สั่งเปิดผลสอบ “คดีนาฬิกายืมเพื่อน” ตามเจตนารมณ์ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฯ

ศาลปกครองกลาง สั่ง ป.ป.ช. เปิดเผยข้อมูล “คดีนาฬิกาหรู” ของ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ ให้ The MATTER ในฐานะโจทย์ผู้ฟ้องคดี บทพิสูจน์ “สิทธิในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารซึ่งอยู่ในความครอบครองของหน่วยงานของรัฐ”

15 ก.ย. 2564 ที่ ศาลปกครองกลาง สำนักงานศาลปกครอง ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ 2557/2562 คดีหมายเลขแดงที่ 1327/2564 ระบุให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต้องเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร จำนวน 2 รายการที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ให้กับผู้สื่อข่าวสำนักข่าวออนไลน์ The MATTER ในฐานะโจทย์ผู้ฟ้องคดี ประกอบด้วย 1. รายงานสรุปผลการแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานซึ่งคณะทำงานรวบรวมเสนอต่อที่ประชุม ป.ป.ช. และ 2. คำชี้แจงของ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. ในคดีนี้ รวมทั้งหมด 4 ครั้ง ทั้งนี้ ให้ปกปิดข้อมูลที่มีลักษณะเฉพาะของบุคคล และให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารดังกล่าวเผยใน 15 วัน นับแต่วันที่ถึงที่สุด

การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารนี้ จะแสดงให้เห็นถึงความโปร่งใสและตรวจสอบได้ อันจะก่อให้เกิดความน่าเชื่อถือและศรัทธาในการปฏิบัติงานของ ป.ป.ช. อีกทั้งผู้ฟ้องคดีสมควรจะได้รับความคุ้มครองสิทธิในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารซึ่งอยู่ในความครอบครองของหน่วยงานของรัฐ ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐจะต้องเปิดเผย ตามรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 มาตรา 41 และ 59 เพื่อเปิดโอกาสให้มีการรับรู้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการดำเนินการต่าง ๆ ของรัฐ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในระบอบประชาธิปไตย ตามหลักการและเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฯ และเพื่อให้มีการตรวจสอบความโปร่งใสในการปฏิบัติหน้าที่ของ ป.ป.ช.ให้สิ้นสงสัย อันเป็นการแสดงให้เห็นถึงการปฏิบัติหน้าที่และการใช้อำนาจ ที่ต้องเป็นไปโดยสุจริต เที่ยงธรรม กล้าหาญ และปราศจากอคติทั้งปวงในการใช้ดุลยพินิจ

คำกล่าวเหตุผลที่ศาลปกครองกลางสั่งให้ ป.ป.ช.ต้องเปิดเผยข้อมูลข่าวสารดังกล่าว

นอกจากผลของคำพิพากษาที่สั่งให้ ป.ป.ช. ต้องเปิดเผยข้อมูลข่าวสารคดีนาฬิกาหรูของ พล.อ. ประวิตร ข้างต้นแล้ว ยังมีข้อต่อสู้ทางกฎหมายจาก ป.ป.ช. ที่ศาลปกครองกลางปัดตก “คำอ้าง” ของ ป.ป.ช. ในหลาย ๆ กรณี อาทิ ป.ป.ช. อ้างว่าตัวเองเป็น “องค์กรอิสระ” ข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้จากการทำหน้าที่ควรถูกเก็บไว้เป็นความลับ และ ป.ป.ช. มีกฎหมายเฉพาะหน่วยงานที่กำกับและยึดปฏิบัติมา ตั้งแต่มี 2561 จึงเลี่ยงการปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฯ ซึ่งเป็นกฎหมายเก่า ประกาศใช้ เมื่อปี 2540

อย่างไรก็ตามศาลชี้ว่า กฎหมาย ป.ป.ช. โดยเฉพาะมาตรา 36 ไม่ใช่บทยกเว้นให้ไม่ต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฯ แต่อย่างใด และ ป.ป.ช.เองก็เป็น “หน่วยงานของรัฐ” ในนิยามของ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฯ มาตรา 4 จึงต้องปฏิบัติตามกฎหมายนี้เช่นกัน

ศาลปกครองกลาง ยังยกกฎหมายหลายฉบับมายืนยัน “หน้าที่” ในการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของ ป.ป.ช. และ “สิทธิ” ในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารจาก ป.ป.ช. ทั้งรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 มาตรา 3 วรรคสอง (องค์กรอิสระต้องปฏิบัติตามกฎหมาย) มาตรา 41 (รับรองสิทธิของประชาชนในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของรัฐ) มาตรา 59 (รัฐมีหน้าที่เปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาธารณะ) มาตรา 215 (องค์กรอิสระต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริต เที่ยงธรรม กล้าหาญ และปราศจากอคติ)

รวมถึงกฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 36 ใช้ในคดีที่ ป.ป.ช. มีมติแล้วให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารได้ มาตรา 180 คือการกำหนด “ข้อยกเว้น” โทษในการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของ ป.ป.ช. และ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฯ มาตรา 15 ที่เขียนถึงการให้เจ้าหน้าที่มีดุลยพินิจในการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ซึ่งต้องพิจารณาถึง 3 ปัจจัย คือ การปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของหน่วยงานรัฐ ประโยชน์ของสาธารณะ และประโยชน์ของเอกชน

ในส่วนที่ ป.ป.ช. อ้างว่า ข้อเท็จจริงในสำนวนคดีนี้ ที่มีข้อหาเรื่องการไม่แจ้งบัญชีทรัพย์สิน จะถูกนำไปใช้กับสำนวนคดีอื่น ๆ ที่อยู่ระหว่างการพิจารณา เช่น ข้อหารับทรัพย์สินหรือประโยชน์เกิน 3,000 บาท และข้อหาร่ำรวยผิดปกติ ศาลปกครองกลางก็ยกคำอ้างนี้เช่นกัน โดยถือว่า “เป็นคนละกรณี”

สำหรับในคดีดังกล่าว เกิดขึ้นจากการที่ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวออนไลน์ The MATTER ยื่นฟ้อง ป.ป.ช. กรณีไม่เปิดเผยข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับคดีนาฬิกาหรูของ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ สมัยเป็นรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาล คสช. ซึ่ง ป.ป.ช. มีมติไม่รับคดีนี้ไว้ไต่สวนแล้ว ตั้งแต่วันที่ 27 ธ.ค. 2561 นำมาสู่การตัดสินคดีและคำพิพากษาดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม ป.ป.ช. ยังสามารถอุทธรณ์คดีนี้ต่อศาลปกครองสูงสุดได้ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่มีคำพิพากษา

Author

Alternative Text
AUTHOR

พิชญาพร โพธิ์สง่า

นักข่าวเล่าเรื่อง ที่เชื่อว่าการสื่อสารอย่างสร้างสรรค์จะช่วยจรรโลงสังคมได้