สารคดี “คนจนเมือง” ตอน ซอกหลืบเยาวราช ตอกย้ำ “สิทธิของคนจน” ไทยพีบีเอส คว้ารางวัลสื่อมวลชนเพื่อสิทธิมนุษยชน เปิดชีวิต “ตาไหม” สะท้อน “คนจนเมือง” ที่จนสิทธิ จนโอกาส จนรายได้
![ซอกหลืบเยาวราช คนจนเมือง](https://theactive.net/wp-content/uploads/2022/02/LINE_ALBUM_220224_0-1024x684.jpg)
“อยากขอขอบคุณแทนคนจนทุก ๆ คน ที่รายการทำให้ประชาชนเห็น ว่าเราคนจนเมือง คือ คนจนจริง ๆ ไม่ใช่แกล้งจน”
ทองคูณ โฟสลิต หรือ ตาไหม ตัวละครหลักที่บอกเล่าเรื่องราวชีวิตของตัวเองผ่านสารคดีชุด “คนจนเมือง” ตอน “ซอกหลืบเยาวราช” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส กล่าวระหว่างร่วมงานมอบรางวัล สื่อมวลชนเพื่อสิทธิมนุษยชน ประจำปี 2564 (Media Awards 2021) จัดโดยแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย
สุนี ไชยรส ผู้ประสานงานขบวนผู้หญิงปฏิรูปประเทศไทย We Move และ อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ หนึ่งในคณะกรรมการ ให้เหตุผลของการมอบรางวัลดังกล่าวให้กับสารคดีคนจนเมือง ตอน ซอกหลืบเยาวราช ว่า ที่ผ่านมาประเด็นปัญหาของเรื่องสิทธิมนุษยชน มักจะปรากฏผ่านการถูกจับกุม การถูกทำร้าย ชุมชนลำบาก และเรื่องราวมากมายที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชน ความแตกต่างของสารคดีเรื่องนี้ คือ เป็นเรื่องของคนตัวเล็กตัวน้อยที่ลุกขึ้นมาบอกเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตของเขา ซึ่งเวลาเกือบ 60 นาทีของสารคดี ทำหน้าที่บอกเล่ารายละเอียดให้เข้าใจชีวิตของคนจนเมืองได้อย่างลึกซึ้ง
“คนจนเมืองในมุมของซอกหลืบเยาวราช เป็นเรื่องที่มาเติมเต็มเรื่องสิทธิมนุษยชน ที่ไม่ได้มีเพียงเรื่องของประชาธิปไตย การมีส่วนร่วมของประชาชน หรือเรื่องของความเสมอภาค แต่ยังมีเรื่องของสวัสดิการสังคม ซึ่งลึกซึ้ง และคนบางส่วนคิดว่าไม่ใช่เรื่องของสิทธิมนุษยชน”
ธนพล เลิศธนาผล โปรดิวเซอร์ข่าวอาวุโส ศูนย์สื่อสารวาระทางสังคมและนโยบายสาธารณะ ไทยพีบีเอส ผู้ควบคุมการผลิตสารคดี ระบุว่า ฉากหนึ่งในสารคดีเป็นภาพของตาไหม ยืนมองตึกสูงที่อยู่อีกฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยา วันนี้เขาได้มายืนในจุดที่ไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาส พร้อมกล่าวขอบคุณแอมเนสตี้ฯ และผู้ชม ที่ทำให้ได้รับรางวัล เพราะเรื่องสิทธิของคนที่จะอยู่ร่วมกับเมืองจะปรากฏชัดเจนมากขึ้น ซึ่งนอกจากตาไหมแล้ว ยังทำให้อีกหลาย ๆ คนในซีรีส์สารคดีคนจนเมือง ถูกขยายความและถูกพูดถึงมากขึ้น ซึ่งระหว่างการผลิตสารคดีมีการทำงานร่วมกับคณะนักวิจัยชุด คนจนเมืองที่เปลี่ยนไปในสังคมเมืองที่กำลังเปลี่ยนแปลง
