ฝุ่น PM 2.5 กรุงเทพฯ ปริมณฑลเริ่มมีผลกระทบด้านสุขภาพถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ

ต.ปากน้ำ อ.เมือง, สมุทรปราการ ปริมาณฝุ่นสูงที่สุด 104 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร แนะประชาชน กลุ่มเสี่ยงสวมหน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่นหากต้องอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน นักวิชาการระบุจากนี้ค่าฝุ่นจะไต่ระดับขึ้นเรื่อย ๆ

วันนี้ (23 ธ.ค. 2564) แอปพลิเคชัน Air4Thai กรมควบคุมมลพิษ รายงานสภาพอากาศปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5ไมครอน หรือฝุ่น PM 2.5 ช่วงเช้าวันนี้ ค่าฝุ่นในทุกพื้นที่ของกรุงเทพมหานครและปริมณฑลอยู่ในเกณฑ์เริ่มมีผลกระทบด้านสุขภาพ ประชาชน กลุ่มเสี่ยงเด็ก หญิงตั้งครรภ์และผู้สูงอายุ งดทำกิจกรรมกลางแจ้งหรือต้องสวมหน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่นหากต้องออกนอกบ้าน


ฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ตรวจพบค่าระหว่าง 54 – 104 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (µg/m3) เกินมาตรฐาน ได้แก่ บริเวณแขวงหิรัญรูจี เขตธนบุรี จ.กรุงเทพฯ, ริมถนนมหาชัย อ.เมืองสมุทรสาคร, ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร, ต.บางกะเจ้า อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ, ต.บางเสาธง อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ, ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ, ต.ตลาด อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ, ต.บางโปรง อ.เมือง จ.สมุทรปราการ, ต.ทรงคนอง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ เป็นต้น (ตรวจสอบเพิ่มเติมได้ที่ http://air4thai.pcd.go.th/webV3/#/Report)

รศ.วิษณุ อรรถวานิช อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสเฟซบุ๊ก ระบุสาเหตุหลักของฝุ่นพิษมาจากปรากฎการณ์ฝาชีครอบต่ำบวกลมนิ่ง และที่สำคัญคือการเผาในภาคเกษตรแถบภาคกลางแถบพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา และภาคตะวันตก 

“ตอนนี้เรามีการเผานาข้าวผสมกับอ้อยโรงงาน และลมพัดนำฝุ่นพิษลงมายังกรุงเทพฯ และปริมณฑล ควรงดกิจกรรมการเผาในช่วงนี้เพื่อลดความรุนแรงต่อสุขภาพจากนี้ไปฝุ่นพิษจะเริ่มไต่ระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ”

พร้อมเชิญชวนให้ร่วมลงชื่อสนับสนุนร่าง พระราชบัญญัติกำกับดูแลการจัดการอากาศสะอาดเพื่อสุขภาพแบบบูรณาการ เพื่อผลักดันการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบโดยมีกฎหมายภาคประชาชนเป็นเครื่องมือเพิ่มความเป็นเอกภาพในการแก้ปัญหาฝุ่นอย่างเป็นระบบและบูรณาการทุกภาคส่วนสามารถลงชื่อได้ตามลิ้งค์นี้ https://thailandcan.org

ส่วนการแก้ไขปัญหาปีนี้ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) ได้มีมติเห็นชอบดำเนินการตามแผนเฉพาะกิจ “1 การสื่อสาร 5 แนวทางป้องกัน 3 เผชิญเหตุ”

สำหรับแผนการสื่อสารปีนี้มีการพัฒนาเทคโนโลยีร่วมกับ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค ) กรมอุตุนิยมวิทยา ในการพัฒนาข้อมูลวิเคราะห์การก่อตัวของฝุ่น การเคลื่อนที่ เพื่อพยากรณ์ฝุ่นล่วงหน้าเป็นอาทิตย์เน้นสื่อสารให้เข้าถึงประชาชนให้มากที่สุด 

ส่วนการตรวจจับวัดควันดำ ซึ่งเป็นหล่งกำเนิดสำคัญและมากที่สุดในเขต กทม.และปริมณฑลถึงร้อยละ 70 ปีนี้จะมีการตรวจจับวัดด้วยระบบความทึบแสง เปลี่ยนค่ามาตรฐานจากร้อยละ 45 เป็นร้อยละ 30 และสั่งห้ามใช้รถทันทีจนกว่าจะแก้ไขปรับรุงภายใน 30 วัน ฝ่าฝืนลงโทษปรับสูงสุดตามกฎหมาย ควบคู่แผนการปรับปรุงมาตรฐานน้ำมัน ตั้งเป้าทั่วประเทศ ยูโร 5 พร้อมใช้ภายในปี 2567 และแผนการส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้า แต่ปีนี้คุณภาพน้ำมันยูโร 5 จะมีจำหน่ายนำร่องในกรุงเทพฯ และปริมณฑลก่อน ให้บริการที่ ปตท.และบางจาก 

ข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษรายงานผลการตรวจสอบ ตรวจจับ และห้ามใช้รถควันดำตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2564 – 15 ธ.ค. 2564 ในพื้นที่ กทม. มีผลตรวจสะสมทั้งหมด 74,924 คัน สั่งห้ามใช้รถ จำนวน 315 คัน ในส่วนพื้นที่ต่างจังหวัดมีผลตรวจสะสมทั้งหมด 21,895 คัน สั่งห้ามใช้รถ จำนวน 265 คัน

Author

Alternative Text
AUTHOR

อรวรรณ สุขโข

นักข่าวที่ราบสูง ชอบเดินทางภายใน ตั้งคำถามกับทุกเรื่อง เชื่อในศักยภาพมนุษย์ ขอเพียงมีโอกาส