เครือข่ายฯ ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ กังวลปิดผับตี 4 ได้ไม่คุ้มเสีย

เครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ กังวลสถานประกอบการที่ไม่เข้าข่ายผสมโรง เฝ้าระวังเก็บข้อมูล 3 เดือน ยันรัฐบาลประเมินผลได้เสียจากนโยบาย ด้าน สธ. เพิ่มจุดบริการนักท่องเที่ยว ดูแลเหตุฉุกเฉินอุบัติเหตุเมาแล้วขับ  

วันนี้ (17 ธ.ค.2566) กรณีมีการขยายเวลาเปิดสถานบริการผับ บาร์ถึงตี 4 นำร่องใน กรุงเทพฯ ชลบุรี เชียงใหม่ ภูเก็ต และอำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฏร์ธานี ซึ่งเริ่มเมื่อคืนวันที่ 15 ธันวาคมที่ผ่านมา ชูวิทย์ จันทรส ผู้ประสานงานเครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์แสดงความกังวลต่ออุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นจากการเมาแล้วขับในช่วงดำเนินนโยบาย โดยระบุว่า เข้าใจว่านโยบายต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่จากการเก็บข้อมูลของเครือข่ายเราพบว่ามีปัญหาอยู่โดยเฉพาะสถานบริการที่เข้าข่ายให้เปิดผับขยายได้ถึงตี 4 จริงๆ แล้วมีไม่มาก แต่ว่าสถานประกอบการที่คล้ายสถานบริการมีอยู่จำนวนมาก ซึ่งมาตรการที่จะเฝ้าระวังควบคุมจะทำได้อย่างไร ยกตัวอย่างในจังหวัดเชียงใหม่ที่ได้รับอนุญาตครั้งนี้มี 27 แห่งเท่านั้น แต่มีที่จะเตรียมผสมโรงอีกเกือบ 5,000 แห่ง ตำรวจหรือผู้ที่ตรวจสอบจะรู้หรือไม่ว่าสถานประกอบการเหล่านี้ไม่ได้รับอนุญาตขณะที่มาตรการที่คุมเข้มในช่วงแรกเกรงว่าจะไม่ต่อเนื่องเพราะกำลังคนย่อมไม่เพียงพอและไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัญหา 

“จะใช้กำลังเจ้าหน้าที่ ที่ไหนมาเฝ้าทั้งวันทั้งคืน ถ้าทำแบบนี้ได้ทั้งเดือนไหม หรือแค่อาทิตย์เดียว  เพราะให้ทำจริงๆ ทำไม่ได้หรอก ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง และเมื่อเกิดเหตุขึ้นมาจริงๆ จะรายงานตัวเลขชัดเจนไหม ว่าสาเหตุมาจากการปิดผับตี 4 หรือเปล่า สาธารณสุขต้องเก็บข้อมูลให้ชัด ที่ผ่านมาเครือข่ายมีข้อมูลที่ชัดเจนชี้ให้เห็นว่าจะเกิดผลเสียอย่างไรจากกรณีเมาแล้วขับ แต่รัฐบาลไม่เคยมีข้อมูลอะไรมาชี้แจงเลย ตัวเลขเศรษฐกิจจะฟื้นจริงไหม จะคุ้มไหมกับสิ่งที่สูญเสีย นโยบายไม่ได้เกิดจากความรอบคอบ แต่เร่งรีบ และไม่มีส่วนร่วม”

ด้าน นายแพทย์สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รักษาราชการแทนรองปลัดกระทรวงสาธารณสุขระบุว่า หน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุขในพื้นที่ ได้ให้ความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ตำรวจ ฝ่ายปกครองท้องถิ่น ในการดำเนินมาตรการต่างๆ รองรับเหตุฉุกเฉินหรืออุบัติเหตุจากเมาแล้วขับ เช่น จังหวัดเชียงใหม่ มีสถานบริการที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายรวม 27 แห่ง ใน 4 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองเชียงใหม่ 24 แห่ง อ.ฝาง อ.เชียงดาว อ.สันทราย อำเภอละ 1 แห่ง สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับอำเภอ ตำรวจและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้จัดเตรียมที่พักคอยสำหรับผู้ขับขี่ยานพาหนะที่มีระดับแอลกอฮอล์สูงกว่า 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ขณะที่ขนส่งจังหวัดได้ประสานเครือข่ายรถสาธารณะคอยให้บริการนักท่องเที่ยว รวมทั้งส่งทีมออกตรวจตรา ควบคุมสถานประกอบการให้ปฏิบัติตามกฎหมาย 

จังหวัดชลบุรี ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ได้นำสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่เมืองพัทยาเพื่อตรวจตราสถานบริการให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ส่วนจังหวัดภูเก็ต เบื้องต้นมีสถานบริการจดทะเบียนเปิดถึงตี 4 เฉพาะที่ซอยบางลา ตำบลป่าตอง อำเภอกระทู้ ศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการผ่านหมายเลข1669 ได้เตรียมพร้อมดูแลตลอด 24 ชม. และยังมีคณะทำงานวิเคราะห์สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุทางถนน เพื่อสอบสวนสาเหตุพฤติกรรมเสี่ยงและจุดเสี่ยงในพื้นที่ 

ด้าน อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยฝ่ายปกครองตำรวจ สน.ชนะสงคราม และเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตพระนคร ลงพื้นที่ตรวจสอบ สถานบันเทิงถนนข้าวสารเมื่อคืนนี้ สำรวจความพร้อม ร้านที่ได้รับอนุญาตให้เปิดบริการได้ถึงตี 4 ซึ่งมีจำนวน 4 ร้าน 

อนุทิน เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบแต่ละร้าน ผู้ประกอบการให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี การลงพื้นที่เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว และเน้นย้ำให้ผู้ประกอบการ ตรวจสอบดูว่า มีบุคคลอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าไปใช้บริการหรือไม่ รวมทั้งเรื่องยาเสพติด และอาวุธ โดยมีหน่วยงานทุกภาคส่วนบูรณาการร่วมกันเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ จากการพูดคุยกับผู้ค้า พบว่าหลายร้านมีรายได้เพิ่มขึ้น แม้จะเพิ่งมีนโยบายได้เพียง 2 วันพร้อมทั้ง เตรียมพิจารณาร้านอื่นๆ ที่จะขออนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย หรือทำให้เป็นพื้นที่เขตเศรษฐกิจ จะต้องดูหลายองค์ประกอบ เช่น ผู้ประกอบการ และนักท่องเที่ยวให้ความร่วมมือตามกฎหมายหรือไม่ โดยรวมเป็นไปในทางที่ดี ทุกฝ่ายให้ความร่วมมือ ในอนาคตยังคงเดินทางไปสุ่มสำรวจตามร้านที่ได้รับอนุญาต ทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด แต่ไม่ขอเปิดเผย

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active