เบื้องหลังภารกิจ “คนเผชิญเพลิง” ดับไฟป่า แก้ไม่จบ

“ดับไฟป่า งานเสี่ยงขนาดนี้ ทำไมถึงทำ ?” 

คำถามที่อยู่ในใจ หลังเห็นอาสา เจ้าหน้าที่ “ชุดปฏิบัติการพิเศษเหยี่ยวไฟ” เผชิญเพลิง

ค่าตอบแทน สวัสดิการ ความมั่นคง หรือการเติมเต็มชีวิต… ไม่ว่าเหตุผลของการรับงานนี้จะอยู่บนเงื่อนไขใด The Active เคยร่วมติดตามภารกิจ “การดับไฟป่า” จึงรู้ว่างานนี้เป็นภารกิจใหญ่

ก่อนจะถึงฤดูกาลหมอกควันภาคเหนือในอีกไม่กี่วันข้างหน้า และพวกเขาเหล่านี้จะต้องกลับเข้าป่าและเสี่ยงอีกครั้ง  The Active นำเบื้องหลังการปฏิบัติภารกิจของเหยี่ยวไฟบางส่วนมาเปิดเผยที่นี่ กับโจทย์ใหญ่ที่ชวนสงสัย  ว่าหนทางที่เรากำลังเดินไป ถูกทางหรือไม่ 

องศาในฤดูร้อน ทำให้ป่าไม้แถบภาคเหนือ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นป่าเบญจพรรณเริ่มผลัดใบ ใบไม้แห้งเกลื่อนทั่วผืนป่า คือ เชื้อเพลิงอย่างดี และที่นี่คือจุดเริ่มต้นแหล่งใหญ่ของปัญหาหมอกควันภาคเหนือ

ไฟป่า คือ ไฟที่ไม่มีการควบคุม และส่วนใหญ่เกิดจากฝีมือมนุษย์ ชุดปฏิบัติการพิเศษเหยี่ยวไฟ คือ ด่านหน้า ที่ต้องเข้าดับไฟให้เร็วที่สุด ตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย ภายใต้สังกัดกรมป่าไม้ 

ต้นปี 2563 The Active ร่วมติดตามภารกิจเหยี่ยวไฟ ในพื้นที่อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ที่นี่ติดอันดับต้น ๆ ของการเกิดไฟป่า 

ทุกวัน… ข้อมูลจากฐานปฏิบัติการจังหวัดลำปาง ซึ่งเป็นศูนย์ข้อมูลแจ้งพิกัดความร้อนในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จะคอยส่งสัญญาณบอกพิกัดความร้อนให้แต่ละหน่วยเข้าพื้นที่ดับไฟให้เร็วที่สุด

พิกัดความร้อนจะสามารถระบุได้คร่าว ๆ ว่ามีไฟป่าเกิดขึ้นที่ไหน แต่การหาต้นเพลิง เหยี่ยวไฟต้องเดินเท้าต่อ

เหยี่ยวไฟต้องพกพาอุปกรณ์ในการดับไฟให้พร้อม มีไม้กวาด เครื่องเป่าลม และอาหารง่ายๆ ห่อด้วยถุงพลาสติก เมื่อทุกอย่างถูกยัดใส่กระเป๋า พวกเขาก็มุ่งหน้าเดินขึ้นเขา

ฝีเท้าที่ดูเหมือนจะเร่งรีบ แต่กลับไม่สามารถทำเวลาได้มากนัก เพราะเขาไม่มีทางเดิน และเส้นทางไม่ใช่แบบเดียวกับที่นักท่องเที่ยวเดินป่านิยมไป ในช่วงวันหยุดพักร้อน บางจุดสูงชัน บางจุดเดินเทียบริมผา ทุกก้าว หากพลาด อาจถึงชีวิต แต่ละปีมีเจ้าหน้าที่อาสาดับไฟป่า บาดเจ็บ เสียชีวิตจากการลื่นพลัดตกเขาอยู่บ่อย ๆ 

ผ่านไปค่อนวัน เดินขึ้นลงเขามาแล้ว 3 ลูก เราและเหยี่ยวไฟยังเข้าไม่ถึงเพลิง แต่บรรยากาศรอบ ๆ ป่า อบอวลไปด้วยควันไฟ เราสวมหน้ากาก N95 แต่บางจุด แม้ควันจะหนาแน่นโอบล้อมตัวเรา ก็ต้องจำใจปลดหน้ากาก ยอมสูดหมอกควันเข้าเต็มปอด เพราะทนหายใจภายใต้หน้ากากต่อไปไม่ไหว

