ข้าราชการ ภาคเอกชน และประชาชน ร่วมพิธีสวดอภิธรรม นพ.มงคล ณ สงขลา จัดงานเรียบง่าย ตามเจตนารมณ์ ลูกชายเผย คำสั่งเสียสุดท้าย
ช่วงเย็นวันนี้ (15 ธ.ค. 2563) ผู้บริหาร และข้าราชการ กระทรวงสาธารณสุข กลุ่มแพทย์ นักวิชาการ เครือข่ายภาคประชาชน ร่วมพิธีสวดอภิธรรม นพ.มงคล ณ สงขลา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่ศาลา 4 วัดปริวาสราชสงคราม กรุงเทพฯ
เมื่อเวลาประมาณ 17.40 น. ผู้แทนพระองค์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี นำพวงมาลาพระราชทานวางหน้าหีบศพ นพ.มงคล ณ สงขลา
สำหรับพิธีสวดอภิธรรม ได้เริ่มขึ้นในช่วงเวลา 18.30 น. โดยมีบุคคลสำคัญเข้าร่วมจำนวนมาก อาทิ ชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา รวมทั้งอดีตรัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ ทั้ง ศ.วิจิตร ศรีสะอ้าน อดีต รมว.กระทรวงศึกษาธิการ ศ.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ อดีต รมว.กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมถึง นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค และ บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์
การจัดงาน เป็นไปตามเจตนารมณ์ของ นพ.มงคล ภายหลังจากที่ครอบครัวได้นำส่งร่างให้กับภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล เพื่อใช้ประโยชน์ในการศึกษาการเรียนรู้แล้ว ที่ นพ.มงคล ต้องการให้จัดงานศพอย่างสงบ เรียบง่าย ไม่รับพวงพรีด ไม่รับเงินทำบุญ และต้องการให้จัดพิธีสวดอภิธรรมแค่ 1 คืนเท่านั้น ก่อนทำพิธีฌาปนกิจศพด้วยรูปถ่ายในวันพรุ่งนี้ (16 ธ.ค.) เวลาประมาณ 14.30 น. ซึ่งได้รับรายงานว่า พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี จะเดินทางมาเป็นประธาน ในฐานะที่ นพ.มงคล เคยเป็นรัฐมนตรีร่วมรัฐบาลในช่วงปี 2549-2551
นพ.มั่นจิตต์ ณ สงขลา อายุรแพทย์โรคติดเชื้อ รพ.ชลบุรี ในฐานะบุตรชาย เปิดเผยว่า นพ.มงคล เป็นต้นแบบการใช้ชีวิต ซึ่งสิ่งที่ได้รับการเน้นย้ำสุดท้ายคือขอให้พยายามทำดี โดยไม่ต้องใส่ใจกับคำวิจารณ์ ถ้าทำอย่างถูกต้อง และตอบคำถามให้ได้ว่าสิ่งที่ทำไปแล้วเกิดประโยชน์แก่ส่วนรวมหรือไม่
“สิ่งที่คุณพ่อทำให้เห็นมาตลอด คือ การทำงานต้องลงไปให้เห็นปัญหา ต้องไปเจอปัญหา ไม่ใช่นั่งอยู่แค่โต๊ะทำงาน จะไม่ทำให้เห็นปัญหาจริง ๆ นี่คือสิ่งสำคัญที่คุณพ่อยึดถือในช่วงชีวิตการทำงาน และเป็นความทรงจำที่มีค่า เพราะทำให้ผมได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างที่นำมาใช้กับบทบาทการเป็นแพทย์ที่ต้องทำเพื่อผู้ป่วยอย่างแท้จริง”
ในขณะที่การเผชิญวาระสุดท้ายของชีวิตสำหรับ นพ.มงคล ถือว่าเตรียมตัวและตั้งใจมานานกว่า 10 ปีแล้ว ซึ่ง นพ.มั่นจิตต์ บอกว่า ทำให้ได้เรียนรู้ว่าชีวิตไม่มีอะไรแน่นอน และในฐานะของแพทย์ แน่นอนว่าได้รับรู้ความเป็น ความตายมาโดยตลอด ดังนั้น ในวาระสุดท้ายจึงไม่จำเป็นต้องทำให้เกิดความยุ่งยาก แต่ควรเป็นการกลับคืนสู่ธรรมชาติที่เรียบง่าย ไม่เจ็บ ไม่ทรมาน ไม่ทำให้ใครเดือดร้อนจะเป็นการดีที่สุด ซึ่งเป็นสิ่งที่ นพ.มงคล ได้แสดงให้เห็นเป็นรูปธรรมแล้ว