ไทยพีบีเอส จัดกิจกรรม “Open House” เปิดบ้านไทยพีบีเอส ในวาระครบรอบ 15 ปี ประกาศคำมั่นสัญญาก้าวต่อไปของการเป็นสื่อสาธารณะเพื่อประชาชน พร้อมเปิดตัว “Policy Watch” แพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อสร้างการมีส่วนร่วม ปิดช่องว่างระหว่างนโยบายและสาธารณะ และเวทีแสดงทัศนะเกี่ยวกับนโยบายสาธารณะที่มีความเป็นประชาธิปไตย
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2023/12/LINE_ALBUM_Open-House-2023_231215_1-1-1024x684.jpg)
วันนี้ (15 ธ.ค. 2566) ที่องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย หรือ ส.ส.ท. (Thai PBS) จัดกิจกรรม “Open House” เปิดบ้านไทยพีบีเอส ในวาระครบรอบ 15 ปี และเปิดตัวแฟลตฟอร์มใหม่ Policy Watch พื้นที่เพื่อการมีส่วนร่วมและขับเคลื่อนนโยบายให้มีความเป็นประชาธิปไตย พร้อมเวทีเสนอทิศทางการติดตามนโยบายสาธารณะโดยตัวแทนภาคการเมืองฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน นักวิชาการนโยบายสาธารณะ สื่อ และประชาชน
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2023/12/LINE_ALBUM_Open-House-2023_231215_2-1024x684.jpg)
รศ.วิลาสินี พิพิธกุล ผู้อำนวยการ ส.ส.ท. กล่าวว่า การจัดงานเปิดบ้านครั้งนี้ เพื่อเป็นการขอบคุณประชาชนสนับสนุนการทำงานเพื่อสังคมของไทยพีบีเอสมาโดยตลอด ซึ่งที่ผ่านมาได้มีความพยายามในการพัฒนา แก้ไขข้อผิดพลาด จากสื่อที่ทำทีวีช่องเดียว สู่การเป็นสื่อที่มีหลากหลายช่องทาง รวมทั้งการใช้ AI มาพัฒนา ให้เข้าถึงประชาชนมาขึ้น โดยในวาระครบรอบ 15 ปี มีคำมั่นสัญญาจากไทยพีบีเอส สู่พี่น้องประชาชน 5 เรื่อง คือ
- One Thai PBS เชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียว เข้าถึงเนื้อหาเราในหนึ่งเดียว
- More than TV การเป็นมากกว่าสื่อโทรทัศน์ คือจะเป็นสื่อที่ชวนสังคมเดินไปข้างหน้า เป็นสื่อเพื่อร่วมหาทางออกให้สังคมอย่างสร้างสรรค์ เป็นพื้นที่ขับเคลื่อนประเด็นสาธารณะร่วมกัน และเตรียมประกาศวาระทางสังคม ร่วมขับเคลื่อนกับทุกภาคส่วน โดยเฉพาะ “สุขภาวะทางจิต” และผลักดันให้เป็นนโยบายสาธารณะ ผ่านกลไกของ “Policy Watch”
- Thai Originals ภาคภูมิไทย คือเป็นส่วนหนึ่งในการนำความภาคภูมิใจของท้องถิ่น ความภาคภูมิใจของประเทศเคลื่อนสู่สากล นำเนื้อหาที่สร้างสรรค์ไปสู่พลังขับเคลื่อนทางวัฒนธรรม ส่วนหนึ่งของ Sofe Power
- Global Citizen เตรียมความพร้อมสู่การเป็นพลเมืองโลก โดยเทคโนโลยีในทำงาน สร้างระบบนิเวศสื่อสาธารณะและท้องถิ่นให้มีความเข้มแข็งยืนได้ด้วยตัวเอง
- Connecting the Nation สานต่อคุณค่า เชื่อมต่อความหลากหลาย ทำงานร่วมกันในโครงการ Policy Watch
“ปี 2567 เป็นปีที่เราจะทำตามเจตจำนงที่เราเคยประกาศไว้จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง คือการเป็นสื่อที่สร้างสังคมที่วางใจได้ การเป็นสื่อที่สร้างความเข้มแข็งในภาคพลเมือง และนำไปสู่สังคมที่ยังยืน … ภาพ Jenga (เกมตึกถล่ม) เปรียบได้กับไทยพีบีเอส ที่เราอยู่ตรงนี้ เราเป็นจิ๊กซอว์สำคัญ ถ้าดึงเราออกตึกนี้ก็ล้ม แต่ถ้าใส่เราไว้และช่วยกันประกอบสร้างให้ตึกนี้แข็งแรงมากขึ้น เชื่อว่าสังคมไทยก็จะแข็งแรง”
รศ.วิลาสินี พิพิธกุล
