สลายการชุมนุมจะนะ ปิดกั้นสื่อ นักสิทธิฯ ย้ำ เสรีภาพสื่อคือหลักประกัน

‘DemAll’ แถลงประณามตำรวจส่องไฟใส่สื่อ หยุดบิดเบือนข้อตกลงที่ทำไว้ เพื่อกีดกันการบันทึกภาพ ‘สุณัย ผาสุข’ เชื่อรัฐใช้ตำรวจเป็นเครื่องมือ ไม่รับฟังม็อบเห็นต่าง มองการคุกคามสื่อ เป็นพฤติกรรมต่อเนื่องที่เกิดในทุกการชุมนุม

จากกรณีสลายการชุมนุมเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น เมื่อวานนี้ (6 ธ.ค. 2564) เวลา 21.00 น. ตามแถลงการณ์ของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) หรือ พีมูฟ ระบุว่า กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน (คฝ.) กว่า 100 นายได้เข้าสลายการชุมนุมดังกล่าว ซึ่งเต็มไปด้วยสตรี เด็ก และผู้สูงอายุ และมีการจับกุมผู้ชุมนุมขึ้นรถคุมขังจำนวน 36 คน ไปที่สโมสรตำรวจ วิภาวดี นอกจากนั้นในระหว่างการปฏิบัติการยังได้มีการส่องไฟฉายเพื่อไม่ให้ผู้สังเกตการณ์รอบนอกสามารถมองเห็นปฏิบัติการ และยังกีดกันสื่อมวลชนมิให้สามารถเข้าไปบันทึกภาพในพื้นที่

อีกทั้งยังปรากฏภาพผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ในลักษณะที่ คฝ. ได้ตั้งแนวกันสื่อภาคสนามออกไปจากบริเวณที่ชุมนุมของชาวบ้านจะนะ และผลักดันให้ไปอยู่ฝั่งตรงข้าม โดยแจ้งว่าหากไม่ทำตามมีความจำเป็นต้องจับกุมตัวด้วย พร้อมกันนั้นยังได้ฉายแสงเลเซอร์และแสงจากไฟฉายใส่เครื่องมือบันทึกภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวของสื่อมวลชนที่อยู่ในบริเวณดังกล่าว สิ่งนี้ส่งผลต่อการทำงานของสื่อมวลชน และเป็นการปิดกั้นการรับรู้ถึงปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ที่กระทำต่อผู้ชุมนุม

ด้าน สมาพันธ์สื่อไทยเพื่อประชาธิปไตย หรือ DemAll ออกแถลงการณ์ประณามการทำหน้าที่ของตำรวจ และเรียกร้องให้หยุดบิดเบือนข้อตกลงที่ตำรวจได้ทำไว้กับองค์กรวิชาชีพสื่อทั้ง 6 องค์กร เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในช่วงการชุมนุม เนื่องจากตำรวจให้เหตุผลว่าการปฏิบัติการดังกล่าวไม่ได้เป็นการปิดกั้นสื่อ แต่เป็นการเคลียร์พื้นที่เพื่อความเรียบร้อย

“ไม่ได้ปิดกั้นการทำงานของสื่อไม่ว่าจะสื่อหลักหรือสื่อออนไลน์ แต่ขอให้ทุกท่านปฏิบัติตามเงื่อนไข ตามที่ตกลงกันไว้ทั้ง 6 องค์กรสื่อ ว่าจะต้องทำอย่างไรกันบ้าง ตามที่ 6 องค์กรสื่อได้ให้คำแนะนำและความร่วมมือ เจ้าหน้าที่ต้องเคลียร์พื้นที่เพื่อดูแลความเรียบร้อย”

ในขณะที่ข้อเท็จจริงที่สมาพันธ์ฯ ได้ตรวจสอบกับตัวแทนองค์กรวิชาชีพสื่อที่เคยไปพบและทำความเข้าใจกับทางกองบัญชาการตำรวจนครบาลแล้วพบว่า ไม่มีข้อตกลงใด ๆ ที่เป็นการอนุญาตให้สกัดกั้นล่วงละเมิดสิทธิเสรีภาพการทำงานของสื่อมวลชน เป็นการกล่าวอ้างและบิดเบือนข้อมูล ใช้ภาพการพบปะพูดคุยกับตัวแทนองค์กรวิชาชีพสื่อ เพื่อนำไปสนองประโยชน์กับฝ่ายอำนาจรัฐเท่านั้น

