กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี ร้องผู้ว่าฯ ชี้ ไม่ควรฉวยโอกาสอ้างปุ๋ยแพงต้องทำเหมืองโปแตช ในขณะที่ปัญหาเก่ายังค้างคา แนะรอศาลปกครองสูงสุดตัดสินก่อนดำเนินการต่อ ย้ำต้องรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสีย ตามหลักเกณฑ์และขั้นตอน
วันนี้ (20 มิ.ย. 65) เวลา 09.30 น. กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี เดินทางเข้ายื่นหนังสือพร้อมด้วย 2,586 รายชื่อ ถึงผู้ว่าราชการ จังหวัดอุดรธานี เพื่อคัดค้านการออกประทานบัตร ของบริษัท เอเซีย แปซิฟิค โปแตช คอร์ปอเรชั่น เนื่องจากมีกระแสข่าวว่ารัฐบาลมีแผนและนโยบายที่จะเร่งผลักดันให้ประทานบัตรแก่บริษัทฯ ทำเหมืองแร่โปแตช จ.อุดรธานี อีกครั้ง เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาปุ๋ยที่มีราคาแพงอยู่ในขณะนี้
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2022/06/287267416_356610999918149_3610058099557319886_n-1024x683.jpg)
ก่อนหหน้านี้ มีการยื่นคำขอประทานบัตรทำเหมืองใต้ดิน ตั้งแต่ปี 2547 (คำขอที่ 1/2547-4/2547) ตาม พ.ร.บ.แร่ พ.ศ.2545 บนเนื้อที่กว่า 26,400 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 2 อำเภอ 5 ตำบล ได้แก่ ต.หนองไผ่, ต.โนนสูง, ต.หนองขอนกว้าง อ.เมืองอุดรธานี, ต.นาม่วง และ ต.ห้วยสามพาด อ.ประจักษ์ศิลปาคม แต่ถูกกระแสคัดค้านจากชาวบ้านในพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง
กระทั่ง มีกลุ่มชาวบ้านได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองอุดรธานี เพื่อขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือมีคำสั่ง เพิกถอนรายงานในใบไต่สวน ทั้ง 4 คำขอ ตามประทานบัตร และเพิกถอนกระบวนการขั้นตอนที่มีการดำเนินการต่อเนื่องตามรายงานในใบไต่สวน โดยศาลปกครองอุดรธานี มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 30 มี.ค. 2561 ให้เพิกถอนรายงานใบไต่สวนตามคำขอประทานบัตรทั้ง 4 คำขอ เนื่องจากเป็นการทำรายงานที่ไม่ถูกต้องและที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และให้กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ และอุตสาหกรรมจังหวัดอุดรธานี พิจารณาคำขอประทานบัตรของบริษัทเอเชีย แปซิฟิก โปแตซ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ใหม่
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.แร่ พ.ศ. 2560 (ฉบับปัจจุบัน) และ สภา อบต.ห้วยสามพาด เคยมีมติไม่เห็นชอบกับโครงการฯ ด้วยคะแนน 12 ต่อ 9 เสียง เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2558 ซึ่งส่งผลให้การออกประทานบัตรหยุดชะงัก และขณะนี้ คดียังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด ดังนั้น นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ และผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ควรรอให้ศาลปกครองสูงสุดตัดสินคดีถึงที่สุดเสียก่อน
ทั้งนี้ บริษัทฯ จะต้องดำเนินการตามประกาศการขอประทานบัตร จัดรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสีย และประชุมปรึกษาเบื้องต้นกับผู้มีส่วนได้เสียให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และขั้นตอนที่กำหนดไว้ในมาตรา 56, 82 และ 68 แห่ง พ.ร.บ.แร่ พ.ศ.2560 ใหม่ทั้งหมด หรือเฉพาะส่วนที่แตกต่างจากที่ พ.ร.บ.แร่ พ.ศ.2560 กำหนดไว้ แต่ บริษัทฯ ยังไม่มีการดำเนินการให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.แร่ พ.ศ.2560 แต่อย่างใด
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2022/06/284830270_579804630256154_528704498206654133_n-1024x683.jpg)
พิกุลทอง โทธุโย แกนนำกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม อุดรธานี กล่าวว่า จากกรณีเหมืองแร่โปแตช อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ที่กำลังมีผลกระทบต่อชุมชน ทำให้เห็นว่า เหมืองแร่ไม่ได้สร้างความเจริญแก่ชุมชน แต่ได้สร้างความเดือดร้อนและผลกระทบที่หน่วยงานรัฐและบริษัทก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ซ้ำกำลังผลักดันที่ จังหวัดอุดรธานีอีก การกระทำเช่นนี้รัฐบาลและนายทุนไม่ควรฉวยโอกาส และอ้างว่าการกระทำนี้เพื่อแก้ปัญหาปุ๋ยมีราคาแพงแล้วจะต้องทำเหมืองแร่โปแตช เพราะปัญหาเก่าที่ค้างคาอยู่ก็ยังแก้ไม่ได้
“ฉันทามติของชาวบ้านในพื้นที่ ผ่านการประชุมสภา อบต.ห้วยสามพาดแล้วว่า ไม่เห็นชอบกับโครงการฯ ดังนั้น หากวันใดมีข่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรม หรือ ครม. นำเรื่องประทานบัตรเหมืองแร่โปแตชอุดรธานี เข้าสู่วาระการพิจารณาให้ใบอนุญาตแก่ผู้ประกอบการ วันนั้นพวกท่านจะเจอกับการคัดค้านของกลุ่มอนุรักษ์ฯ ที่กรุงเทพฯ อย่างแน่นอน”
พิกุลทอง โทธุโย แกนนำกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี
พิกุลทอง ยังกล่าวอีกว่า นอกจากการยื่นหนังสือกับผู้ว่าราชการแล้ว จะส่งจดหมายพร้อมรายชื่อคัดค้านของชาวบ้านทางไปรษณีย์ ถึงนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ด้วย
ขณะที่ เพจ เหมืองแร่ ชัยภูมิ ระบุเมื่อ 17 พ.ค. 2565 กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดด่านขุนทด เดินทางมายื่นหนังสือต่อนายอำเภอด่านขุนทด เรียกร้องให้มีการแก้ไขปัญหาเหมืองแร่โปแตช ในพื้นที่ 3 ตำบล ตำบลหนองไทรตำบลหนองบัวตะเกียด และตำบลโนนเมืองพัฒนา อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา โดยขอให้มีคําสั่งให้ตรวจสอบผลกระทบ พร้อมจ่ายค่าชดเชยเยียวยาผลกระทบจากการทําเหมือง และปรับปรุงแก้ไขโครงการ ไม่ให้สร้างผลกระทบอีกในอนาคต