กสศ. เผยผลวิจัยล่าสุด ปี 66 การศึกษายังเหลื่อมล้ำรุนแรง พบข้อมูลรายได้ครัวเรือนยากจนพิเศษเหลือ 34 บาทต่อวัน น้อยกว่าเกณฑ์สากล 80 บาท ขณะที่เด็กเล็กมีทักษะทางคณิต-การฟังลดลง ย้ำชัดว่าไทยลงทุนในเด็กไม่พอ แนะรัฐออกนโยบายลงทุนเพื่อการศึกษาในทุกช่วงวัย เพื่อยุติวงจรความจนข้ามรุ่น
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2023/10/aaa-a4-1024x683.jpg)
เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2566 กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) จัดสัมมนาทางวิชาการประจำปี “Equity Forum 2023 ทุนมนุษย์ยุติความเหลื่อมล้ำ” เพื่อรายงานสถานการณ์ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาปี 2566 ด้าน ไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ชี้ว่าเศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวได้น้อย ร่วมกับสถานการณ์เงินเฟ้อ เร่งให้ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษารุนแรงขึ้น เด็กที่จนอยู่แล้วก็ยิ่งหลุดออกจากระบบ แต่เด็กรวยก็มีโอกาสมากขึ้น ความเหลื่อมล้ำยิ่งถ่างกว้างมากขึ้นเป็นเหมือนรูป “ตัว K” และย้ำรัฐต้องดูแลครอบครัวเปราะบางก่อนสายเกินแก้
“เด็กที่มาจากครอบครัวที่มีความพร้อมมากกว่าจะสามารถฟื้นตัวจากภาวะถดถอยจากการเรียนรู้ได้มากกว่า และเด็กที่เข้าไม่ถึงโอกาสในการฟื้นฟูหรือหลุดจากระบบ จะกลายเป็นกลุ่มประชากรรุ่นที่สูญหายจากการเรียนรู้ (Lost Generation) หลักฐานเรื่องนี้ ยืนยันจากข้อค้นพบ ปัญหาทุนมนุษย์ช่วงวัยสำคัญ โดยเฉพาะกลุ่มยากจนด้อยโอกาส”
ไกรยส ภัทราวาท
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2023/10/ภาพถ่ายหน้าจอ-2566-10-26-เวลา-17.12.53-1024x537.png)
ไกรยส ระบุต่อไปว่า การพัฒนาทุนมนุษย์ในวันนี้จึงต้องเปลี่ยนไป ไม่ปล่อยให้เกิดการสูญเสีย หรือ เด็กเยาวชนให้หลุดออกจากระบบการศึกษา หรือไม่ได้รับการพัฒนาเต็มศักยภาพแม้แต่คนเดียว เพราะอัตราการเกิดที่ลดลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน เราจะเหลือเด็กเยาวชนให้ลงทุนได้น้อยลงทุก ๆ ปี ทุก ๆ วัน และนั่นหมายถึงโครงสร้างแรงงานและเศรษฐกิจในอนาคตจะสูญเสียแรงขับเคลื่อนสำคัญไปอย่างน่าเสียดาย
วงสัมมนาดังกล่าวเปิดเผยว่า เพื่อให้ไทยออกจากกับดักรายได้ปานกลาง ภายในปี 2579 รัฐจำเป็นต้องลงทุนในทุนมนุษย์ เพื่อบรรลุการเพิ่มรายได้เฉลี่ยต่อคน ให้ถึง 40% ทุนมนุษย์ที่เพิ่มขึ้นจะนำไปสู่ฐานภาษีที่กว้างและลึกขึ้น ทำให้ประเทศสามารถมีภาษีนำไปลงทุนโครงสร้างและหมุนเวียนได้มากขึ้น จากการประเมินขององค์การ UNESCO พบว่าหากประเทศไทยสามารถยุติปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา GDP ประเทศไทยจะมีการเจริญเติบโตมากขึ้น ถึง 3%
จากรายงานรายงานสถานการณ์ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาปี 2566 เปิดเผยว่ามีเด็กไทยอยู่ใต้เส้นความยากจนถึง 2.8 ล้านคน ในขณะที่ปี 2563 ตัวเลขยังไม่แตะหลักล้านด้วยซ้ำ และแม้จะมีนโยบายเรียนฟรี 15 ปี แต่ความยากจนยังเป็นอุปสรรคทำให้เด็กบางคนไม่สามารถมาเรียนได้ อยู่อย่างแร้นแค้น ไม่สามารถแบกรับภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาได้ นอกจากนี้ รายได้ของครัวเรือนยากจนและยากจนพิเศษปี 2566 ลดลงเหลือ 1,039 บาทต่อเดือน (ลดลง 0.48%) หรือวันละ 34 บาท ซึ่งน้อยกว่าเกณฑ์ความยากจนระดับนานาชาติประมาณ 80 บาท
