“นพ.สุรเชษฐ์” ชี้ ฉีดวัคซีนต้องใช้ยุทธศาสตร์การแพทย์นำ ห่วงวิกฤตห้องไอซียู ทำยอดผู้เสียชีวิตพุ่ง “นพ.วิชัย” มองวัคซีนโควิด-19 เป็นเรื่องมหัศจรรย์ทางวิทยาศาสตร์ที่ใช้เวลาไม่ถึง 1 ปี
ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลถึงความสับสนของแผนการกระจายวัคซีนโควิด-19 และช่องทางการลงทะเบียนฉีดวัคซีน รวมถึงความไม่ชัดเจนของวันและเวลาส่งมอบวัคซีนแอสตราเซเนกาล็อตใหญ่ “นพ.สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย” อดีตรองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยผ่านรายการ Active Talk เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2564 ชื่นชม “หมอเบิร์ท” พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ทีมโฆษก ศบค. ที่ออกมาขอโทษประชาชนหลังสับสนนโยบาย ถือว่าเป็นจิตแพทย์ที่มีความเข้าใจต่ออารมณ์ของสังคม
ขณะที่ความจริงต้องยอมรับว่า องค์การอนามัยโลก วิงวอนให้ประเทศร่ำรวยกระจายวัคซีนให้ประเทศอื่น ๆ เนื่องจากพบความต้องการวัคซีนสูงและยังขาดแคลนอยู่ ทั้งนี้ ก็เพราะหลักการควบคุมโรคที่สำคัญ คือ จะไม่มีใครปลอดภัยจนกว่าเราทุกคนจะปลอดภัย
ขณะเดียวกัน หากมองดูประเทศที่มีต้นทุนสูงและไม่ได้พึ่งพาการท่องเที่ยวอย่างนิวซีแลนด์และออสเตรเลีย ยังคงปิดประเทศต่อไป ในขณะที่ประเทศญี่ปุ่นแม้มีความเจริญมากกว่าประเทศไทย แต่ในปัจจุบันบุคลากรทางการแพทย์ยังได้ฉีดวัคซีนเพียง 50% ส่วนประเทศไทยที่มีวัคซีนเพียงน้อยนิด ก็คิดจะเอามาเพื่อแก้ปัญหาทุกอย่าง ทั้งลดการตาย ควบคุมการระบาด ฟื้นเศรษฐกิจ ทั้งมีระบบอุปถัมภ์ลัดคิววัคซีนอีกด้วย
พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้าง ปี’60 ปมเบื้องหลังจัดหาวัคซีนช้า
ด้าน “นพ.วิชัย โชควิวัฒน” กรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุข สปสช. และอดีตเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มองว่าปัญหาการบริหารวัคซีนมีทั่วทั้งโลก แต่ปัญหาการตัดสินใจเรื่องแผนจัดหาวัคซีนของประเทศไทย มี 2 ประการคือ 1. ประเทศไทยไม่คิดว่าทั่วโลกจะสามารถผลิตวัคซีนได้รวดเร็วขนาดนี้ เพราะหากเปรียบเทียบวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ใช้เวลาถึง 20 ปีกว่าจะคิดค้นวัคซีนได้ ส่วนวัคซีนที่ผลิตได้เร็วที่สุดที่ผ่านมา คือ วัคซีนคางทูม ใช้เวลาถึง 4 ปี ขณะที่การผลิตวัคซีนโควิด-19 เป็นเรื่องมหัศจรรย์และเป็นความเจริญทางวิทยาศาสตร์ที่ใช้เวลาไม่ถึง 1 ปี ก็สามารถคิดค้นวัคซีนได้ ซึ่งนับตั้งแต่วันแรกที่ยืนยันเชื้อใหม่ 11 ม.ค. 2563 ธุรกิจยาหลายแห่งก็เริ่มนับหนึ่งในการวิจัยวัคซีน ประเทศไทยก็ติดตามการคิดค้นวัคซีนมาตลอด ปรากฏว่าวัคซีนตัวแรกที่สามารถที่คิดค้นสำเร็จ คือ ไฟเซอร์ มีประสิทธิภาพป้องกันโรคได้ถึง 94% เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 2563 ซึ่งประเทศอังกฤษก็เตรียมจัดหาวัคซีนไฟเซอร์เพื่อมาใช้กับประชาชน โดยการทำงานของ อย. ประเทศอังกฤษ ไม่ได้นั่งรอให้บริษัทยามาขอขึ้นทะเบียน แต่ติดต่อไปเลย แม้ผลการทดสอบจะอยู่ระหว่างทาง
