‘วิฑูรย์’ รอด! ศาลอาญายกฟ้องคดีเคลื่อนไหวแบน 3 สารเคมีเกษตร

ศาลอาญายกฟ้อง ‘วิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ’ กรณีสมาคมวิทยาการวัชพืชแห่งประเทศไทย ฟ้องคดีหมิ่นประมาทและมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หลังออกมาเคลื่อนไหวแบน 3 สารเคมีเกษตร

วันนี้ (15 ธ.ค. 2564 ) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ทีมทนายความจากมูลนิธิยุติธรรมสิ่งแวดล้อม (EnLAW) และทนายความด้านสิทธิมนุษยชน นำโดย รัษฎา มนูรัษฎา ทนายความด้านสิทธิมนูษยชน เปิดเผยภายหลังเข้ารับฟังการไต่สวนมูลฟ้องในคดีที่ จรรยา มณีโชต ผู้รับมอบอำนาจกับพวกรวม 2 คน ยื่นฟ้อง วิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ เลขาธิการมูลนิธิชีววิถี ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ความผิดตามประมวลอาญามาตรา 326 และมาตรา 328 และข้อหาความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 40 และมาตรา 16 จากการโพสต์เนื้อหาบน facebook biothai และจากการได้รับเชิญให้ไปออกรายการในสถานีโทรทัศน์ต่อประเด็นการเคลื่อนไหวยกเลิก 3 สารเคมีเกษตร โดยยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2564 เป็นคดีหมายเลขดำ อ.642/2564 ซึ่งศาลได้นัดไต่สวนมูลฟ้อง ไปเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา และนัดรับฟังผลไต่สวนมูลฟ้องในวันนี้ว่า ศาลได้พิจารณาแล้วมีคำพิพากษายกฟ้องในทุกข้อกล่าวหา ทั้งข้อกล่าวหาหมิ่นประมาทฯ และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เนื่องจากเห็นว่าการโพสต์ข้อความ และการให้สัมภาษณ์ของนายวิฑูรย์ เป็นการถกเถียงทางวิชาการ และเป็นประโยชน์ต่อสาธาณะ เพื่อประโยชน์สุขภาพของประชาชนและเกษตรกร จึงไม่เข้าข่ายความผิดตามที่มีการยื่นฟ้อง

“โดยสรุปคือ เรื่องคุณวิฑูรย์ให้สัมภาษณ์ก็ดี โพสต์ข้อความก็ดี มันเป็นประเด็นเชิงวิชาการ การถกเถียงกันในเรื่องวิชาการยังไม่ใช่เรื่องข้อยุติ แต่ว่ามันเป็นเรื่องสำคัญที่มันเกี่ยวข้องกับประโยชน์สุขภาพประชาชนและเกษตรกร จึงเป็นประเด็นสำคัญ ส่วนประเด็นเรื่องการฟ้องข้อหาความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ศาลท่านพิจารณาว่าไม่ใช่เรื่องของการนำเข้า ข้อมูลอันเป็นเท็จในคอมพิวเตอร์ ก็จึงพิพากษายกฟ้อง”

วิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ เลขาธิการมูลนิธิชีววิถี กล่าวแสดงความดีใจ ขอบคุณทีมทนายความที่ร่วมต่อสู้ในวันนี้ รวมทั้งศาลที่ประธานความเป็นธรรมที่ตนเชื่อมั่นมาตลอดว่า การที่เอาความจริง และประโยชน์สาธารณะมาเผยแพร่ พึงได้รับการคุ้มครองและศาลก็ได้มีคำวินิจฉัยยืนยันเรื่องนี้ เห็นว่าบรรทัดฐานในเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์ต่อนักวิชาการทั้งหลาย ตอนนี้ที่ศึกษาผลกระทบจากสารเคมีรวมทั้งเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับสุขภาพและสิ่งแวดล้อม สามารถที่จะพูดความจริง เผย แพร่ข้อมูลและแสดงทัศนะ ที่เป็นประโยชน์ จะได้รับการปกป้องคุ้มครองเช่นเดียวกัน

วิฑูรย์ ยังย้ำว่ากรณีนี้ ซึ่งถูกมองว่าเป็นการการฟ้องปิดปาก SLAPP หรือการดำเนินคดีเชิงยุทธศาสตร์ เพื่อต่อต้านการมีส่วนร่วมของสาธารณชน เป็นสิ่งไม่ควรเกิดขึ้นอีก

“สิ่งที่เกิดขึ้นกับมูลนิธิชีวิถี ถือว่ายังมีเครือข่ายที่ช่วยเหลือสนับสนุน แต่มีหลายกรณีที่เป็นการต่อสู้ของชาวบ้านในท้องถิ่น การฟ้องร้องคดีครั้งหนึ่ง สร้างผลกระทบต่อคนเล็กคนน้อย ทั้งการเตรียมหาทนายความ การมีเงินประกันตัว ทางที่ดีในความเห็นของผม คือคดีแบบนี้ที่เป็นการฟ้องร้องเพื่อเจตนาปิดปาก แบบเดียวกับที่เกิดขึ้นกับพวกเรา ไม่ควรจะเกิดขึ้นกับผู้ใดเลย เพราะการลุกขึ้นมาต่อสู้พูดความจริง จะเป็นประโยชน์ต่อพวกเราทุกคนร่วมกันเป็นการพัฒนาที่ยั่งยืน และพี่น้องที่เสียสละนั้น ไม่ได้แค่ป้องแค่ตัวเขาเอง แต่เพื่อปกป้องทุกคน”

วิฑูรย์ ยังยืนยันว่าไม่กังวลหากฝั่งผู้ฟ้อง จะมีการยื่นฟ้องอุทธรณ์ตามสิทธิ โดยทางมูลนิธิชีววิถี หรือ Biothai รวมถึงเครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช หรือ ThaiPan ยืนยันที่จะทำหน้าที่ เพื่อเรียกร้องให้เกิดการจัดการสารเคมีเกษตรที่ยังมีผลกระทบต่อผู้คน ให้ได้รับการจัดการถูกต้องเหมาะสมเพื่อความปลอดภัยของทุกคนร่วมกัน เพื่อเป็นการปกป้องสุขภาพประชาชนและสิ่งแวดล้อมต่อไป

Author

Alternative Text
AUTHOR

ทัศนีย์ ประกอบบุญ

นักข่าวสายลุย เกาะติดประเด็นแล้วไม่มีปล่อย รักการเดินทาง หลงรักศิลปะบนรองเท้า และชอบร้องเพลงเป็นชีวิตจิตใจ