กมธ.คมนาคม วุฒิสภา เรียกผู้เกี่ยวข้อง แจงปม รถบัสไฟไหม้

เผย รองอธิบดีกรมการขนส่งฯ ตอบไม่ได้รถบัสคันเกิดเหตุ เปลี่ยนเครื่องยนต์จากดีเซล เป็นก๊าซ CNG เมื่อไร ขณะที่ ‘ซูเปอร์โพล’ ระบุ ประชาชนส่วนใหญ่ยังหนุนกิจกรรม ‘ทัศนศึกษา’ เห็นพ้อง รัฐต้องเร่งปฏิรูปความปลอดภัยการเดินทางทั้งระบบ

วันนี้ (7 ต.ค. 67) ผู้สื่อข่าว Thai PBS รายงานว่า คณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา มีวาระเพื่อพิจารณากรณีเหตุไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษานักเรียน โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม จ.อุทัยธานี โดยได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจง ประกอบด้วย กรมการขนส่งทางบก, กระทรวงคมนาคม, กระทรวงศึกษาธิการ, สมาคมผู้ประกอบการรถขนส่งทั่วไทย, ศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน และ มูลนิธินโยบายถนนปลอดภัย

เสกสม อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เข้าชี้แจงแทนอธิบดีกรมขนส่งทางบก ที่ติดประชุมกับนายกรัฐมนตรีเรื่องความปลอดภัยทางถนน โดยในช่วงแรก ได้ไล่เลียงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงข้อมูลของบริษัทเจ้าของรถบัส และคนขับรถว่ามีใบอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฏหมาย ขณะที่ส่วนของตัวรถมีการจดทะเบียน 2 ครั้ง คือ ปี 2513 และจดทะเบียนใหม่ในปี 2561 หลังจากมีการดัดแปลงโครงคัสซี่ ขนาดสัดส่วน จำนวนที่นั่ง และตัวถัง ซึ่งทางบริษัทได้มีการทำประกันอุบัติเหตุไว้กับ บริษัท มิตรแท้ประกันภัยและ วิริยะ ประกันภัย

โดย วุฒิชาติ กัลยาณมิตร สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการฯ ได้สอบถามถึงการจดทะเบียนรถคันเกิดเหตุในครั้งแรกเป็นการจดทะเบียนใช้ชนิดเชื้อเพลิงก๊าซ CNG หรือไม่ รองอธิบดีกรมขนส่งทางบก ชี้แจงว่า ในครั้งแรกจดทะเบียนใช้เครื่องยนต์ดีเซล แต่ไม่มีข้อมูลว่ามีการขอเปลี่ยนเป็นใช้ระบบก๊าซ CNG เมื่อไร

จากนั้น วุฒิชาติ ยังสอบถามถึงการจ่ายเงินของบริษัทประกันภัยทั้ง 2 แห่ง ว่า ขณะนี้ได้จ่ายเงินให้กับครอบครัวผู้สูญเสียแล้วหรือไม่ ซึ่ง รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ชี้แจงว่า ขณะนี้ทางบริษัทมิตรแท้ ประกันภัย ได้จ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว ส่วนบริษัทวิริยะ ประกันภัยอยู่ในระหว่างดำเนินการตรวจสอบเอกสาร แต่เชื่อว่าจะต้องสั่งจ่ายตามที่บริษัทการทำประกันภัยไว้อย่างแน่นอน

นอกจากนี้ยังมีเงินเยียวยาจากกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย ของสำนักนายกรัฐมนตรีให้การช่วยเหลือเพิ่มเติมด้วย

โพล ย้ำ ประชาชนหนุน ‘ทัศนศึกษา’

ก่อนหน้านี้ สำนักวิจัย ซูเปอร์โพล นำเสนอผลสำรวจเรื่อง “ความปลอดภัยรถทัศนศึกษา ใครต้องรับผิดชอบ” กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) โดยมีประชาชนทั่วไปผู้ตอบแบบสอบถามรวมทั้งสิ้น 1,006 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 4 – 5 ต.ค. 67 ที่ผ่านมา

โดยผลสำรวจจากสำนักวิจัยซูเปอร์โพล มีการตั้งคำถามเกี่ยวกับ ความปลอดภัยรถทัศนศึกษา และการรับผิดชอบของแต่ละหน่วยงาน ได้แก่ ความต้องการหาสาเหตุของการเกิดเหตุไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษา, การมองความจำเป็นของทัศนศึกษานอกสถานที่, ความรับผิดชอบของหน่วยงานต่าง ๆ, มาตรการป้องกัน และแก้ไขปัญหาความไม่ปลอดภัยของรถทัศนศึกษา และ ความต้องการให้มีการปฏิรูปความปลอดภัยการเดินทางระบบ โดยสรุปผลสำรวจ ดังนี้

  1. ต้องการให้ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งหาสาเหตุไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษาของโรงเรียน พบว่า 98% ของผู้ตอบแบบสอบถามที่ต้องการให้มีการหาสาเหตุ

2. ความจำเป็นต้องมีทัศนศึกษานอกสถานที่ ผู้ตอบแบบสอบถาม 66.8% ยังมองว่าจำเป็นต้องมีทัศนศึกษานอกสถานที่


3. ความรับผิดชอบของหน่วยงานต่าง ๆ ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ 81.4% ระบุว่าเจ้าของรถบัสทัศนศึกษา และ 79.9% เห็นว่าโรงเรียนที่จัดทัศนศึกษามีความรับผิดชอบสูงสุดต่อความปลอดภัย


4. มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหา มีความต้องการสูงให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันตรวจสอบความปลอดภัยและเตรียมมาตรการรับมือฉุกเฉิน


5. ความต้องการให้ปฏิรูปความปลอดภัยในการเดินทางทั้งระบบ 99.2% ของผู้ตอบแบบสอบถามที่ต้องการให้มีการปฏิรูปความปลอดภัยในการเดินทางทั้งระบบเพื่อครอบคลุมทุกกลุ่มไม่จำกัดเฉพาะนักเรียน

ข้อเสนอแนะ จาก ซูเปอร์โพล

  1. ควรมีการตรวจสอบความพร้อมของรถทัศนศึกษาอย่างสม่ำเสมอและใช้ขั้นตอนมาตรฐานในการประเมินความเสี่ยงก่อนการเดินทาง

  2. ควรมีการอบรมพนักงานขับรถ คณะครู และนักเรียนเกี่ยวกับมาตรฐานความปลอดภัยและการเตรียมพร้อมรับมือฉุกเฉิน

  3. รัฐบาล แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรพิจารณาการปฏิรูประบบความปลอดภัยการเดินทางโดยรวม เพื่อให้ครอบคลุมทุกกลุ่มและทุกสถานการณ์การเดินทาง ไม่ใช่เฉพาะกลุ่มนักเรียนเท่านั้น

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active