2. ประเทศไทยระบบกฎหมายไม่เอื้อต่อการจัดหาวัคซีนฉุกเฉิน จาก พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 ซึ่งเป็นฉบับปราบโกง ระบุชัดเจนว่าการจัดซื้อภาครัฐจะต้องซื้อสินค้าที่ปลอดภัย คุณภาพดี และราคาย่อมเยา ซึ่งสินค้าเหล่านี้ไม่มีอยู่จริง ซึ่งคนในสถาบันวัคซีนแห่งชาติ หากจัดหาวัคซีนไม่รอบคอบก็อาจจะติดคุก จึงมีการหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กรมบัญชีกลาง อัยการสูงสุด รวมถึง วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมาย ทุกคนบอกว่าไม่ได้ทั้งนั้น
แต่ก็ไปเจอช่องทางที่สามารถทำได้ คือ พ.ร.บ.ความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ พ.ศ. 2561 ซึ่งเปิดช่องทางให้ได้เซ็นสัญญาโดยมี 3 ทางเลือก 1. ดีลโดยตรง 2. ร่วมโครงการ COVAX และ 3. อื่น ๆ เช่น การวิจัยและพัฒนาเอง
“ทีนี้ทางเลือกแรก การดีลตรง เลือกแอสตราเซเนกา เพราะได้วัคซีนจำนวนมาก และไทยได้เป็นแหล่งผลิต ทั้งยังราคาถูก”
ขณะที่ “นพ.สุรเชษฐ์” กล่าวถึงการสะดุด ของการส่งมอบวัคซีนแอสตราเซเนกา อาจมีปัญหาเรื่องเอกสาร แล้วก็ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าจะทยอยส่งมอบวันไหน จำนวนเท่าไร ซึ่งจากการวางแผนกระจายวัคซีนเดิม คนกลุ่มแรกที่จะได้รับวัคซีนก็ คือ ผู้สูงอายุและกลุ่ม 7 โรคเรื้อรัง ซึ่งสอดคล้องกับจำนวนของวัคซีน ที่จะทยอยส่งมอบในเดือนมิถุนายน 6 ล้านโดส และในเดือนกรกฎาคมอีก 10 ล้านโดส รวมเป็น 16 ล้านโดส ใกล้เคียงกับสัดส่วนกลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่มเสี่ยง 7 โรค เกือบทั้งประเทศ 16 ล้านคน
ขณะที่คนกลุ่มนี้ลงทะเบียนผ่านหมอพร้อม 7-8 ล้านคน ประกอบกับวัคซีนเสริมซิโนแวค พื้นที่กรุงเทพมหานคร มีคนลงทะเบียนผ่านระบบที่จัดไว้ 1.5 ล้านคน ส่วนนี้ก็อาจจะเอาไปใช้กับพื้นที่ระบาดหนักได้ เพราะฉะนั้น ปัญหาน่าจะอยู่ที่แอสตราเซเนกาว่าจะทยอยส่งมอบเมื่อไร จะครบถ้วนหรือไม่
ชี้ ฉีดวัคซีนต้องใช้ยุทธศาสตร์การแพทย์นำ
“นพ.สุรเชษฐ์” ระบุถึงเป้าหมายของแผนกระจายวัคซีนว่า คงจะต้องทำความเข้าใจให้ชัดว่าจะมีเป้าหมายเพื่ออะไร การใช้วัคซีนตามยุทธศาสตร์การแพทย์ คือ ใช้เพื่อลดการเสียชีวิต ซึ่งกลุ่มที่เสียชีวิตส่วนใหญ่ก็คือผู้สูงอายุ ขณะที่การปูพรมฉีดวัคซีนจำนวนมาก ก็ยังไม่ได้การันตีว่าจะหยุดการระบาดได้จริงหรือไม่ เพราะมีตัวอย่างจากหมู่เกาะเซเชลส์ (สาธารณรัฐเซเชลส์) ที่ฉีดวัคซีนไปเกิน 70% แต่ก็เกิดการระบาดซ้ำ ขณะที่การฉีดวัคซีนทั้งเกาะภูเก็ตจะเป็นบทพิสูจน์สำคัญว่าวัคซีนช่วยหยุดการระบาดได้จริงหรือไม่
