ประธาน กป.อพช. ร้อง ”บิ๊กโจ๊ก” เร่งสางปมที่ดินเกาะหลีเป๊ะ

‘สมบูรณ์ คำแหง’ ทำจดหมายเปิดผนึก เรียกร้องให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หลังได้รับแต่งตั้งเป็น ประธานคกก.แก้ไขปัญหาที่ดินเกาะหลีเป๊ะ แก้ไขปัญหาการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ

วันนี้ (16 ธ.ค.2565)  สมบูรณ์ คำแหง ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน(กป.อพช.) โพสต์ผ่าน Facebook ส่วนตัว ระบุจดหมายเปิดผนึกถึง บิ๊กโจ๊ก หรือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หลัง อนุชา นาคาศัย รัฐมตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยเตรียมเสนอนายกรัฐมนตรีให้แต่งตั้ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ นั่งประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดินเกาะหลีเป๊ะ 

โดยมีรายละเอียดว่า ทราบข่าวว่ารัฐบาลจะแต่งตั้งท่านเป็นประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดินบนเกาะหลีเป๊ะ ตนในฐานะคนจังหวัดสตูลที่ติดตามเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง จึงขอสื่อสารถึง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ผ่านช่องทางนี้ทั้งที่ไม่มั่นใจว่าท่านและคณะจะสามารถแก้ปัญหาที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนบนเกาะแห่งนี้ได้จริงแค่ไหน ด้วยเพราะเป็นปัญหาที่ถูกสะสมมายาวนาน แต่อย่างไรก็ตามคงต้องให้โอกาสท่านได้แสดงฝีมืออย่างเต็มที่ อาจจะด้วยเชิงชั้นการทำงานของท่านในยุคปัจจุบัน ที่มีความโดดเด่นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งยังได้รับความไว้วางใจจากฝ่ายการเมือง (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ) มอบหมายงานสำคัญให้ตลอด

จึงขอให้ภาพสถานการณ์และข้อเสนอเบื้องต้นต่อเรื่องราวในเกาะหลีเป๊ะให้ทราบ ซึ่งจากการสนับสนุนการท่องเที่ยวอย่างไร้ทิศทางของจังหวัดสตูลในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา โดยหวังให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประชาชนในพื้นที่และกับประเทศชาติโดยรวม และมุ่งเน้นการสร้างรายได้และผลกำไรเพียงด้านเดียว ได้กลายเป็นแรงส่งด้านมืดให้เกิดกลุ่มทุนสีเทาที่เห็นช่องทางผลประโยชน์จากการซื้อขายที่ดินที่เชื่อมโยงกับอิทธิพลทั้งภายนอกภายใน เข้าแย่งยึดที่ดินในเกาะแทบจะทุกหย่อมย่านจนไม่เหลือกระทั่งที่อยู่ของกลุ่มชาติพันธุ์ดั้งเดิมที่อยู่กันมานานนับร้อยปี และนี่คือต้นเหตุของปัญหาต่าง ๆ ที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน

เรื่องสำคัญที่ต้องทราบและเข้าใจอีกเรื่องหนึ่งคือ กลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลอูรักลาโว้ย คือเจ้าถิ่นตัวจริง  เพราะพวกเขาคือผู้ที่ยืนยันว่าเกาะหลีเป๊ะเป็นของรัฐไทย โดยแสดงเจตจำนงที่จะอยู่กับรัฐสยาม ในสมัยที่มีการทำข้อตกลงแบ่งปันเขตแดนกับรัฐมาลายู หรือประเทศมาเลเซีย ที่อยู่ภายใต้การปกครองของประเทศอังกฤษในขณะนั้น ซึ่งสามารถค้นหาหลักฐานนี้ได้ไม่ยาก และหลังจากนั้นได้มีการส่งฝ่ายปกครองเข้าไปดูแลรักษาเกาะหลีเป๊ะในฐานะส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรเรื่อยมา

“จนมาถึงยุคที่กำนันท่านหนึ่ง ถูกส่งตัวเข้าไปดูแลปกครองเกาะหลีเป๊ะ ได้เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการเข้าไปจัดการเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดินแทนแทนชาวบ้านในขณะนั้น ด้วยเพราะความไม่รู้ ไม่เข้าใจหนังสือและภาษาทางกฏหมายของรัฐไทย ประกอบกับความห่างไกลของพื้นที่ จึงไว้วางใจให้กำนันผู้นั้นทำการแทนพวกตนแทบทุกเรื่องซึ่งรวมถึงกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่อยู่อาศัยของชาวเลทุกคนด้วยความไม่รู้เท่าทัน  และนี้คือปฐมฤกษ์ของปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ และถือเป็นจุดเริ่มต้นการเอารัดเอาเปรียบและการละเมิดสิทธิ์อย่างร้ายแรงในยุคนั้น “