ขณะที่เหยี่ยวไฟทุกคน ไม่มีใครใช้หน้ากากประเภทนี้ มีเพียงผ้าเช็ดหน้าผืนบาง ๆ หรือผ้าบัฟ (ผ้าเอนกประสงค์) ปิดหน้าปิดตามิดชิด พวกเขารู้ดีว่า ผ้าชนิดนี้บางเกินไปที่จะปกป้องพวกเขาจากหมอกควัน

ช่วงบ่ายแก่ ๆ ของวันนั้น เราเข้าถึงเพลิง แต่กว่าจะมาถึงก็ลุกลามเป็นวงกว้างแล้ว ไฟป่าในประเทศไทย ส่วนใหญ่เป็นไฟผิวดิน ยอดไฟไม่สูง ไม่รุนแรงเหมือนไฟเรือนยอด หรือไฟแบบเดียวกับที่ไหม้ป่าแอมะซอน พวกเขาเผชิญหน้าตามแบบที่เคยได้ฝึกมา แยกใบไม้ออกจากกันให้เร็วที่สุด เครื่องเป่าลมและไม้กวาดทำงานเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แต่เครื่องเป่าลมจะเร็วกว่า เครื่องเป่าลม 1 เครื่อง เทียบเท่ากำลังคน  3 คน

การเผชิญเพลิงบนเขาที่สูงชัน หากเจอกับกระแสลมแรง ยิ่งเพิ่มความเสี่ยง เจ้าหน้าที่บางคน ถูกไฟล้อมเนื่องจากกระแสลมตีกลับ การตัดสินใจวิ่งฝ่าไฟ คือ หนทางเดียวเพื่อเอาชีวิตรอด  และแน่นอนพวกเขาได้รับบาดเจ็บ

อาสาดับไฟป่าบางคน ไม่มีโอกาสรอดชีวิตกลับมา เฉพาะต้นปี 2563 มีอาสาดับไฟป่าเสียชีวิต 4 คน บาดเจ็บ 12 คน  

เหยี่ยวไฟ เป็นเพียงพนักงานสัญญาจ้างปีต่อปี  ไม่มีสวัสดิการ ได้รับค่าตอบแทนเดือนละ 9,000 บาท เพิ่งได้รับประกันภัยกลุ่ม จากเงินบริจาคของภาคประชาชน เอกชน และการสนับสนุนจากหน่วยงานราชการ แต่เป็นการคุ้มครองเพียงระยะสั้นหนึ่งปีเท่านั้น 

ไม่ว่าเจ้าหน้าที่หรืออาสาดับไฟป่า จะได้รับการดูแลด้านสวัสดิการดีขึ้น ทุ่มเทสรรพกำลัง ทรัพยากรให้มีความพร้อมมากแค่ไหน การดับไฟก็ยังเป็นเพียงแค่การแก้ปัญหาที่ปลายเหตุเท่านั้น ตราบใดที่ต้นเหตุ “ต้นเพลิง” ไม่ได้รับการแก้ไข 

การจัดการเชื้อเพลิง จึงเป็นวิถีทาง ที่คนในพื้นที่ทุกภาคส่วนระดมช่วยกันอย่างเต็มที่ ในเวลานี้ ชาวบ้านปิดป่า ทำแนวกันไฟ ใบไม้หรือเชื้อเพลิงในพื้นที่ที่สะดวกแก่การขนย้าย นำมาอัดแท่งขายให้โรงงานสร้างรายได้ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมยังสนับสนุนเครื่องมืออัดแท่งใบไม้ และมอบเป็นนโยบายหลักลดการเผาในปีนี้ ส่วนพื้นที่สูงชัน ที่จำเป็นต้องใช้ไฟ ก็อนุโลมตามบริบทของพื้นที่ รวมถึงมีนวัตกรรม เทคโนโลยีอื่น ๆ จากหลายหน่วยงานร่วมบริหารพื้นที่ จัดการเชื้อเพลิงตามสภาพอากาศ 

ทั้งหมดนี้ คือ วิธีการแแก้ปัญหาในปีนี้ เน้นสอดรับวิถีชีวิตและบริบทของพื้นที่ รับฟังเสียงจากทุกฝ่าย และทุกภาคส่วนไม่เคยหยุดคิด หยุดทำ เดินสู่เป้าหมายหนึ่งเดียว คืนอากาศบริสุทธิ์ให้กับทุกคน

Author

Alternative Text
AUTHOR

อรวรรณ สุขโข

นักข่าวที่ราบสูง ชอบเดินทางภายใน ตั้งคำถามกับทุกเรื่อง เชื่อในศักยภาพมนุษย์ ขอเพียงมีโอกาส