“ทางสมาพันธ์สื่อไทยเพื่อประชาธิปไตย (DemAll) ขอประณามการกระทำดังกล่าวของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ลุแก่อำนาจเข้าสลายการชุมนุมของเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น ซึ่งมาปักหลักชุมนุมด้วยความสงบสันติปราศจากอาวุธ การปิดกั้นการทำงานของสื่อมวลชนซึ่งเป็นการละเมิดเสรีภาพของประชาชนที่ใช้สิทธิตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ และขอประณามต่อการโกหกบิดเบือนข้อตกลงกับตัวแทนองค์กรวิชาชีพสื่ออย่างปราศจากความละอาย สะท้อนความเป็นองค์กรใช้รับอำนาจเผด็จการโดยไม่เห็นหัวประชาชน”

The Active เกาะติดสถานการณ์ดังกล่าว และสอบถามความคิดเห็นต่อเรื่องนี้ไปยัง สุณัย ผาสุข ที่ปรึกษาฮิวแมนไรท์วอทช์ ประจำประเทศไทย (Human Rights Watch) กล่าวว่า การชุมนุมของกลุ่มจะนะรักษ์ถิ่น เป็นการชุมนุมที่ชัดเจนที่สุดว่าสงบ และปราศจากความรุนแรง การสลายการชุมนุมเป็นสิ่งที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และกติกาสากลระหว่างประเทศ แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลนั้นยอมรับเพียงประชาชนที่มีความเห็นตรงกับตนเท่านั้น แต่ไม่รับฟังประชาชนผู้คิดต่าง และหนักไปกว่านั้น คือ ไม่ใส่ใจว่าประเด็นนั้นจะเป็นเรื่องการเมือง หรือการต่อสู้เพื่อความเป็นอยู่ในชีวิตของพวกเขา

นอกจากนั้นยังได้แสดงความเห็นต่อการปิดกั้นสื่อมวลชนว่า ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก ที่รัฐบาลใช้ตำรวจเพื่อเป็นเครื่องมือ ในการสลายการชุมนุม และคุกคามการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน และไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงที่มีร่วมกันระหว่างตำรวจและองค์กรวิชาชีพสื่อทั้ง 6 องค์กร โดยในข้อตกลงนั้นไม่มีข้อใดเลย ที่เปิดทางให้ตำรวจสามารถปิดกั้นการทำหน้าที่ หรือคุกคามสื่อมวลชนภาคสนามได้

“พฤติกรรมของตำรวจที่คุกคามการทำหน้าที่ของสื่อภาคสนาม ยิงเลเซอร์ ส่องไฟฉายใส่ เป็นพฤติกรรมต่อเนื่อง และตำรวจละเมิดข้อตกลงกับองค์กรวิชาชีพสื่อ ถ้าหากสื่อที่เป็นหูเป็นตา เป็นกระบอกเสียงของประชาชนถูกปิดกั้น เราจะไม่มีหลักประกันใด ที่บอกว่าได้ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา หรือเป็นไปตามหลักการที่ถูกต้องหรือไม่”

สุณัย กล่าวปิดท้ายว่า การสลายการชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวานนี้เป็นสัญญาณที่อันตรายมาก และอาจนำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรง เพราะ แม้แต่กลุ่มผู้ชุมนุมที่ส่วนใหญ่ เป็นเด็ก ผู้หญิง และผู้สูงอายุ มาเรียกร้องโดยสันติ ในประเด็นที่ไม่ใช่ข้อขัดแย้งทางการเมือง ก็ไม่ได้รับการอดทนอดกลั้นโดยรัฐบาล แต่กลับถูกปราบปรามด้วยกำลัง ต่อไปนี้ รัฐบาลต้องการรับฟังเพียงกองเชียร์ของตนเท่านั้น และไม่เหลือพื้นที่ให้กับคนเห็นต่าง

“เรากำลังอยู่ภายใต้สังคมเผด็จการอย่างนั้นหรือ ?”

Author

Alternative Text
AUTHOR

ธีร์วัฒน์ ชูรัตน์

เรียนจบกฎหมาย มาเป็นนักข่าว เด็กหลังห้อง ที่มักตั้งคำถามด้วยความไม่รู้