“ธัญวัจน์” ชี้ รัฐขาดความเข้าใจเรื่องความหลากหลายทางเพศ กรณีเทียบ หลักการพ.ร.บ.สมรสเท่าเทียมใกล้เคียง ร่างพ.ร.บ.คู่ชีวิต แจงยังสามารถเสนอสู่สภาฯ เพื่อพิจารณาใหม่ได้
วันนี้ (30 มี.ค.65) ภายหลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติไม่รับร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม โดยให้เหตุผลว่าเนื้อหาคล้าย พ.ร.บ.คู่ชีวิต พร้อมผลักดันให้กระทรวงยุติธรรม และกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เดินหน้าศึกษาเพิ่มร่วมกับมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน เดือนเม.ย. นี้ ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะผู้เสนอร่างพระราชบัญญัติประมวลกฎหมายแพ่งเเละพาณิชย์ ป.พ.พ.1448 หรือ ร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม โพสต์เฟซบุ๊คส่วนตัว ว่า รู้สึกผิดหวังที่ ครม. มีอำนาจอยู่ในมือแต่ไม่คิดสร้างความเปลี่ยนแปลง รวมถึงสมรสเท่าเทียม (Marriage) และคู่ชีวิต (Civil Partnership) ไม่เท่ากัน ทั้ง สิทธิ ศักดิ์ศรี และ สวัสดิการ
“การให้ข่าวต่อสื่อของโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี ค.ร.ม. เห็นว่ามีหลักการใกล้เคียงกัน ก็ต้องถือว่า ท่านไม่ได้มีความเข้าใจเรื่องดังกล่าวเลย สะท้อนการต่อสู้ความเสมอภาคทางเพศอีกหลายประเด็นก็อาจจะเป็นปัญหาในอนาคต เพราะในความเป็นจริงแล้ว สมรสเท่าเทียม และ คู่ชีวิต ต้องแยกกันพิจารณา และด้วยอำนาจของคณะรัฐมนตรีก็สามารถมีมติรับหลักการทั้ง 2 ร่างได้ การปัดตก สมรสเท่าเทียม สะท้อนความไม่เข้าใจของคณะรัฐมนตรี สะท้อนความคิด ครม. มองว่ากลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ ไม่จำเป็นต้องมี สิทธิ์ ศักดิ์ศรี และ สวัสดิการ เสมอภาคกับชายหญิงทั่วไปอย่างนั้นหรือ”
ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์
ธัญวัจน์ ยืนยันว่า การต่อสู้ไม่ได้สิ้นสุดลงเพราะร่างฯ พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม สามารถเสนอสู่สภาฯ เพื่อพิจารณาใหม่ได้ และ ส.ส. ทุกคนควรทำเพื่อประชาชน
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2022/03/1-2-1024x576-1.jpg)
ด้าน นัยนา สุภาพึ่ง ที่ปรึกษามูลนิธิเพื่อสิทธิและความเป็นธรรมทางเพศ อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ที่จับตาการพิจารณาร่างฯ พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียมอย่างต่อเนื่อง กล่าวกับ The Active ระบุว่า มติครั้งนี้ไม่เหนือความคาดหมายของภาคประชาชน เพราะเป็นการรับร่างกฎหมายระหว่างรัฐกับรัฐ ขณะที่การเปิดรับฟังความคิดเห็นต่อร่าง พ.ร.บ.คู่ชีวิตก่อนหน้านี้ผ่านช่องทางออนไลน์ ตนได้เสนอว่า ขอให้เป็นการรับฟังที่ไม่ใช่เพียงพิธีกรรม เพราะเสียงสะท้อนร้อยละ 80-90 ในครั้งนั้นเห็นด้วยว่าควรนำร่าง ฉบับนี้กลับไปแก้ไข และได้ให้ความเห็นเพื่อเป็นข้อเสนอแนะในรายมาตราการ จึงตั้งข้อสังเกตว่าการรับฟังในครั้งนั้นได้มีการนำไปพิจารณาร่วมก่อนออกมาเป็นมติ ครม. ครั้งนี้หรือไม่
“ครั้งนี้เราก็สงสัยเหมือนกันที่ ครม.จะเดินหน้านำร่างฯ พ.ร.บ.คู่ชีวิต ศึกษาร่วมกับมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เป็นข้อมูลฉบับไหน หากเป็นงานวิจัยในปี 60 ที่ได้รับรางวัลนั้นเราเห็นด้วยในเชิงหลักการ ที่ทำให้คู่รักที่เป็นเพศหลากหลายมีสิทธิเท่ากับคู่สมรส และเป็นวิทยานิพนธ์ที่ตอบโจทย์คำว่าสมรสเท่าเทียมมากที่สุด”
นัยนา สุภาพึ่ง
The Active ค้นหางานวิจัยที่เกี่ยวข้อง พบว่า มีงานวิจัยเรื่อง “สิทธิความเสมอภาคในการสมรสของบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศในประเทศไทย” โดย ชวินโรจน์ ธีรพัชรพร นิติศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ปีการศึกษา 2559 โดยผลวิจัยชิ้นนี้ได้สรุปว่า คู่รัก LGBTIQN+ ในประเทศไทยประสบปัญหา สืบเนื่องจากประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บัญญัติเงื่อนไขการสมรสให้เฉพาะชายและหญิงตามเพศที่กำเนิด ทำให้ขาดสิทธิและหน้าที่ทางกฎหมาย แม้รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 จะมีบทบัญญัติห้ามเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศ และอนุสัญญาและกติการะหว่าประเทศที่ประเทศไทยเข้าร่วมลงนามและให้สัตยาบันก็ได้มีบทบัญญัติเช่นเดียวกับในต่างประเทศที่มีกฎหมายที่รองรับการใช้ชีวิตคู่ของคู่รัก LGBTIQN+ ซึ่งร่างฯ พ.ร.บ.คู่ชีวิต โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม มิได้ให้ศักดิ์ศรี สิทธิ ความเสมอภาค เทียบเท่าการสมรสและคู่สมรสตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งงานวิจัยฉบับนี้ยังได้รับรางวัลวิทยานิพนธ์ในระดับดีมาก และถูกใช้อ้างอิงเป็นข้อมูลในการร่างกฎหมายภาคประชาชน
อย่างไรก็ตาม ภาคประชาชนยังคงตั้งข้อสังเกตว่า งานวิจัยชิ้นนี้จะเป็นฉบับเดียวกับที่ ครม. ให้นำมาศึกษาร่วมกับ พ.ร.บ.คู่ชีวิตหรือไม่
แม้มติ ครม.ในครั้งนี้ จะไม่ได้ทำให้ร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียมต้องตกไปทันที เพราะตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรที่เปิดช่องให้ ครม.สามารถขอรับร่างกฎหมายที่เสนอโดย ส.ส.หรือ ประชาชนไปพิจารณาก่อนสภาลงมติได้ เมื่อครบกำหนด 60 วันร่างกฎหมายดังกล่าวจะกลับเข้าสู่สภาฯ อีกครั้ง เพื่อลงมติรับหลักการหรือไม่ในวาระ 1 แต่ท่าทีของ ครม.ก็อาจทำให้หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตไปถึงมติของเสียงข้างมาก ที่อาจส่งผลให้ร่างกฎหมายฉบับนี้ไม่ได้ไปต่อ