ด้าน รวีภัทร์ จงไพบูลย์กิจ หนึ่งในทีมผลิตสารคดี เล่าถึงช่วงเริ่มต้นของการลงพื้นที่ถ่ายทำสารคดี และเป็นแรงบันดาลใจในการใช้ “ถ่าน” เป็นสัญลักษณ์หนึ่งในเรื่อง ว่า ได้เจอคนส่งถ่านอีกคนหนึ่งตั้งคำถามกับเธอว่า “รู้ไหมว่าถ่านมันซื่อสัตย์ ก็เหมือนผม ที่สกปรก ไม่มีใครอยากจับ เหมือนกับคนจน แต่รู้ไหมว่ามีประโยชน์มาก ทำอาหารให้อร่อย แล้วหลอมทองได้ด้วย…” เธอบอกว่านี่คือคุณค่าของคนจนที่แบกเมือง หมุนเมือง ที่พยายามบอกเล่าผ่านสารคดี
![ซอกหลืบเยาวราช คนจนเมือง](https://theactive.net/wp-content/uploads/2022/02/LINE_ALBUM_220224_3-1024x684.jpg)
“ซอกหลืบเยาวราช” เป็นหนึ่งในสารคดีชุด “คนจนเมือง” ได้รางวัลสื่อมวลชนเพื่อสิทธิมนุษยชน ประจำปี 2564 (Media Awards 2021) ประเภท สารคดีหรือสารคดีเชิงข่าวประเภทรายการโทรทัศน์ ดีเด่น (ความยาวรวมไม่เกิน 60 นาที)
สารคดีชุด “คนจนเมือง” มีทั้งหมด 11 ตอน ควบคุมและอำนวยการผลิตโดยศูนย์สื่อสารวาระทางสังคมและนโยบายสาธารณะ ไทยพีบีเอส หรือ The Active เพื่อรื้อถอนมายาคติ “คนจน” และ “ความจน” ว่าไม่ใช่เรื่องของปัจเจกชนที่เผชิญชะตากรรมหรือจนเพราะความขี้เกียจ จากนั้น จัดเรียงความคิดใหม่ความจน เป็นผลผลิตจากโครงสร้างความเหลื่อมล้ำทางสังคมและนโยบายของรัฐ และฉายให้ “คนจน” มีหลายรูปแบบ อาทิ คนจนข้ามรุ่น คนเสี่ยงจน คนจนเมืองที่มีนัยของผู้ประกอบการทางสังคมที่ไร้สิทธิ โอกาส และอำนาจ
- ชมสารคดีชุดคนจนเมือง ตอน ซอกหลืบเยาวราช
นอกจากนี้ ไทยพีบีเอส ยังได้รับรางวัลชมเชยจากผลงานเรื่อง “คนหนีตาย” รายการเปิดปม ที่สะท้อนภาพของประเทศไทยในหลักมนุษยธรรม ผ่านบทบาทการรับมือ “ผู้หนีภัยความรุนแรง” และผลงานเรื่อง “มานิ – จาไฮ” ชีวิตบนเส้นด้าย จากรายการเปิดปม ได้รับรางวัลชมเชยเช่นกัน บอกเล่าชีวิตของชาว “มานิ” และ “จาไฮ” สองชนพื้นเมืองในไทย ที่เต็มไปด้วยความเปราะบาง และพบเจอกับปัญหาซ้ำซากทั้งความอคติ ไร้รัฐ และไร้สัญชาติ
- ชมรายการเปิดปม ตอน คนหนีตาย และ “มานิ – จาไฮ” ชีวิตบนเส้นด้าย
ส่วนรางวัลป๊อปปูล่า โหวต ประเภทภาพถ่ายในหัวข้อ “มุมมองชีวิตท่ามกลางวิกฤต ‘โควิด-19’ ผ่านเลนส์สิทธิมนุษยชน” ประเภทบุคคลทั่วไป 2 รางวัล คือ ผลงานภาพถ่าย “ปืนฉีดน้ำ โควิด-19” โดย ฉัฐพัชร์ สุวรรณยุหะ ช่างภาพข่าว ไทยพีบีเอส และผลงานภาพถ่าย “ยายของหนูกำลังทำอะไรอยู่” โดย สุภณัฐ รัตนธนาประสาน ช่างภาพสำนักสื่อดิจิทัล ไทยพีบีเอส
ซอกหลืบเยาวราช เล่าเรื่องอีกมุมบนถนนสายเศรษฐกิจ
เนื้อหาของสารคดี ชวนให้มองเห็นอีกมุมของกรุงเทพมหานครยามค่ำคืน เยาวราชที่แปรสภาพจากถนนเศรษฐกิจของชุมชนคนจีน ศูนย์รวมการเงิน ร้านทอง ภัตตาคาร เป็น “ถนนอาหาร” (Street Food) ที่มีความยาวที่สุดแห่งหนึ่ง และเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก เบื้องหลังความเจริญและมั่งคั่งของถนนสายนี้ ยังมีคนไทยกลุ่มหนึ่งซุกซ่อนตัวอยู่ในเพิงที่ห่างไกลจากมาตรฐานคำว่า “บ้าน” ของคนทั่วไป เขาหล่านี้เป็นฟันเฟืองหมุนเมืองให้เจริญเติบโตอยู่อย่างสงบเสงี่ยม นี่คือเรื่องราวของ ‘ตาไหม’ ชายชราวัย 62 ปี แรงงานอพยพจากจังหวัดสุรินทร์ตั้งแต่วัยหนุ่ม เจ้าของบ้านจากประติมากรรมปะติด คือติดและปะทุก อย่างที่พอหาได้ เพื่อคุ้มแดดฝน เขาใช้ชีวิตเป็นคนส่งถ่านในเยาวราชมากกว่า 20 ปี และรับจ้างทำทุกอย่างตลอด มาเพื่อเลี้ยงครอบครัว