“ถ้าถามว่าฉีดใครก่อน ก็ควรต้องฉีดตามยุทธศาสตร์ทางการแพทย์นำ ถ้าจะลดการเสียชีวิตต้องฉีดผู้สูงอายุ และกลุ่มเสี่ยง แต่ถ้าจะลดการระบาดต้องลดการติดต่อของผู้คน ซึ่งการฉีดวัคซีนในระยะสั้นไม่ลดการระบาด เพราะต้องฉีดให้ได้มากถึง 70-80% ซึ่งต้องใช้เวลา”
ห่วงวิกฤตห้องไอซียู ทำยอดผู้เสียชีวิตพุ่ง
อย่างไรก็ตาม “นพ.สุรเชษฐ์” ระบุว่า เป็นห่วงสถานการณ์การครองเตียงของผู้ป่วยโควิด-19 ตอนนี้มาก โดยเฉพาะ ห้องไอซียูที่อาจทำให้คนไข้โรคอื่น ๆ เสียโอกาส ยกตัวอย่างประเทศอังกฤษ ที่มีอัตราการตายสูง เพราะ 1. จำนวนผู้สูงอายุ 2. ผู้ป่วยล้นระบบสาธารณสุข ไม่สามารถดูแลได้ ส่วนสถานการณ์ในประเทศไทย เช่น ที่โรงพยาบาลบางบัวทอง มีคนไข้สีเหลืองครองเตียงอยู่ทั้งหมด 120 เตียง ต้องใส่สายออกซิเจนถึง 20 คน หากเป็นผู้ป่วยสีแดงแทบจะหาที่ส่งต่อไม่ได้ เรื่องนี้ นายกสมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ก็แสดงความเป็นห่วงมาโดยตลอด ยืนยันว่า จำนวนแพทย์ไม่ได้ขาดแคลน แต่ตอนนี้ขาดแคลนพยาบาลอย่างรุนแรง และขาดแคลนเตียงคนไข้หนัก
“ย้อนกลับไปสถานการณ์อาจมาไม่ถึงจุดนี้ เพราะประเทศไทยมีนักระบาดวิทยาเก่ง ๆ หลายคน วันที่ 1 เมษายน ที่ผ่านมา นักระบาดวิทยาเริ่มเสนอให้มีการล็อกดาวน์ เทศกาลสงกรานต์เนื่องจากเห็นการระบาดหลายคลัสเตอร์ แต่รัฐบาลก็ยังคงปล่อยให้เกิดการเดินทาง”
ต่อเรื่องความสำคัญของนักระบาดวิทยา “นพ.สุรเชษฐ์” กล่าวอีกว่าหากเปรียบเทียบกันแล้ว ประเทศไทยอบรมนักระบาดวิทยาเข้าสู่รุ่นที่ 40 กว่า ในขณะที่เกาหลีใต้พึ่งมีนักระบาดวิทยารุ่นที่ 5-6 เท่านั้น
เห็นใจนายกรัฐมนตรี 7 ปีมีปัญหาต้องแก้หลายเรื่อง
“นพ.วิชัย” มองว่าการระบาดของโควิด-19 เป็นปัญหาใหญ่เกินกว่าที่กระทรวงใดกระทรวงหนึ่งจะรับมือได้ จึงจำเป็นต้องมี ศบค. อย่างไรก็ตาม พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ที่มีการกระจายอำนาจตั้งคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อทุกจังหวัดนั้น ถ้าไม่มีอำนาจส่วนนี้การบริหารจัดการจะเละเทะกว่านี้ หากย้อนกลับไปโรคระบาดอื่น ๆ ไม่เคยร้ายแรงเท่า โควิด-19 ตั้งแต่โรคเอดส์ ที่หลายคนเชื่อว่าจะเป็นโรคระบาดทำลายล้างโลก ก็กลายเป็นโรคเรื้อรัง โรคซาร์สระบาดอยู่ประมาณ 8 เดือน ก็สงบลง เนื่องจากประเทศไทยมีนักระบาดวิทยา และสร้างระบบเฝ้าระวังที่เข้มแข็งก่อนประเทศเกาหลีใต้
“ส่วนตัวเห็นใจนายกรัฐมนตรีที่อยู่มาถึง 7 ปี มีปัญหาให้แก้ไขมากมาย ในขณะที่สังคมต้องเปิดโอกาสให้บริหารงานในมิติของความเป็นมนุษย์”