สธ. งัด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.โรคติดต่อ เอาผิดผู้ปกปิดไทม์ไลน์

ชี้ ทำให้โควิด-19 แพร่ระบาดออกไปในวงกว้าง​ ป้องกันควบคุมโรคล่าช้า ไม่ทันการณ์​ “โรงแรมบันยันทรี” โดนด้วย ปล่อยจัดปาร์ตี้​เกิน​ 3​ ทุ่ม​ เสิร์ฟสุรา ฝืนมาตรการสาธารณสุข

เมื่อวันที่ 28​ ม.ค.​ 2564​ อนุทิน​ ชาญ​วี​รกูล​ รองนายก​รัฐมนตรี ​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​ เปิดเผยว่า​ วันนี้ อธิบดีกรมควบคุมโรค ได้ดำเนินการกรณีที่มีผู้ป่วยโควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพฯ เชื่อมโยงกับงานฉลองวันเกิดของดีเจดัง ซึ่งมีบางรายปกปิดข้อมูลในไทม์ไลน์ โดยทำหนังสือด่วนที่สุดถึงสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร เรื่อง ขอให้ตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมาย ลงวันที่ 27 ม.ค. 2564 เนื่องจากพบว่ามีบุคคลอื่นซึ่งมีประวัติใกล้ชิดกับดีเจดังติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นอีก โดยจากข้อมูลการเดินทางของบุคคลดังกล่าวและบุคคลที่เกี่ยวข้องมีการให้ข้อมูลบางประการที่ไม่สอดคล้องกัน รวมถึงมีการปฏิเสธหรือปกปิดข้อมูลบางส่วนต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ซึ่งการกระทำดังกล่าวอาจทำให้โรคโควิด-19 แพร่ระบาดไปในวงกว้างและทำให้การป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 ล่าช้าและไม่ทันการณ์ได้

จากกรณีดังกล่าว กรมควบคุมโรค ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าอาจเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 รวมถึงกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง คือ 1. กรณีที่บุคคลให้ข้อมูลไม่สอดคล้องกัน หรือมีการปฏิเสธหรือปกปิดข้อมูลซึ่งควรต้องแจ้งต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ อาจเข้าข่ายเป็นความผิดฐานขัดขวางหรือไม่อำนวยความสะดวกแก่เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ตามมาตรา 55 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท รวมถึงอาจมีความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย ตามมาตรา 137 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

และ 2. กรณีสถานที่ซึ่งใช้จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ อาจเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนการห้ามจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคและไม่จัดให้มีมาตรการป้องกันโรคตามที่ราชการกำหนด รวมถึงกรณีบุคคลที่ร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ดังกล่าว อาจเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนการห้ามทำกิจกรรมหรือมั่วสุมกันในสถานที่แออัด ซึ่งเป็นมาตรการตามข้อกำหนดที่ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548

ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดตามคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) ที่ 1/2564 ลงวันที่ 3 ม.ค. 2564 โดยพื้นที่ควบคุมสูงสุดจำเป็นต้องมีมาตรการที่เข้มงวดเพื่อป้องกันและควบคุมมิให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ซึ่งผู้ฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548

“ผู้สอบสวนโรคต้องใช้ข้อมูลจากผู้ป่วย​ ไม่ต้องกังวลว่าเขาจะเอาไปประจาน​ เพราะเขามีหน้าที่เพื่อเอาข้อมูลไปดำเนินการป้องกันโรค​ ไม่ให้แผ่ออกไปในวงกว้าง ยิ่งให้ความร่วมมือมากที่ที่สุด​ ก็จะเป็นประโยชน์​ต่อเพื่อนร่วมชาติ”

อนุทิน​ กล่าวต่อไปอีกว่า เตรียมเอาผิดกับ โรงแรมบันยันทรี สาทร​ ที่เปิดให้บริการกลุ่มที่จัดปาร์ตี้วันเกิดดังกล่าว โดยเป็นการไม่ปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุข ป้องกันควบคุมโรค โควิด-19 ที่มีออกที่มีประกาศออกมา ทั้งการเปิดให้บริการเกินเวลา 21.00 น. และการเสิร์ฟสุรา โดยมีภาพถ่ายที่ปรากฏออกมาเป็นหลักฐานยืนยัน อย่างชัดเจน

ด้าน นายแพทย์โอภาส​ การย์กวินพงศ์​ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วงนี้ ขอความร่วมมือประชาชนทุกคนอย่าปกปิดข้อมูลหรือให้ข้อมูลล่าช้า เพราะจะส่งผลให้การควบคุมโรคทำได้ช้า ไม่ทันการณ์ และเพิ่มความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อไปยังบุคคลอื่นเพิ่มได้อีก และขอให้ทุกคนเคร่งครัดมาตรการป้องกันตนเอง โดยสวมหน้ากาก 100 % เว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อย ๆ เช็กชื่อด้วย “ไทยชนะ” และดาวน์โหลด “หมอชนะ” เพื่อช่วยให้การสอบสวนควบคุมโรคและติดตามผู้สัมผัสเสี่ยงได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

Author

Alternative Text
AUTHOR

วชิร​วิทย์​ เลิศบำรุงชัย

ผู้สื่อข่าวสาธารณสุข ThaiPBS