‘ตาไหม’ คือภาพสะท้อนของแรงงานอพยพ คนไร้บ้าน ไร้หลักประกันในฐานะพลเมืองไทย พวกเขาดิ้นรนเพียงเพื่อให้มีชีวิตอยู่รอดในเมืองใหญ่ที่เปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา แต่คนในซอกหลืบของย่านเศรษฐกิจที่ยิ่งใหญ่นี้ กลับไร้ “ตัวตน” มองไม่เห็นหนทางที่จะหลุดพ้นความเป็น “คนจนเมือง” จากโครงสร้างเศรษฐกิจสังคมที่ไม่เคยใยดีพวกเขา
กว่าจะเป็นสารคดีคนจนเมือง
สารคดีชุดนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งในการกำหนดนิยามความหมายของ “คนจนเมือง” และเปิดประเด็นเรื่องสิทธิและการมีส่วนร่วมอยู่ในเมืองอย่างยุติธรรม (Right of the City, to Just City) ปัจจุบัน คนจนเมือง กำลังเป็น “คนแบกเมือง” ไว้อย่างเงียบกริบ ทั้งที่ทิศทางการพัฒนาเมืองพยายามผลักไสให้เขาไม่มีตัวตน ไม่มีสิทธิ โอกาส และอำนาจในการต่อรองเพื่ออยู่ในเมืองอย่างมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และมีส่วนร่วมอยู่ในเมืองด้วย
มี 2 จุดแข็งอยู่เบื้องหลังการผลิตสารคดีชิ้นนี้ คือ (ก) เบื้องหลังวิธีคิดการผลิตงานชุดสารคดี “คน จน เมือง” ซึ่งมีรูปแบบเป็น Drama Documentary นั้น การนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับความจนที่เน้นประเด็นเชิงโครงสร้างอาจไม่สั่นสะเทือนคนทั่วไปมากนัก ดังนั้น จำเป็นต้องทำให้รู้สึกด้วย ดังที่ ศ.อรรถจักร สัตยานุรักษ์ อาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) ซึ่งเป็นที่ปรึกษา อุปมาว่าเป็นการ “กระชากพรมออกจากตีน” หรือทำให้เกิดการสั่นสะเทือนทางความรู้สึกนั้นอาจจะเข้าถึงคนทั่วไปได้มากกว่า
“…มนุษย์ก็ควรจะต้องมี empathy หรือความเข้าอกเข้าใจความยากลำบากของเพื่อนมนุษย์ ด้วยกัน เราจึงควรนำข้อมูลมาทำให้คน ‘รู้สึก’ แทนที่จะยัดเหยียดข้อมูลเชิงโครงสร้างอย่างเดียวเท่านั้น แต่ต้องทำให้คนชนชั้นกลางขึ้นไปเห็นด้วยว่าพวกเขามีความได้เปรียบในเชิงโครงสร้างที่เหนือกว่าคนอื่น…”
และในขณะเดียวกันนั้น ความได้เปรียบก็มาบนพื้นฐานของการเบียดบังผลประโยชน์ของคนที่มีสถานะทางเศรษฐกิจและสังคมต่ำกว่าด้วยเช่นกัน ให้สังคมไทยให้รู้ว่าความจนนั้นไม่ขึ้นอยู่กับปัจเจกชน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับกรรมเก่า แต่ความจนนั้นสัมพันธ์กับโครงสร้างของความยากจน โดยโครงสร้างนั้นจะทำหน้าที่กำหนดความจน 2 ด้านด้วยกัน คือกำหนดในทางตรง และอีกทางหนึ่งนั้นทำหนดในทางอารมณ์และความรู้สึกหรือการกำหนดจินตนาการต่อชีวิตของคนว่าจะมีจุดหมายปลางทางของชีวิตไปถึงแค่ไหน
