ลุ้นทันใช้ก่อนสิ้นปี ภาคประชาชนยังหวัง “บุพการีลำดับแรก” ถูก สว.ให้ความสำคัญ
วันนี้ (30 มี.ค.67) เว็บไซต์สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา เผยแพร่ระเบียบวาระการประชุมวุฒิสภา ครั้งที่ 31 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันอังคารที่ 2 เมษายน พ.ศ.2567 เกี่ยวกับการพิจารณาวาระด่วน ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. หรือสมรสเท่าเทียม ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรลงมติเห็นชอบแล้ว (วุฒิสภาต้องพิจารณาให้เสร็จภายใน 60 วัน ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 136 นับแต่วันที่ 29 มีนาคม 2567)
“ด้วยประธานวุฒิสภามีคำสั่งให้บรรจุร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมาย แพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรลงมติเห็นชอบแล้ว เพิ่มเติมเป็นเรื่องด่วนที่ 3 ในระเบียบวาระการประชุมวุฒิสภา ครั้งที่ 31 (สมัยสำมัญประจำปีครั้งที่สอง) วันอังคารที่ 2 เมษายน 2567”
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2024/03/IMG_1488-973x1024.jpeg)
ทันทีที่ประกาศดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกมา เพจเฟซบุ๊ก มูลนิธิเพื่อสิทธิและความเป็นธรรมทางเพศ (for-sogi) ที่ทำงานขับเคลื่อนประเด็นสมรสเท่าเทียม และเป็นหนึ่งในคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาร่างฯ สมรสเท่าเทียม ในส่วนของภาคประชาชน ได้โพสต์แสดงความยินดี พร้อมชวนประชาชนติดตามว่ากฎหมายสมรสเท่าเทียม คู่รักหลากหลายทางเพศจะสามารถจดทะเบียนสมรสกันได้ภายในปีนี้หรือไม่
สำหรับเส้นทางของสมรสเท่าเทียม เมื่อเข้าสู่การพิจารณาในชั้นของวุฒิสภา หาก สว.รับหลักการแล้ว จะมีการตั้งคณะกรรมาธิการเพื่อศึกษาร่างฯ ฉบับดังกล่าวอีกครั้ง ก่อนจะเข้าสู่วาระ 2 และวาระ 3 เพื่อเสนอนายกรัฐตรีลงนามเพื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา มีผลบังคับใช้ใน 120 วัน
ขณะที่ความหวังการบัญญัติ “บุพการีลำดับแรก” ตามข้อเสนอในชั้นกมธ. วิสามัญเสียงข้างน้อย ซึ่งถูกตีตกไปในชั้นสภาผู้แทนราษฎรที่ผ่านมาแล้วนั้น ยังต้องลุ้นในชั้นวุฒิสภา หนึ่งคือ หากจะเห็นชอบตามมติของ สส. นั่นหมายความความว่า ความหวังการบัญญัติ “บุพการีลำดับแรก” จะถูกตีตกไปทันที หรือหากมีมติแก้ไขบางมาตราเพิ่มเติม จะส่งกลับไปให้ สส.พิจารณาใหม่ ในกรอบระยะเวลา 180 วัน
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2024/03/IMG_1489.jpeg)
ก่อนหน้านี้ The Active ได้พูดคุยกับ อนุพร อรุณรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา และที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ประจำ กมธ.การพัฒนาสังคมฯ วุฒิสภา กล่าวว่า ตนเองเชื่อว่าในชั้นของวุฒิสภา เปิดกว้างมากโดยเฉพาะ สว.ที่อาวุโส เวลานี้กำลังฟังข้อมูลจากสังคม ดังนั้นต้องขยายความสำคัญ หัวใจของกฎหมายฉบับนี้ให้ชั้นนิติบัญญัติ และสังคม เข้าใจไปในทิศทางเดียวกัน ตระหนักรู้ พร้อมเตรียมการที่จะโอบรับกับสิ่งที่เป็นสิ่งใหม่ของสังคมไทย เช่น ต่อไปจะมีครอบครัวเพศเดียวกัน มีสิทธิในครอบครัว สิทธิในมรดก สิทธิในตัวของเด็ก ฯลฯ ที่สังคมจะต้องรับรู้และรับทราบ โดยเฉพาะ ข้อมูลการศึกษา งานวิจัย รวมถึงข้อมูลทางการแพทย์ ของกลุ่ม LGBTQIAN+ ต้องถูกนำมาเปิดเผยให้มากขึ้น เพื่อสื่อสารสู่สังคมไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ที่สำคัญคือต้องไม่มองว่าคนรุ่นเก่าเป็นคนยึดติด หรือไม่พร้อมปรับเปลี่ยนตามกระแสสังคม
ขณะที่ความกังวลต่อ สว.ชุดปัจจุบันที่กำลังจะหมดวาระลงนั้น วัลลภ ตังคณานุรักษ์ ประธาน กมธ.การพัฒนาสังคมฯ วุฒิสภา กล่าวว่า แม้ สว.จะหมดวาระแล้ว แต่ยังสามารถรักษาการต่อจนกว่าจะได้ สว.ชุดใหม่ ซึ่ง สว.ชุดปัจจุบันยังสามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อได้ตามรัฐธรรมนูญ รวมถึงการโหวตผ่านร่างกฎหมาย ซึ่งที่ประชุมรัฐสภาฯ สมัยถัดไป คือในเดือน ก.ค. 67