วยครองเตียงแล้ว 6,294 เตียง ยังเหลือเตียงว่าง 3,023 เตียง โดยยืนยันว่ายังเพียงพอรองรับจำนวนผู้ติดเชื้อได้
ถึงแม้กรมการแพทย์ จะออกแนวปฏิบัติ สำหรับผู้ติดเชื้อที่เหมาะสมสำหรับการแยกกักตัวอยู่ที่บ้าน หรือ Home Isolation ออกมา แต่ยังไม่ได้หมายความว่า มีนโยบายให้ผู้ติดเชื้อรักษาตัวอยู่ที่บ้าน โดยยังคงให้เข้ารักษาที่โรงพยาบาลทั้งหมด
นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ ยืนยันว่า จะไม่มีการใช้แนวทางการกักตัวผู้ติดเชื้ออยู่ที่บ้านอย่างแน่นอน หากจำนวนผู้ติดเชื้อยังอยู่ในหลักพันคนต่อวันเช่นนี้ แต่ถึงอย่างนั้น นพ.สุขสันต์ กิตติศุภกร ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุด ก็ยอมรับว่า ณ วันที่ 18 เมษายน ยังมีผู้ป่วยที่ตกค้างอยู่ที่บ้าน อีกจำนวน 505 คน ซึ่งจะเร่งบริหารจัดการรับผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาลโดยเร็ว
ผอ.สำนักการแพทย์ กทม. ยังระบุอีกว่า ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ไม่พร้อม ที่จะไปนอนโรงพยาบาลสนาม แต่ต้องการจะนอน Hospitel ในโรงแรม ซึ่งปัจจุบันเตียงในกรุงเทพฯ ยังมีเพียงพอ แต่ตัวเลขจะเคลื่อนไหวไม่หยุดนิ่งเป็นรายชั่วโมง เนื่องจากมีทั้งคนเข้าและคนออกจากระบบตลอดเวลา
น่าสังเกตว่า ความพยายามจัดหาเตียงรองรับผู้ติดเชื้อเพิ่มเติม สวนทางกับบุคลากรการแพทย์ที่ลดลงจากการติดเชื้อโควิค-19 ณ วันที่ 18 เมษายน 2564 ติดเชื้อแล้ว 146 คน ทำให้ต้องแยกกักบุคลากรทางการแพทย์ออกไปอีกจำนวนหนึ่ง ส่งผลกระทบต่อการให้บริการผู้ป่วยในโรงพยาบาลหลายแห่ง
โดย 50% พบว่าติดเชื้อจากการทำงาน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้ป่วยไม่เปิดเผยข้อมูลและติดเชื้อจากผู้ใกล้ชิด เหล่านี้สะท้อนให้เห็นปัญหาของระบบสาธารณสุข ที่อาจไม่สามารถรองรับได้ หากจำนวนผู้ติดเชื้อ ไม่ลดลง และอาจนำมาสู่การวางแนวทางล่วงหน้า เพื่อเตรียมพร้อมให้กักตัวผู้ติดเชื้อที่บ้าน หรือ Home Isolation ในที่สุด
แม้กระทรวงสาธารณสุขจะยังคงประเมินแนวโน้มการระบาดรอบเดือนเมษายนนี้ ว่าจะเริ่มชะลอตัวในอีก 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า แต่มีข้อแม้ว่า การยกระดับมาตรการแบ่งประเทศไทยออกเป็น 2 โซนสี คือ สีแดง พื้นที่ควบคุมสูงสุด 18 จังหวัด และ สีส้ม พื้นที่ควบคุม 59 จังหวัด จะต้องได้ผลในทางปฏิบัติด้วย
ส่วนเรื่อง “วัคซีน” ยังเป็นอีกความหวัง ที่สังคมตั้งคำถามถึงความล่าช้า และเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งกระจายวัคซีนให้เป็นไปตามแผน ซึ่งเวลานี้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า “คณะทำงานพิจารณาการจัดหาวัคซีน” ได้ข้อยุติว่า จะจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมอีก 2-3 ยี่ห้อ จำนวน 35 ล้านโดส นอกเหนือจากที่ดำเนินการไว้แล้วประมาณ 65 ล้านโดส
ที่ผ่านมา วัคซีนโควิด-19 จำนวน 666,210 โดส ถูกกระจายเพื่อฉีดให้กับกลุ่มเป้าหมายในระยะแรก ทั้ง บุคลากรทางการแพทย์ และพื้นที่ที่มีการระบาด รวมถึงการลงทะเบียนขอรับวัคซีน ดังที่มี ส.ว. และ ส.ส. บางคน ขอเข้ารับการฉีดวัคซีนบ้างแล้ว จากจำนวนวัคซีนที่มีทั้งหมด 2,117,000 โดส ทั้งจากซิโนแวคและแอสตราเซเนกา (ข้อมูล ณ วันที่ 19 เม.ย.) ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่าแผนการฉีดวัคซีนโควิด-19 จำเป็นต้องมีการปรับตามสถานการณ์ ซึ่งในช่วงการระบาด ความสำคัญอยู่ที่บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า ที่ต้องได้รับวัคซีน 100%
- ดูเพิ่ม ส.ส.ทยอยเข้ารับวัคซีนโควิด-19
และในวันที่ 21 เม.ย. นี้ วัคซีนซิโนแวคที่เข้ามาเพิ่มอีก 1 ล้านโดส จะถูกกระจายไปเพื่อฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า ประมาณเกือบ 6 แสนโดส หรือประมาณ 3 แสนคน ซึ่งจะเร่งรัดการฉีดให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 25 เม.ย. นี้ ขณะเดียวกัน ก็จะทำให้ภาพรวมการฉีดวัคซีนของไทยเกิน 1 ล้านโดสภายในสัปดาห์นี้