ศธ. กางแผนฉีด “ไฟเซอร์” นักเรียน เข็มแรก ต.ค.นี้ – ลุ้นเปิดเรียนเทอม 2/2564

“ตรีนุช” เผย เด็กมัธยมทุกสังกัด 4.5 ล้านคน ได้วัคซีนไฟเซอร์ เริ่ม 29 จังหวัดสีแดงเข้ม พร้อมเปิดเทอม พ.ย.นี้ แบบ On site หากฉีดวัคซีนได้ตามแผน แพทย์ย้ำ! วัคซีนเด็กมีผลดีมากกว่าเสีย

วันนี้ (13 ก.ย.64) ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ แถลงข่าว “เตรียมความพร้อมเปิดภาคเรียนที่ 2/2564 สถานศึกษาปลอดภัย เด็กได้รับวัคซีนถ้วนหน้า” ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) โดยมี สุภัทร จำปาทอง ปลัด ศธ. นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีควบคุมโรค นพ.สราวุฒิ บุญสุข รองอธิบดีกรมอนามัย และ นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ นายกสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศ ร่วมด้วย

ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

รมว.กระทรวงศึกษาธิการ บอกว่า จากการหารือร่วมกันระหว่าง ศธ., กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และ กระทรวงมหาดไทย (มท.) เบื้องต้นมีแนวทางเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 ได้แก่ แผนการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ 2 เข็ม แก่กลุ่มผู้ที่มีอายุ 12 ปี – 17 ปี 11 เดือน 29 วัน ณ วันที่ฉีด โดยจะอนุโลมให้ กลุ่มนักเรียน นักศึกษาที่มีอายุเกิน 17 ปี 11 เดือน 29 วันด้วย ซึ่งจะครอบคลุมนักเรียน นักศึกษา ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 , ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.), ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) หรือ เทียบเท่า รวมถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่มีอายุ 12 ปี ซึ่งในเดือนตุลาคมนี้ จะเริ่มฉีดให้แก่นักเรียน นักศึกษา ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) จำนวน 29 จังหวัดก่อน แต่ตั้งเป้าหมายให้นักเรียน นักศึกษาทุกคน ได้รับวัคซีนไฟเซอร์ เข็มที่ 1 อย่างครบถ้วน

ขณะที่ ศบค. ชุดใหญ่ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. เป็นประธาน ได้อนุมัติในหลักการให้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้แก่นักเรียน นักศึกษาทุกสังกัด ทั้งในและนอก ศธ. ทั้งกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) โรงเรียนพระปริยัติธรรม โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน และกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีกว่า 4.5 ล้านคน โดยวางแผนไว้จะใช้โรงเรียนเป็นฐานในการฉีดวัคซีน มีเป้าหมายว่าต้องไปถึงและรวดเร็วที่สุด

“สธ. จะเป็นผู้วางแผนการกระจายวัคซีน และ ศธ. จะสร้างความเข้าใจให้กับผู้ปกครองได้รับรู้ถึงความจำเป็น ความสำคัญ และผลข้างเคียงการฉีดวัคซีนให้เด็ก เพื่อให้ผู้ปกครองยินยอมให้เด็กฉีดวัคซีน ดิฉันมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จัดทำแบบสำรวจความยินยอมจากผู้ปกครองแล้ว คาดว่าปลายเดือนกันยายนนี้จะได้ข้อมูลสรุปจำนวนนักเรียนที่ผู้ปกครองยินยอมให้ฉีดวัคซีนได้ ทั้งนี้ไม่อยากให้กังวลว่าผู้ปกครองไม่ยอมให้เด็กฉีดวัคซีน ศธ.จะเร่งพยายามสร้างความเข้าใจ เพราะปัญหาโควิด-19 ไม่ได้แค่ฉีดวัคซีนแล้วจบ เราต้องอยู่กับโควิด-19 ต่อไป แต่จะทำอย่างไรไม่ให้กระทบกระเทือนกับการเรียนรู้และใช้ชีวิตของประชาชน”

รมว.กระทรวงศึกษาธิการ กล่าวต่อว่า การเปิดภาคเรียนที่ 2 ในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ ต้องดูว่า วัคซีนมาตามแผนหรือไม่ ปัญหาการระบาดของแต่ละพื้นที่เป็นอย่างไร โดยศึกษาธิการจังหวัด กับ สาธารณสุขจังหวัด ต้องร่วมกันประเมินว่าจะสามารถเปิดเรียนในโรงเรียนได้หรือไม่ โดยเน้นความปลอดภัยของเด็กเป็นที่ตั้ง อย่างไรก็ตามการเปิดเรียนเทอม 2 ในโรงเรียน ต้องขึ้นอยู่กับความพร้อมของโรงเรียน ผู้ปกครอง และชุมชนด้วย ส่วนข้อกังวลว่าถ้าเด็กได้รับวัคซีนแล้วแต่ยังติดเชื้ออยู่กระทรวงศึกษาธิการกับกระทรวงสาธารณสุข และคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด มีแผนเผชิญเหตุรองรับอยู่ เช่น ถ้าเด็กติดเชื้อจำนวนเท่าใด ควรจะปิดสถานศึกษา เป็นต้น