จดหมายระบุ

ประวัติศาสตร์ดังกล่าวนั้น ไม่ได้ถูกบันทึกไว้ ทั้งที่คนดั้งเดิมมีการบอกเล่าเรื่องนี้ต่อกันเรื่อยมา และเป็นข้อมูลหนึ่งที่ลูกหลานชาวเลพยายามบอกเล่าให้หน่วยงานราชการได้รับทราบถึงข้อเท็จจริง แต่ก็ไร้ผล

เจ้าหน้าที่รัฐยุคปัจจุบัน ได้แต่อ้างความถูกต้องของกฏหมาย และสิทธิ์ของผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่เข้ามาครอบครองผืนดินแปลงแล้วแปลงเล่า ว่าเป็นสิทธิโดยชอบ แต่กลับละเลยไม่สนใจประวัติศาสตร์ความจริงของการถูกปล้นชิงผืนแผ่นดินของพี่น้องชาวเลเหล่านั้น 

ตนจึงอยากจะบอกว่า ปรากฏการณ์ปิดทางเข้าโรงเรียนที่เป็นข่าวในเวลานี้นั้น เป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของปัญหาที่ดำรงอยู่เท่านั้น การอาศัยกระบวนการของกฎหมายที่กลุ่มทุนสามารถเข้าถึงได้มากว่า โดยความไม่เท่าทันของชาวบ้าน คือกลวิธีที่ทำกันอย่างเป็นขบวนการที่มีเจ้าหน้าที่รัฐเป็นฟันเฟืองสำคัญอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ 

“ขบวนการใช้กฏหมายในลักษณะดังกล่าวนี้ ได้กลายเป็นปัญหาเพิ่มมากขึ้นในจังหวัดสตูล ที่กำลังลามรุกขึ้นมาบนฝั่งแผ่นดินใหญ่ อย่างเช่นกรณีที่ดินริมหาดปากบารา ซึ่งจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากไม่มีพนักงานเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง ด้วยการใช้อำนาจหน้าที่เอื้อและหาประโยชน์จากการกระทำดังกล่าว“

จดหมายระบุ 

ในจดหมายยังระบุด้วยว่า เหตุการณ์ครั้งนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญที่พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะได้แสดงฝีมือในการนำความจริงที่ถูกเบียดบังมานานนับหลายสิบปีให้เป็นที่ปรากฏต่อสังคมโดยรวม และถือเป็นการทวงคืนสิทธิ์ให้กับพี่น้องชาวเลที่ถูกปล้นชิงไปอย่างยาวนานให้กลับคืนมา เพื่อให้เขาได้เป็นเจ้าถิ่นดินแดนอย่างมีศักดิ์ศรี หาใช่เป็นแค่ส่วนเกินของความเจริญในความหมายแห่งยุคสมัยที่กำลังบิดเบี้ยวเช่นนี้

“ผมเชื่อว่าท่านคงจะอ่านสถานการณ์ที่ผมได้บอกเล่าไปเบื้องต้นนี้ได้ไม่ยากนัก และพอที่จะสืบค้นข้อเท็จจริงที่มีอยู่ได้โดยง่าย จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า หากท่านได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาลให้มาแก้ไขปัญหาเรื่องนี้จริง ท่านก็จะถูกจับตาและถูกคาดหวังจากพวกเราขาวสตูลและคนไทยทั้งประเทศที่เฝ้าติดตามเรื่องนี้อยู่โดยปริยาย ซึ่งคงต้องให้กำลังใจท่านและคณะเป็นการเบื้องต้น ให้สามารถใช้อำนาจหน้าที่ของท่านดำเนินการเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา และต้องไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมใดทั้งสิ้น มิเช่นนั้นแล้วคงจะยากที่จะแก้ปัญหาได้จริง ขณะเดียวกันก็จะมีคนคอยถมทับท่านเช่นเดียวกัน หากไม่สามารถทำอะไรให้ดีขึ้นได้จริง“ 

จดหมายระบุ

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active