วงสัมมนายังเปิดเผยอีกว่า ยิ่งการศึกษาระดับสูง โอกาสที่เด็กกลุ่มเปราะบางจะได้เรียนต่อก็น้อยลงเรื่อย ๆ ปี 2566 มีนักเรียนยากจนและยากจนพิเศษเพียง 1 ใน 10 คนเท่านั้นที่สามารถศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาได้สำเร็จ (21,921 คนหรือ 12.46%) ซึ่งต่ำกว่าค่าสถิติของทั้งประเทศมากกว่า 2 เท่า โดยค่าใช้จ่ายในการเข้ามหาวิทยาลัยคิดเป็น 12 เท่าของรายได้นักเรียนยากจนพิเศษ หรือราว 13,200 บาท – 29,000 บาท
ทาง กสศ. ได้รวบรวมข้อมูลจากการสัมภาษณ์นักเรียนยากจนพิเศษที่เข้าศึกษาต่อผ่านระบบ TCAS พบว่า “ทุนการศึกษาคือปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่การตัดสินใจเรียนต่อ” ขณะที่ค่าใช้จ่าย TCAS ถือว่าสูงเมื่อเทียบกับรายได้ของนักเรียนยากจนพิเศษ การสมัคร TCAS แต่ละรอบ/สาขา หมายถึงค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้น
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2023/10/aaa-a9-1024x683.jpg)
ด้าน รศ. วีระชาติ กิเลนทอง ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเพื่อการประเมินและออกแบบนโยบาย (RIPED) ระบุว่า ความพร้อมด้านการอ่านและคณิตของเด็กปฐมวัยยังน่าเป็นห่วง แนะเร่งช่วยเด็กที่มีปัญหาก่อนสายเกินแก้ เพราะจะส่งผลไปถึงตอนที่เด็กเรียนในระดับประถม ขณะที่ความพร้อมด้านความเข้าใจในการฟังอยู่ในระดับที่น่ากังวล มีเด็กปฐมวัยทั่วประเทศถึงร้อยละ 25 ที่มีความเข้าใจในการฟังต่ำมาก
“เราควรโฟกัสเด็กที่ไม่พร้อมโดยเฉพาะ เด็กที่ขัดสน มีโอกาสขาดความพร้อมสูงกว่า ควรให้ความสำคัญกับเด็กกลุ่มนี้มากเป็นพิเศษ เพราะเด็กกลุ่มนี้ต้องการความช่วยเหลือ และการช่วยเหลือเด็กกลุ่มนี้ก็ให้ผลตอบแทนส่วนเพิ่มที่สูงมากกว่าเด็กกลุ่มอื่น”
รศ. วีระชาติ กิเลนทอง
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2023/10/aaa-a27-1024x683.jpg)
เกียรติอนันต์ ล้วนแก้ว อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระบุว่า จากการเก็บข้อมูลนักเรียนชั้น ม.3 ทั่วประเทศ พบว่าเด็กสูญเสียความพร้อมด้านอาชีพ (Career Readiness Loss) จากการประเมิน Soft Skill ทั้ง 7 ด้าน ได้แก่
- ทักษะการคิดเชิงวิพากษ์
- ทักษะความคิดสร้างสรรค์
- ทักษะทุนทางจิตวิทยาเชิงบวก
- ทักษะการแก้ปัญหาทักษะความร่วมมือกัน
- ทักษะความฉลาดทางอารมณ์
- ทักษะการสื่อสารระหว่างบุคคล
โดยผลที่ได้ต่ำกว่าเกณฑ์ทั้งหมดลดลงถึง 30-50% โดยกลุ่มที่มีคะแนนทดสอบต่ำกว่าคะแนนเฉลี่ยมาจากครัวเรือนยากจน ขณะที่เด็กในโรงเรียนมัธยมทั่วไปจะลดลง 5-15% ดังนั้นถ้าเด็กยากจนกลุ่มนี้หลุดออกจากระบบการศึกษาจะมีชีวิตที่ลำบาก ไม่มีทักษะพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคต
“นี่เป็นสภาพของเด็กที่จะเจอปัญหาหนักที่สุด แต่กลับมีความสามารถในการรับมือกับปัญหาต่ำที่สุด”
เกียรติอนันต์ ล้วนแก้ว
เกียรติอนันต์ ยังระบุว่า การศึกษาขั้นพื้นฐานมีแรงผลักดันเพียงพอทำให้ทุนมนุษย์ของประเทศไทยนั้นดีกว่านี้ได้ รัฐต้องส่งทุกคนให้จบ ปวส. หรือมีทักษะเทียบเท่าคนจบ ปวส. เด็กจะได้รับทักษะทุนมนุษย์ระดับต้น ซึ่งอาจจะเป็นการยกระดับทักษะให้เทียบเท่า
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2023/10/aaa-a31-1024x683.jpg)
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2023/10/aaa-a3-1024x683.jpg)