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2023/12/LINE_ALBUM_Open-House-2023_231215_20-1024x683.jpg)
ผศ.ธีรพัฒน์ อังศุชวาล นักวิชาการนโยบายสาธารณะ กล่าวถึง การสื่อสารนโยบายสาธารณะ ว่า การสื่อสาร คือ การตีความ การถอดรหัสการสื่อสารทำให้เกิดความเข้าใจซึ่งกันและกัน ซึ่งการสื่อสาร กับนโยบายสาธารณะเป็นสิ่งที่ยึดโยงกัน ที่เราต้องสร้างความหมาย ควรให้ความสำคัญว่านโยบายนั้นทำอย่างไร แก้ปัญหาอย่างไร โดยที่ผ่านมาการสื่อสารนโยบาย “มีช่องว่าง” เป็นการสื่อสารแบบเดิมที่เป็นไปเพื่อเผยแพร่ข้อมูลนโยบายเท่านั้น คนกำหนดคือผู้เขียนนโยบายหรือผู้มีอำนาจ ประชาชนเป็นเพียง “ผู้รับและปฏิบัติตาม” สื่อ เป็นผู้นำส่ง ทำให้เป็นความสัมพันธ์ “เชิงอุปถัมภ์” ส่วนการสื่อสารแบบใหม่ผ่าน Policy Watch ที่เน้นการสื่อสารที่มีการสร้างความสัมพันธ์อย่างมีส่วนร่วม โดย สื่อ มีหน้าที่ตีความนโยบายเพื่อให้ความหมายของนโยบายเป็นไปเพื่อประโยชน์ของประชาชนให้มากที่สุด จะเกิดเป็นความสัมพันธ์ที่มีความ “เป็นประชาธิปไตย” มากยิ่งขึ้น
“อะไรที่จะตอบโจทย์ คือ สื่อใหม่ เรียกว่า แพลตฟอร์มที่มีลักษณะสำคัญพิเศษ คือ เป็นสะพานเชื่อม ที่จะไปเติมเต็มช่องว่างระหว่างภาคส่วนนโยบายและสาธารณะ มีการสร้างความหมายร่วมกัน สร้างวัฒนธรรมการมีส่วนร่วม วางบนหลักการทำงานอย่างมีส่วนร่วมให้คนมีโอกาส นอกจากรับดูรับชม แต่มีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้น และขับเคลื่อนด้วยข้อมูลไม่ใช่ข้อมูลเชิงตัวเลข สถิติ แต่เป็นข้อมูลจากพื้นที่ จากนักวิชาการ”
ผศ.ธีรพัฒน์ อังศุชวาล
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2023/12/LINE_ALBUM_Open-House-2023_231215_14-1024x681.jpg)
ด้านภาคประชาชน พฤ โอ่โดเชา นักข่าวพลเมือง ชาวปกาเกอะญอ กล่าวถึงประเด็นประชาชนกับการมีส่วนร่วมในนโยบายสาธารณะ ว่า นโยบายสาธารณะ ชื่อ “สาธารณะ” แต่รู้สึกว่า “ไม่เป็นสาธารณะ” ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา ทรัพยากร งบประมาณ การเข้าถึงชีวิตผู้คนไม่ทุกกลุ่ม โดยยกตัวอย่าง “นโยบายการหาปลา” และ “นโยบายล่าสัตว์” ของหมู่บ้านตนเองที่ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ ไปหาปลา ไปล่าสัตว์ ปลาหรือเนื้อที่ได้มาก็จะถูกแบ่งให้ทุกคนเท่า ๆ กัน ไม่มีใครได้มากกว่ากัน
“ก็คิดว่าทุนนิยมในประเทศไทยเรา คนที่มีมากก็มาก มันไม่เหมือนกับว่าเราได้งบประมาณ มาแล้วจะแบ่งปันกัน เหมือนอย่างในชุมชน ถ้านโยบายสาธารณะที่ดี ผมคิดว่าประชาชนต้องมีส่วนร่วมและจะไม่เหลื่อมล้ำสูงขนาดนี้”
พฤ โอ่โดเชา
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2023/12/LINE_ALBUM_Open-House-2023_231215_12-1024x683.jpg)
ด้านตัวแทนรัฐบาล เผ่าภูมิ โรจนสกุล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึง มิตินโยบายเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย คือ เป็นนโยบายเศรษฐกิจเชิงรุก มีนวัตกรรม และหลากหลาย เกิดเงินหมุนในระบบที่สูงตลอดเวลา โดยเปรียบเทียบเศรษฐกิจเป็นเค้ก และพยายามทำให้เค้กขยายใหญ่ขึ้น โดยพุ่งเป้าไปที่เกษตรกร ผู้รายได้น้อย คนรากหญ้า เพราะพรรคเพื่อไทยมีกำเนิดมาจากคนกลุ่มนี้ จึงพยายามลดความเหลื่อมล้ำ ลดช่องว่างให้ได้มากที่สุด โดยได้ถ่ายทอดลงสู่รัฐบาลและกระทรงการคลัง เน้นการทำให้มีเงินหมุนในระบบเศรษฐกิจ ทั้งในเชิงโครงสร้างและภาคประชาชน