ทั้งนี้ ศธ. มีแผนดำเนินโครงการโรงเรียน Sandbox Safety Zone in School (SSS) ซึ่งเป็นมาตรการสำหรับโรงเรียนประจำ เช่น โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ และโรงเรียนเอกชนที่มีความพร้อม โดย ศธ. จะประสานกับ สธ. ในการลงพื้นที่ตรวจโรงเรียน ที่จะประสงค์เข้าโครงการว่าเป็นไปตามมาตรการที่วางไว้หรือไม่ โดยมีเงื่อนไข 3 ข้อ คือ 1. เป็นโรงเรียนประจำ 2. เป็นไปตามความสมัครใจและ 3. ผ่านการประเมินความพร้อม โดยต้องแจ้งความประสงค์ผ่านต้นสังกัด มีการหารือร่วมกับผู้ปกครองและผ่านความเห็นชอบ จากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด จัดให้มีสถานแยกกักตัวในโรงเรียน (School Isolation) จัดให้มี Safety Zone ในโรงเรียน มีการติดตามประเมินผลโดยทีมตรวจราชการของ ศธ. และ สธ. รวมถึงมีการรายงานผลผ่าน MOE COVID และ Thai Stop Covid Plus

“ขณะนี้ มีสถานศึกษาจำนวน 15,465 แห่ง ที่อยู่ในเขตพื้นที่สีแดงเข้ม 29 จังหวัด โดยใน 12 จังหวัด มีสถานศึกษาจำนวน 1,687 แห่ง ที่อยู่ในเขตพื้นที่ 45 อำเภอปลอดเชื้อ แบ่งเป็น สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) 1,305 แห่ง สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) 111 แห่ง สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) 21 แห่ง และสังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) 250 แห่ง ซึ่ง ศธ. จะพิจารณาความพร้อมของสถานศึกษาสำหรับการเปิดภาคเรียนตามบริบทที่เหมาะสม”

ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีควบคุมโรค กล่าวว่า ตามแผนที่วางไว้วัคซีนไฟเซอร์ จะเข้ามาในช่วงปลายเดือนกันยายนนี้ ประมาณ 2 ล้านโดส และในเดือนตุลาคม จะทยอยเข้ามาประมาณสัปดาห์ละ 2 ล้านโดส ซึ่ง สธ. คาดว่าจะสามารถฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ให้เด็กเสร็จสิ้นภายในเดือนตุลาคม และจะเร่งดำเนินการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ต่อไป


สำหรับการฉีดวัคซีนต้องคำนึง 2 อย่าง คือ ประสิทธิภาพของวัคซีน และความปลอดภัยของวัคซีน ซึ่งวัคซีนที่ฉีดในประเทศไทย ต้องผ่านการรับรองประสิทธิภาพและได้รับการอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ด้วย ส่วนวัคซีนที่มาฉีดให้กับเด็กต้องคำนึงถึงความปลอดภัยให้มากที่สุด ซึ่งขณะนี้ อย. อนุมัติวัคซีนที่สามารถฉีดในเด็กได้คือ ไฟเซอร์และโมเดอร์นา

“ดังนั้นขอให้ผู้ปกครองเข้าใจว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัย สธ. จะดูแลเรื่องนี้อย่างดีร่วมกับ ศธ. โดยการฉีดวัคซีนให้เด็กครั้งนี้ เป็นการฉีดวัคซีนตามความประสงค์ของผู้ปกครอง โดยใช้โรงเรียนเป็นฐานในการฉีดวัคซีน นอกจากนี้รัฐมนตรีว่าการ ศธ. ขอความร่วมมือให้ สธ. เร่งฉีดวัคซีนให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาทั้งหมด ซึ่ง สธ. จะเร่งผลักดันเรื่องนี้และจะขยายขอบข่ายการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมกับผู้ปกครองด้วย”

สำหรับจำนวนวัคซีนไฟเซอร์ที่จัดสรรให้เด็กอายุ 12-17 ปี ทั่วประเทศ​ ศบค. จัดสรรไว้ 4.8 ล้านโดส ขณะที่ปีการศึกษา 2562 มีจำนวนนักเรียนเฉพาะ ม.ต้น และ ม.ปลาย รวมกัน 4,175,988 คน และจำนวนนักเรียน ปวช. 644,553 คน รวมเป็น 4,820,541 คน ซึ่งใกล้เคียงกับจำนวนวัคซีนที่กระทรวงสาธารณสุขจัดสรร แต่ยังไม่รวมเด็กที่อยู่นอกระบบการศึกษา จำนวน 532,731 คน จากข้อมูลสำรวจเมื่อ ปี 2561

Author

Alternative Text
AUTHOR

วชิร​วิทย์​ เลิศบำรุงชัย

ผู้สื่อข่าวสาธารณสุข ThaiPBS

Alternative Text
AUTHOR

ศศิธร สุขบท

มนุษย์ช่างฝัน ชอบสร้างสรรค์ข่าวเชิงบวก มีพรรคพวกชื่อจินตนาการ แสนสุขกับงานขับเคลื่อนสังคม