“คนไร้บ้าน” ป่วยทางจิตพุ่ง เตรียมระบบเฝ้าระวัง ดูแล “ผู้ป่วยจิตเวชไร้ที่พึ่ง”

5 หน่วยงานจับมือ เชื่อมโยงข้อมูล ระบุตัวตนของผู้ป่วยจิตเวชเร่ร่อนในที่สาธารณะ เร่งสร้างกระบวนการดูแล – ส่งกลับ – ฟื้นฟู

เมื่อวันที่ 22 ม.ค. 67 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ กรมสุขภาพจิต, กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ, กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ และ มูลนิธิกระจกเงา ลงนามความร่วมมือ (MOU) “การพัฒนาระบบ เฝ้าระวัง และดูแลผู้ป่วยจิตเวชไร้ที่พึ่ง” เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลคนไร้ที่พึ่ง คนไร้บ้าน และผู้รับบริการในสถานพยาบาล และข้อมูลคนหาย/ผู้ป่วยข้างถนน เพื่อติดตามสืบค้นประวัติ ครอบครัว และภูมิลำเนาเดิม ต่อยอดสู่การบูรณาการเพื่อป้องกันการเข้าสู่ภาวะไร้บ้านของผู้ป่วยทางจิต

นพ.ศิริศักดิ์ ธิติดิลกรัตน์ รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต บอกว่า จากผลการดำเนินงานดูแลและงานวิจัยผู้ป่วยจิตเวชไร้บ้าน พบว่า ยังมีผู้ป่วยจิตเวชไร้ที่พึ่งจำนวนหนึ่งเร่ร่อนในที่สาธารณะ และขาดโอกาสเข้าถึงบริการสาธารณสุข ซึ่งมีหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชน พัฒนาระบบและจัดให้บริการผู้ป่วยจิตเวชกลุ่มดังกล่าว ให้สามารถระบุตัวตนของผู้ป่วยจิตเวชเร่ร่อนในที่สาธารณะได้ และนำเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา รวมถึงการตามหาญาติหรือส่งกลับสู่บ้านได้ 

ดังนั้น หากทุกหน่วยได้ประสานและดำเนินงานร่วมกัน จะช่วยให้ดำเนินงานมีความคล่องตัว ประสานและแลกเปลี่ยนข้อมูลการดูแลผู้ป่วยจิตเวชอย่างไร้รอยต่อ ออกแบบระบบเฝ้าระวังและดูแลผู้ป่วยจิตเวชไร้ที่พึ่ง และร่วมผลักดันการทำงานให้เป็นประโยชน์ต่อระบบบริการฟื้นฟูสมรรถภาพทางจิตเวชของประเทศไทย เกิดประโยชน์ทั้งต่อผู้ปฏิบัติงานและผู้ป่วยจิตเวชต่อไป

ขณะที่ นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุน สสส. ระบุว่า การสำรวจคนไร้บ้านทั่วประเทศ ในปี 2566 พบ คนไร้บ้านมีปัญหาสุขภาพจิตที่เห็นได้ชัด ประมาณ 19% ของทั้งประเทศ จากการทำงานของเครือข่ายด้านคนไร้บ้าน พบข้อมูลที่ตรงกันว่า คนไร้บ้านที่มีปัญหาสุขภาพจิตส่วนใหญ่ เป็นผู้ป่วยทางจิตอยู่เดิมก่อนจะเข้าสู่ภาวะไร้บ้าน สาเหตุเกิดจากการหลุดหายจากครอบครัว และขาดกระบวนการดูแลในระยะยาว 

“ที่ผ่านมาได้เน้นประเด็นป้องกันการเข้าสู่ภาวะไร้บ้าน ทำให้จำนวนคนไร้บ้านเพิ่มขึ้นไม่มาก และมีอัตราค่อนข้างคงที่ แต่ความท้าทายสำคัญในปัจจุบัน คือ คนไร้บ้านที่มีปัญหาสุขภาพจิตที่เห็นได้ชัด มีแนวโน้มเพิ่มจากประมาณ 10% ในปี 2559 มาเป็น 19% จึงจำเป็นต้องมีวิธีการทำงานเพื่อป้องกันในอีกรูปแบบที่มีความเฉพาะ”  

นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์

สำหรับ MOU ครั้งนี้ มีความสำคัญที่จะเชื่อมโยงข้อมูลระหว่าง มูลนิธิกระจกเงา ที่ดูแลข้อมูลคนหาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยทางจิต ข้อมูลผู้รับบริการในสถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง และสถานสงเคราะห์คนพิการบ้านกึ่งวิถี ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รวมถึงข้อมูลผู้ป่วยของสถานพยาบาล สังกัดกรมสุขภาพจิต เพื่อสืบค้นประวัติ ครอบครัว ภูมิลำเนาเดิมของคนไร้บ้าน/คนไร้ที่พึ่ง สร้างกระบวนการส่งกลับ ดูแล และฟื้นฟูคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยเพื่อสังคมในอนาคต

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active