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2023/12/LINE_ALBUM_Open-House-2023_231215_11-1024x683.jpg)
พริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึง รัฐสภากับการติดตามนโยบายรัฐบาล ว่าได้มีความพยายามเปลี่ยนจากสภาฯ เชิงรับ เป็น สภาฯ เชิงรุก ผ่านวาระสำคัญ 5 ด้าน คือ 1. การต่อสู้ทางความคิด โดยเฉพาะการเสนอกฎหมาย ที่แม้ว่าท้ายที่สุดจะไมผ่าน 3 วาระ แต่อย่างน้อยรัฐบาลจะผลักดันกฎหมายฉบับรัฐบาลประกอบ แม้ว่าเนื้อหาอาจจะไม่เหมือนกันทั้งหมด แต่อย่างน้อยก็เกิดการผลักดันเรื่องนั้นขึ้นในสภาฯ เช่น พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม 2. การตรวจสอบย้อนหลังและล่วงหน้า 3. การตั้งคำถาม เสนอทางออก 4. ตลาดแข่งขันนโยบาย และ 5. ตัวกลางเชื่อมประชาชน
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2023/12/LINE_ALBUM_Open-House-2023_231215_9-1024x681.jpg)
ด้าน กริชผกา บุญเฟื่อง ผอ.สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า ในเรื่องของนโยบายสาธารณะ จะเห็นคำสัญคำหนึ่งนั่นคือ “การเปลี่ยนแปลง” เช่น การเปลี่ยนแปลงไปสู่การมีส่วนร่วม โดยเสนอว่า “นวัตกรรม” มีส่วนสำคัญและแทบจะทั้งหมด นวัตกรรมจะเป็นเรื่องของการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น และการที่ภาครัฐต้องทำนวัตกรรม เพื่อการใช้งบประมาณอย่างเกิดคุณค่า เพื่อการดึงดูดคนที่มีศักยภาพ เพื่อให้เกิดความสามารถในการแข็งขัน ทำให้ชุมชนและอุตสาหกรรมเติบโต และเกิดความน่าเชื่อถือ
“ประเทศไทย เป็นเหมือนต้นไม้ จะเติบโตอย่างไร จะเติบโตอย่างเข้มแข็งเป็นต้นไม้ที่รับฟังเสียงจากรากหญ้าทุกคน หรือเป็นต้นไม้ที่สนใจแต่ทุนนิยมเพียงอย่างเดียว ขึ้นอยู่กับการออกแบบ จะเห็นว่าเรามีรากแก้ว รากแขนง รากฝอย ถ้า 3 รากของต้นไม้เข้มแข็ง คือทุกภาคส่วนเข้มแข็ง ก็จะเติบโต นโยบายภาครัฐต้องเป็นนโยบายที่สะท้อนถึงรากหญ้า เมื่อเราเห็นสิ่งนี้ร่วมกัน เราจะเห็นว่านวัตกรรม การเกษตร ต้นไม้เติบโตอย่างไร ระบบนิเวศอย่างไร ให้น้ำอย่างไรถึงเหมาะสม นวัตกรรมทางด้านการเมืองก็เช่นเดียวกัน”
กริชผกา บุญเฟื่อง
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2023/12/LINE_ALBUM_Open-House-2023_231215_7-1024x683.jpg)
สุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชน กล่าวในหัวข้อ “สื่อสาธารณะกับการตรวจสอบกลไกนโยบายสาธารณะของรัฐ” ว่าการทำงานในการติดตามตรวจสอบนโยบายรัฐ แค่คำว่า “Policy Watch” อาจไม่เพียงพอ เพราะเชื่อว่า นักการเมืองไม่ได้กลัวการจับตาหรือตรวจสอบ โดยเสนอว่าในภาวะที่มีข้อมูลมหาศาล ใครก็เป็นสื่อได้ สิ่งสำคัญที่สื่อสาธารณะในฐานะสื่อหลักควรทำคือการจัดเก็บ Digital Footprint การรวมรวบสิ่งที่รัฐบาลพูดเกี่ยวกับวาระต่าง ๆ ในสังคม และทำให้เห็นว่าเวลาตั้งคำถามเราถามทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล การทำงานต้องสะท้อนให้เห็นภาพชัดเจนว่าในสิ่งที่รัฐบาลพูดหรือทำนั้นมีผลตามมาอย่างไร