(ข) มีงานความรู้และคณะวิจัยจากโครงการวิจัย “คนจนเมืองที่เปลี่ยนไปในสังคมเมืองที่กำลังเปลี่ยนแปลง” สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) สนับสนุนข้อมูลและเป็นที่ปรึกษาการทำสารคดี โดยงานวิจัยนี้ เพื่อสร้างความเข้าใจพลวัตและความเปลี่ยนแปลงของกลุ่มคนจนเมืองทั้งที่อยู่ในชุมชนแออัดและนอกชุมชนแออัดที่เป็นผลมาจากปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนจนเมืองกับความเปลี่ยนแปลงของเมือง ซึ่งปฏิสัมพันธ์นี้ได้ทำให้คุณลักษณะของคนจนเมืองและชุมชนคนจนเมืองมีความแปรเปลี่ยนไป และคุณลักษณะที่แปรเปลี่ยนนี้มีความหมายความสำคัญอย่างไรในกระบวนการความเปลี่ยนแปลงของเมืองและชีวิตของคนเมืองโดยรวม โดย ศึกษาในพื้นที่กรุงเทพฯ เชียงใหม่ สงขลา ชลบุรี และขอนแก่น
เมื่อ “สิทธิของคนจน” เป็น “สิทธิมนุษยชน”
ระหว่างการถ่ายทำและส่วนหนึ่งของการนำเสนอสารคดีได้ “คืน” ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ให้แก่ ‘ตาไหม’ : แรงงานอพยพที่มาอาศัย “พึ่งใบบุญ” ทำมาหากินในพื้นที่ของคนจีน วันงานเทกระจาด ณ “ศาลเจ้าโจวซือกง” มีคนยากจน กลุ่มคนเปราะบางมารอรับของแจกจำนวนมากเช่นทุกปี วันนี้ ‘ตาไหม’ เปลี่ยนบทบาทจากที่เคยเป็นผู้รอรับสู่การเป็นผู้ให้ เขาไม่แทรกในแถวยาวเหยียด ทว่า เขาเป็นอาสาสมัครช่วยแจกข้าวสารอาหารแห้ง วันนี้ ‘ตาไหม’ ได้สินน้ำใจเป็นข้าวสารนับสิบถุงซึ่งจะทำให้ครอบครัวของเขามีข้าวกินไปทั้งปี แต่เขาก็ยังมีน้ำใจแบ่งปันบางส่วนแจกจ่ายให้เพื่อนบ้าน ญาติพี่น้อง ถือเป็นการช่วยเหลือกันตามกำลังที่มี
สารคดีชุด “คนจนเมือง” เป็นส่วนหนึ่งทำให้สังคมเข้าใจนิยาม ความหมายของ “คนจนเมือง” มากขึ้น และเปิดประเด็น ย้ำ วางหมุดหมาย เรื่องสิทธิและการมีส่วนร่วมอยู่ในเมืองอย่างยุติธรรม (Right of the City, to Just City) ซึ่งเมื่อกล่าวถึง ‘สิทธิที่จะอยู่ในเมืองร่วมกันอย่างยุติธรรม’ นี้ สารคดีชุดนี้จึงทำหน้าที่สร้างบทสนทนากับสังคมถึงหลาย ๆ สิทธิที่ประกอบกันเข้ามา โดยเฉพาะประเด็นที่เป็นจุดร่วมของทั้ง 3 ตอน คือ สิทธิที่ (จะ) อยู่อาศัยในสังคมเมือง และหากเขาเข้ามาทำงานในฐาน “คนแบกเมือง” ไว้ คำถามใหญ่สำหรับคนจนเมืองที่ล้วนเป็นแรงงานนอกระบบทั้งสิ้น พวกเขาจะเข้าถึงสิทธิ โอกาส และอำนาจในการต่อรองเรื่องรายได้ ค่าตอบแทน หลักประกันทางสังคมอื่น ๆ ได้อย่างไร
ความพยายามรื้อถอนมายาคติเกี่ยวกับ “คนจน” เพื่อเปิดพื้นที่ไปสู่การพูดประเด็นปัญหาเชิงโครงสร้าง และฉายให้เห็นประเด็นสิทธิด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น สิทธิที่อยู่อาศัยของผู้มีรายได้น้อยและคนไร้บ้าน สิทธิการทำงานและการได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย สิทธิการศึกษา ปัญหาสถานะบุคคลและการเข้าถึงสิทธิ สวัสดิการสังคมขั้นพื้นฐานต่าง ๆ เป็นต้น